ตอนที่ 360 ช่วงชิงสถานะและชื่อเสียงนึงมาให้ได้
ในขณะเดียวกัน ชั้นสองของคฤหาสน์ตระกูลไป๋
ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง ยังคงดื่มด่ำอยู่ในความฝัน
ในที่สุด คุณแม่ไป๋ก็ทนไม่ไหวเข้ามาตบไปที่ประตู “เสว่เอ๋อร์ ลูกยังไม่ตื่นอีกหรอ?”
ได้ยินเสียง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในม่านตาก็คือการตกแต่งภายในห้องที่เธอคุ้นเคย ชะงักงันไปครึ่งวินาที เธอได้มีสติกลับคืนมา ที่แท้เธอได้กลับมาที่บ้านแล้ว…
“ทำไมยังไม่ลุกอีก?” คุณแม่ไป๋ผลักประตูเดินเข้ามา “หากช่วงสองสามวันนี้ลูกไม่มีธุระอะไรแล้วล่ะก็ ไปเดินช้อปปิ้ง เสริมความงามเป็นเพื่อนแม่กับน้าหรงด้วยกันสิ จะอาศัยอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวไม่ได้นะ”
สูดหายใจเข้าเต็มปอด ไป๋เสว่เอ๋อร์ถือโอกาสเอ่ยรับคำออกไป คลุมทับด้วยชุดนอนหลวมสบายที่อยู่ด้านข้าง ลงจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน
ออกจากห้องนอน ลงมาถึงชั้นล่าง มองเห็นอาหารเช้าที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาบนโต๊ะอาหารอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ
ต้องรู้ว่าตั้งแต่เธอเป็นเด็กจนโตมาถึงอายุยี่สิบปีกว่าๆ เธอไม่เคยเห็นคุณแม่เข้าครัวมาก่อน มีเพียงแค่ในตอนนี้บ้านตระกูลไป๋ล้มละลาย เธอถึงได้เข้าครัวต้มโจ๊กข้าวต้มเล็กน้อยออกมา…
แต่ตอนนี้ที่วางอยู่ที่ด้านหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์กลับเป็นอาหารเช้าที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปทั่วทั้งโต๊ะ
ในใจของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาว่า “แม่คะ พวกนี้แม่เป็นคนทำหรอ?”
“ไม่ใช่” คุณแม่ไป๋เอ่ยปากอธิบายว่า “เป็นคุณป้าที่คุณลุงเจิ้นปางของลูกจัดเตรียมเอาไว้ให้แม่ ถึงเวลาอาหารก็จะมาทำกับข้าว”
ในตอนที่ได้ยิน “คุณลุงเจิ้นปาง” ไม่กี่คำนี้ คิ้วของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างกะทันหัน
ไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของเธอ คุณแม่ไป๋หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบปาท่องโก๋ชิ้นหนึ่งวางเอาไว้บนจานอาหารที่อยู่ด้านหน้าของเธอ “รีบหน่อยทานตอนที่กำลังร้อนๆอยู่ อีกสักพักพวกเรายังจะต้องออกไปข้างนอกกันอีก”
กลิ่นเอียนของน้ำมันลอยทะลุเข้าไปในโพรงจมูกของเธอ ดูเหมือนจะรุนแรงมากยิ่งกว่าตอนที่ได้กลิ่นในเวลาปกติ สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปในทันที ความรู้สึกพะอืดพะอมพุ่งขึ้นมาจากในกระเพาะ ตรงเข้าสู่คอหอยของเธอ
เธอรีบลุกขึ้นยืน หมุนตัวก้าวขาอย่างรวดเร็วเดินไปทางห้องน้ำในทันที เดินเข้าไปก็อาเจียนไปกับชักโครกอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้
คุณแม่ไป๋เห็นท่า ก็ตกใจเสียยกใหญ่ เธอรีบวางตะเกียบลง เดินตามเข้าไปในห้องน้ำทันที เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์อาเจียนอยู่นาน ที่อาเจียนออกมามีเพียงแค่น้ำในกระเพาะอาหารนิดหน่อยเท่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
“เสว่เอ๋อร์ นี่ลูกเกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์โบกไม้โบกมือเล็กน้อย ควบคุมความรู้สึกพะอืดพะอมที่ทะลักขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน “ไม่เป็นไรค่ะ คงจะเป็นเพราะว่าอาหารเป็นพิษ”
หากความจริงเรื่องการตั้งท้องถูกคุณแม่ไป๋รู้เข้า เกรงว่าภายหลังจะต้องวุ่นวายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน สู้ปิดบังเธอเอาไว้ก่อนตั้งแต่แรกยังจะดีซะกว่า
แต่สุดท้ายยังไงคุณแม่ไป๋ก็เป็นคนที่เคยผ่านอาการเหล่านี้มาก่อน ดูแวบเดียวในใจก็มีการคาดเดาเอาไว้แล้ว
เธอยื่นมือออกมาดึงมือของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ เอ่ยถามด้วยท่าทีที่จริงจังว่า “เสว่เอ๋อร์ ลูกบอกแม่มาตามตรง ตั้งท้องแล้วใช่ไหม?”
