ตอนที่ 359 พยายามจัดการเรื่องให้แน่นอนโดยเร็วที่สุด
พวกเขาเพิ่งกลับมาจากการทำงานนอกสถานที่ที่เมืองปินเฉิง เรื่องการตั้งครรภ์ของไป๋เสว่เอ๋อร์คุณแม่ไป๋ก็ต้องไม่มีทางรับรู้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไม่เข้าใจความขัดแย้งต่างๆระหว่างพวกเขาสองคน สำหรับความต้องการกลับไปพักที่บ้านอย่างกะทันหันของไป๋เสว่เอ๋อร์ แน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะเข้าใจได้
เผยลี่เชินสูดหายใจเข้าเต็มปอด นำเรื่องที่ตอนอยู่ที่เมืองปินเฉิงไป๋เสว่เอ๋อร์เกือบจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์บอกกับเธอ
พอได้ฟังเข้าพูดเช่นนี้ สีหน้าของคุณแม่ไป๋ก็เปลี่ยนไปในทันที “เสว่เอ๋อร์ล่ะ? เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เธอไม่เป็นอะไรครับ เพียงแต่ถูกทำให้ตกใจเท่านั้น อาจจะต้องพักผ่อนสองสามวันถึงจะกลับมาเป็นปกติ” เผยลี่เชินพูดไปด้วยสังเกตสีหน้าของคุณแม่ไป๋ไปด้วย “ผมสงสัยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ อาจจะมีคนจงใจก่อเหตุ ตอนนี้ยังคงตรวจสอบอยู่”
“อะไรนะ?” สีหน้าของคุณแม่ไป๋ซีดลงไปเล็กน้อยภายในทันที “งั้นเสว่เอ๋อร์กลับไปกับฉันจะไม่ยิ่งอันตรายหรอกหรอ?”
“ผมจะส่งคนไปคุ้มกันพวกคุณน้าอย่างลับๆ หลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์ผมค่อยไปรับเธอกลับมา”
คุณแม่ไป๋พยักหน้าติดต่อกัน “โอเค แบบนี้ฉันถึงวางใจได้หน่อย”
มองเห็นความเป็นกังวลและความหวาดกลัวที่อยู่บนใบหน้าของเธอ เผยลี่เชินก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างดูเหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้มว่า “อาศัยความสามารถและวิธีการของคุณน้าแล้ว เรื่องแบบนี้สำหรับคุณน้าคงจะไม่ยากที่จะรับมือขนาดนั้น”
พอคำพูดนี้หลุดออกมาจากปาก สีหน้าของคุณแม่ไป๋ก็เปลี่ยนไปในทันที มองดูสายตาของเผยลี่เชินอีกรอบ จากนั้นก็มีการเตรียมป้องกันเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย “เธอนี่ช่างยกยอฉันเกินไปจริงๆ คำพูดแบบนี้จะมาล้อเล่นไม่ได้นะ”
หัวเราะแห้งๆขึ้นมานิดหน่อย จากนั้นเธอก็พูดต่อไปอีกว่า “ฉันขึ้นไปหาเสว่เอ๋อร์ข้างบนก่อน”
พูดประโยคนี้จบ เธอก็รีบก้าวขาเดินไปทางหน้าบันไดในทันที
มองเห็นด้านหลังที่ตึงเครียดกับฝีก้าวที่สะเปะสะปะของเธอ เผยลี่เชินก็หรี่ตาลงมาเล็กน้อย
“เสว่เอ๋อร์” ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องนอนอยู่สองสามที คุณแม่ไป๋คิดถึงคำพูดเหล่านั้นที่เผยลี่เชินพูดเมื่อสักครู่นี้ ก็ยังคงรู้สึกหวาดหวั่นในใจอยู่เล็กน้อย
ประตูห้องนอนเปิดออก ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นคุณแม่ไป๋ ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาในชั่วขณะ กางแขนทั้งสองข้างออกกอดเธอเอาไว้ในทันที
“คุณแม่…”
ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยเสียงสะอื้นออกมาโดยไม่รู้ตัว คุณแม่ไป๋ได้ฟัง ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พลิกมือกอดเธอเอาไว้ตบไปบนแผ่นหลังของเธอเบาๆ “เอาล่ะๆ เมื่อครู่นี้เผยลี่เชินได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองปินเฉิงให้แม่ฟังแล้ว สองสามวันนี้ลูกกลับไปพักกับแม่ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น จัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้ดีก็พอ”
ได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ค่อนข้างที่จะประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะนำเรื่องเหล่านั้นบอกกับคุณแม่ไป๋
ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงลูกที่อยู่ในท้องขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยปากถามขึ้นอย่างลองหยั่งเชิง “เขา…ยังพูดอะไรอีกคะ?”