ตกใจไปชั่วขณะ ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าไปมองคุณแม่ไป๋โดยจิตใต้สำนึกในทันที ยังไม่ทันคิดดีว่าจะตอบยังไง คุณแม่ไป๋ก็เอ่ยถามย้อนกลับต่อไปว่า “ทำไมไม่บอกแม่?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากปฏิเสธเบาๆ “แม่ เปล่าค่ะ”
สีหน้าของคุณแม่ไป๋อึมครึมลงไปอย่างกะทันหัน “ลูกยังคิดที่จะโกหกแม่? ลูกรัก แม่ตั้งท้องสิบเดือนคลอดลูกออกมา มีอะไรที่ไม่รู้? มีอะไรที่ไม่เคยเห็น?”
รู้ว่าปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ทำได้เพียงไม่แก้ตัวต่อไปอีก หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยปากขึ้นมาเบาๆว่า “ตั้งท้องแล้วจะยังไงได้คะ เผยลี่เชินไม่เชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา”
“อะไรนะ?” สีหน้าของคุณแม่ไป๋เปลี่ยนไปในทันที “ไม่ใช่ของเขายังจะเป็นของใครได้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด ดึงคุณแม่ไป๋ออกไปทางด้านนอก “แม่ เรื่องนี้แม่ก็ไม่ต้องมาสนใจหรอกค่ะ หนูมีความคิดเป็นของตัวเอง”
คุณแม่ไป๋ดูเหมือนยังจะอยากพูดเตือนอีกสองสามประโยค แต่เห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของไป๋เสว่เอ๋อร์ สุดท้ายก็นำคำพูดที่ขึ้นมาจนถึงริมฝีปากกลืนกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง
ถือโอกาสดื่มน้ำเต้าหู้นิดหน่อย ไป๋เสว่เอ๋อร์แทบจะไม่ได้ทานอะไรเลย จากนั้นก็ออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนคุณแม่ไป๋ไปในทันที
เพิ่งจะมาถึงห้างสรรพสินค้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองเห็นน้าหรงที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างของร้านกาแฟในชั้นหนึ่ง คุณแม่ไป๋ทักทายกับน้าหรง อย่างอารมณ์ดี จากนั้นน้าหรงก็มองมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เสว่เอ๋อร์ก็มาด้วยหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยให้กับเธอ ทักทายเธออย่างนิ่งสงบ “น้าหรง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
ทั้งสามคนนั่งลงในร้านกาแฟ พูดคุยกันเล็กน้อยก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะไปช้อปปิ้ง
“ช่วงนี้แบรนด์ดังมีกระเป๋ารุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว ฉันตั้งใจให้เสี่ยวเซี่ยเก็บไว้ให้พวกเราสองสามรุ่น กำลังรอให้พวกเราเข้าไปดูกันล่ะ!”
“จริงหรอ?ฉันกำลังคิดจะซื้อกระเป๋าอีกใบพอดีเลย…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามอยู่ที่ด้านหลัง ได้ยินบทสนทนาพูดคุยกันเธอคำฉันคำของพวกเธอ ก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาอย่างประหลาด
ตอนนี้คุณแม่ไป๋ไม่ได้มีแหล่งกำเนิดของรายได้ แต่น้ำเสียงที่บอกว่าจะซื้อกระเป๋ากลับสบายๆขนาดนั้น…
ทันใดนั้น คุณแม่ไป๋ก็มองเห็นร้านของใช้แม่และเด็กที่ด้านข้างบนชั้นสองร้านหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะก้าวขาให้เดินช้าลง
น้าหรงสังเกตเห็นสายตาของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาว่า “ทำไมกัน? เธออยากจะเดินช้อปปิ้งร้านของใช้แม่และเด็ก?”
คุณแม่ไป๋หยุดชะงักเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับอะไร เพียงแต่หันหน้าไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง เอ่ยปากถามขึ้นว่า “พวกเราเข้าไปเดินดูข้างในกัน มีของใช้มากมายเลยที่จำเป็น”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ มองเห็นร้านของใช้แม่และเด็กที่ตกแต่งด้วยสีชมพูร้านนั้น จากนั้นก็เข้าใจความหมายในคำพูดของคุณแม่ไป๋ขึ้นมาในทันที แก้มทั้งสองข้างของเธอร้อนระอุขึ้น ยังไม่ทันจะได้ตอบกลับ ก็ถูกคุณแม่ไป๋ดึงเข้าไปทางนั้นในทันที
น้าหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างมีสีหน้าที่ตกใจ ความไม่เข้าใจในสายตาเปลี่ยนเป็นความช็อก สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นความตกใจอีกครั้ง “เสว่เอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว? ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันสักคำ?”