“บอกว่าเขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ เขากำลังตรวจสอบ สองสามวันนี้จะส่งบอดี้การ์ดไปคุ้มครองพวกเรา” ในขณะที่คุณแม่ไป๋พูด ก็ตบไปที่แผ่นหลังของเธอเบาๆอีกครั้ง “เอาล่ะ แม่จะพาลูกกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ได้ยินคุณแม่ไป๋พูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มีการตอบสนองกลับคืนมาอย่างช้าๆ ดูเหมือนเผยลี่เชินจะไม่ได้นำเรื่องที่เธอตั้งท้องพูดออกมา
ไม่พูดชั่วคราวก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายอะไร หลีกเลี่ยงอีกหน่อยเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น เธอก็ต้องอธิบายกับคุณแม่ไป๋อีก
หยิบกระเป๋าเดินทางขึ้น เดินตามคุณแม่ไป๋ลงบันไดไป ป้าจางยืนอยู่ด้านล่าง ส่งพวกเขาไปจนถึงหน้าประตู
กวาดตามองไปทั้งรอบก็ยังไม่เห็นเงาร่างของชายหนุ่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกในใจว่างเปล่าขึ้นมาอย่างประหลาด
ขึ้นมาบนรถ ไป๋เสว่เอ๋อร์มองออกไปยังนอกหน้าต่าง มองเห็นหน้าประตูนอกจากป้าจางแล้ว ก็ไม่ได้มีเงาร่างที่เธอคุ้นเคยนั้นยืนอยู่
ระงับความรู้สึกของตัวเองลง ไป๋เสว่เอ๋อร์เบนสายตาไปทางอื่น พอมองเห็นคนขับรถที่อยู่บนรถ ก็ตกใจขึ้นมาเล็กน้อยในชั่วขณะ
ตั้งแต่หลังจากที่บ้านตระกูลไป๋เกิดเรื่อง คนรับใช้คนขับรถที่อยู่ในบ้านต่างก็เลิกจ้างไป แต่ตอนนี้กลับมีคนขับรถที่คอยฟังคำสั่งของคุณแม่ไป๋โดยเฉพาะ…นี่คือคนของใคร ไม่เอ่ยออกมาก็พอจะรับรู้ได้
ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณแม่ไป๋ยื่นมือออกมาดึงมือของเธอเอาไว้ หัวเราะเบาๆพร้อมกับเอ่ยปากอธิบายว่า “คุณลุงเจิ้นปางของลูกเห็นปกติแม่ไม่มียานพาหนะเป็นของตนเอง ไปที่ไหนก็ไม่สะดวก ก็เลยจัดเตรียมคนขับรถให้แม่คนนึงน่ะจ้ะ”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อึมครึมลงมาเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
เรื่องมาถึงตอนนี้ คุณแม่กับเฝิงเจิ้นปางทั้งสองคนต่างก็ยินยอมต่อกัน ถึงแม้เธอมีความไม่ยินยอมเป็นหมื่นแสนครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เธอเพียงแค่หวังว่าคุณแม่จะตัดความคิดที่จะแต่งงานกับเฝิงเจิ้นปางทิ้ง ยังไงซะคุณพ่อก็เสียชีวิตยังไม่ถึงสามเดือน หากเธอคิดจะแต่งงานอีกครั้ง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอหลังจากนี้หนึ่งปี
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมาว่า “แม่คะ แม่พักอยู่ด้วยกันกับเขาแล้วหรอ?”
บนใบหน้าของคุณแม่ไป๋พาดผ่านความไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อย “เปล่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก บรรยากาศนิ่งเงียบลงมาอีกครั้ง
กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลไป๋ ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ในห้องนอนของตนเอง พลิกไปพลิกมานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทุกเรื่องทุกราวต่างก็หมุนวนไปมาอยู่ภายในสมองของเธอ ความขัดแย้งระหว่างเธอกับเผยลี่เชิน รวมไปถึงคนที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังที่ลงมือกับเธอ ยังมีการเอาออกหรือเก็บเอาไว้ของลูกที่อยู่ในท้อง…
ทุกๆเรื่อง ต่างก็เพียงพอที่จะทำให้เธอกลัดกลุ้มไม่หยุดหย่อน
กำลังจะล่วงเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ทนต่อความรู้สึกง่วงที่เข้มข้นไม่ไหว ในที่สุดไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หลับลงไป
รุ่งเช้า
เผยลี่เชินเพิ่งจะนั่งลงที่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร ยกกาแฟดำขึ้นดื่มไปคำหนึ่ง โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะอยู่ๆก็สั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
กวาดตามองไปยังหน้าจอแสดงผลสายเข้าแวบหนึ่ง เห็นเป็นคุณท่านเผยที่โทรเข้ามา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ยังคงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหลครับ พ่อ”
“แกยังมีหน้ามาเรียกฉันพ่อ?” คุณท่านเผยโมโหจนไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ “แกทำเรื่องงามอะไรเอาไว้!ประธานเฉินที่มืองปินเฉิงโทรศัพท์มาถึงฉันนี่แล้ว!วิ่งไปด้วยตัวเองเพื่อจะไปขายหน้าหรอ? ความร่วมมือยังเจรจาไม่จบก็ทิ้งฝ่ายผู้ร่วมลงทุนเอาไว้อีกด้านอย่างไม่สนใจใยดี ตัวเองวิ่งกลับมาก่อน!นี่แกทำเรื่องอะไรอยู่กันแน่!”