ได้ยินน้าหรงพูดเช่นนี้ คุณแม่ไป๋ก็เอ่ยปากออกมาว่า “ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ไป พวกเราเข้าไปเลือกซื้อของนิดหน่อยให้กับเธอ”
ในขณะที่พูด คุณแม่ไป๋ก็ดึงไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้าไปทางด้านใน
“แม่ ไม่ต้อง” ไป๋เสว่เอ๋อร์แก้มทั้งสองข้างแดงก่ำ เธอคิดจะดึงมือออกมา แต่กลับถูกกุมเอาไว้อย่างแน่น
“ไม่ต้องอะไรกัน?” สีหน้าของคุณแม่ไป๋อึมครึมลงไปในทันที เอ่ยถามย้อนกลับด้วยความจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “หรือว่าลูกไม่อยากจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้?”
คำถามย้อนกลับหนึ่งประโยคที่มาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ทำไมเธอถึงจะไม่อยากเก็บเอาไว้ล่ะ? แม้ว่าเผยลี่เชินจะอยากให้เธอเอาออกอีกยังไง เธอก็ไม่เคยคิดที่จะเอาเขาออกแม้แต่ครั้งเดียว
นิ่งสงบไปเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เอ่ยปากขึ้นอย่างราบเรียบว่า “เปล่าค่ะ”
คุณแม่ไป๋ดูเหมือนจะแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “งั้นไปเดินดูนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป? ของเหล่านี้จะช้าจะเร็วก็ต้องเตรียมเอาไว้ ลูกทำความเข้าใจเอาไว้ล่วงหน้าสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”
หยุดชะงักไปเล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับรู้สึกว่าคุณแม่เองก็พูดถูกเสียด้วยซ้ำ เธอพยักหน้าเบาๆ ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
น้าหรงที่อยู่ด้านข้าง แม่ว่าจะมีคำถามมากมาย แต่อยู่ต่อหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ ก็ไม่สะดวกที่จะเอ่ยถามออกมา รอจนกระทั่งเข้าไปด้านในร้านของใช้แม่และเด็กแล้ว เธอถึงลากคุณแม่ไป๋แล้วเอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า “เป็นลูกของเผยลี่เชินหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ?” คุณแม่ไป๋หันไปมองน้าหรงแล้วเอ่ยถามย้อนกลับว่า “ยังจะเป็นของใครได้อีก!”
“ฉันก็แค่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้…เรื่องการแต่งงานของพวกเขาสองคนยังไม่ทันจัดการให้เรียบร้อย นี่มาตั้งท้องก่อนแล้ว…อย่ารอให้ถึงเวลาเด็กคลอดออกมา บ้านตระกูลเผยก็ไม่ยอมรับอีกเชียวล่ะ!”
น้าหรงดึงคุณแม่ไป๋เอาไว้ กดเสียงให้เบาเอ่ยปากพูดต่อไปว่า “ฉันจะบอกเธอให้ ลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงญาติห่างๆของฉัน ลูกสาวของเธอหาลูกคนรวยที่เมืองหลินเฉิง แล้วก็ท้องก่อนแต่งเช่นเดียวกัน ฝ่ายชายจะรอให้เธอไปตรวจว่าเป็นชายหรือหญิงให้ได้ บอกว่าเป็นผู้ชายถึงจะให้เข้าบ้าน ฉันบอกเธอให้นะ มีบางครอบครัวความคิดก็เป็นแบบสืบทอดต่อกันมา ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะเป็นยังไงได้ล่ะ สรุปแล้วน่ะนะ มีเพียงแค่จดทะเบียนจัดการแต่งแล้วถึงจะถือว่ามั่นคง…”
ฟังน้าหรงพูดมามากมายขนาดนี้ อยู่ๆคุณแม่ไป๋ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เธอหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังดูชุดคลุมท้องอยู่อีกด้าน จากนั้นก็เอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “เผยลี่เชินคงจะไม่เป็นแบบนั้น ฉันเห็นว่าเขาปฏิบัติต่อเสว่เอ๋อร์ก็ไม่เลวเท่าไร”
น้าหรงสบถออกมาคำหนึ่ง “เขาดีกับเสว่เอ๋อร์มีประโยชน์อะไรล่ะ!เธอลองคิดดูจินจิงจิงคนนั้น!เธอเป็นถึงดาราใหญ่ เข้าประตูบ้านตระกูลเผย แม้แต่งานแต่งที่เป็นหน้าเป็นตาก็ยังไม่มี!จัดการให้จบแบบลวกๆภายในก็เท่านั้นเอง!”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของคุณแม่ไป๋ก็อึมครึมลงไปในทันที รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เธอก็มีไป๋เสว่เอ๋อร์ลูกสาวคนนี้แค่คนเดียว ไม่ง่ายเลยที่จะเลี้ยงจนโตมาขนาดนี้ หากต้องมองดูเธอถูกส่งไปได้รับความทุกข์ทรมานที่บ้านตระกูลเผย เธอยอมที่จะให้เธอไม่แต่งออกไป!
เธอจะต้องคิดหาวิธี!ช่วงชิงสถานะและชื่อเสียงที่สง่าผ่าเผยมาให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ให้ได้!