ปล่อยให้คุณท่านเผยพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆออกมาเป็นชุด เผยลี่เชินที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ฝั่งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ในที่สุด หลังจากนั้นอยู่นาน ได้ยินฝั่งนั้นเงียบลงไป เผยลี่เชินถึงได้เอ่ยปากออกมาว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ด้านนึงเป็นความร่วมมือ อีกด้านนึงเป็นเธอ พ่อจะให้ผมเลือกยังไง?”
ประโยคนี้พูดออกไป สายโทรศัพท์ฝั่งนั้นก็เงียบลงไปในชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที คุณท่านเผยก็เอ่ยปากขึ้นต่อว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
นำเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองปินเฉิงเล่าออกไปอย่างคร่าวๆ คุณท่านเผยที่อยู่ในสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “คิดไม่ถึงว่ายังจะตรวจสอบไม่พบ?”
เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นออกมาทีละคำทีละประโยคว่า “ยังไงซะเมืองปินเฉิงก็ไม่เท่าเมืองไห่เฉิง การตรวจสอบต้องใช้เวลา”
ได้ยินดังนั้น ในที่สุดเสียงของคุณท่านเผยก็อ่อนลงมาเล็กน้อย “แกรีบสืบหาให้เร็วที่สุด ทำให้ชัดเจนว่าใครเป็นคนทำเรื่องบ้าๆนี่ ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นหญิงสาวที่ดี ฉันขอเตือนแก รีบพยายามจัดการเรื่องของพวกแกสองคนให้แน่นอนโดยเร็วที่สุด”
ได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินอึกอักไปชั่วขณะ นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา
คุณท่านเผยที่อยู่ฝั่งนั้นสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างด้วยความว่องไว เอ่ยถามขึ้นต่อไปว่า “คราวก่อนแกไม่ได้บอกว่าได้คิดที่จะขอเธอแต่งงานแล้วหรอกหรอ? เธอรับปากหรือยัง?”
สายตาของเผยลี่เชินอึมครึมลงไปเล็กน้อย “เพราะว่าเรื่องคุณพ่อของเธอทำให้ล่าช้าไปครับ”
สำหรับคำตอบนี้ของเขา เห็นได้ชัดว่าคุณท่านเผยไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ช่างเถอะๆ ยังไงก็ให้ฉันเป็นคนคิดหาวิธีก็แล้วกัน จะรอแกไปพูด เกรงว่าฉันก็อย่าได้คิดที่จะอุ้มหลานเลย วันหลังแกพาเธอกลับมาทานข้าวด้วยกัน ก็บอกไปว่าฉันเป็นคนเรียกให้มา”
“ผ่านช่วงนี้ไปก่อนก็แล้วกันครับ สองสามวันนี้เธอกลับไปพักที่บ้านแล้ว” เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “พ่อ เกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือนั้นที่เมืองปินเฉิง ผมจะลองกอบกู้สถานการณ์ดู พ่อวางใจเถอะ ผมไปทำงานก่อนล่ะ”
พูดจบ เขาก็วางสายลงในทันที
คุณท่านเผยที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นถูกตัดสายลง ก็โกรธจนถลึงตาเป่าหนวด
ทันใดนั้น เขาก็คิดถึงเรื่องที่เผยลี่เชินบอกว่าไป๋เสว่เอ๋อร์กลับบ้านไปพักสองสามวันเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมาได้ ชั่วพริบตา ในสมองก็เกิดไอเดียหนึ่งขึ้นมา
เขาหันหน้าไป มองดูลูกน้องที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง กวักมือขึ้นส่งสัญญาณให้เขาเข้ามา “แกไปสืบหามา ที่อยู่ของบ้านไป๋เสว่เอ๋อร์คือที่ไหน