ตอนที่ 375 เรื่องปิดบังยากที่จะพูด
เมื่อมาถึงที่ประตูโรงแรมที่ไป๋เสว่เอ๋อร์และไป๋ห้าวเจ๋อพักอาศัย ลู่เหยากำลังจะเปิดประตูรถ ก้าวเท้าข้างหนึ่งออกมา ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออก
จากนั้นเขาปิดประตูรถ หันไปมองคนขับรถที่อยู่ข้างหน้า ถามเบาๆ “บนรถมีเหล้าไหม?”
10 นาทีต่อมา เขาเข้าไปในโรงแรมเดินตรงไปที่ห้องพักของไป๋เสว่เอ๋อร์
“ปังปัง”
ยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงประตู
เธอลดเสียงต่ำลงพูดเบาๆ “เงียบหน่อย เสี่ยวเจ้อหลับอยู่”
หญิงสาวรวบผมไว้ที่ไหล่ข้างหนึ่ง สวมเสื้อยืดคอวีเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้า บวกกับน้ำเสียงที่บางเบา ดวงตาที่สดใส กระตุ้นหัวใจของลู่เหยา
เขายกมุมปาก ยื่นมือออกไปจับข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ ดึงตัวหญิงสาวเข้ามาสู่อ้อมกอด
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่ได้กลิ่นเหล้าบนตัวของลู่เหยา จึงถามเบาๆ “พี่ดื่มเหล้ามาหรือ?”
“มีงานเลี้ยงเลยดื่มมานิดหน่อย” ลู่เหยาตอบ เขาก้มศีรษะ ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความรัก
6 ปีที่ผ่านมานี้ เขาก็เข้ามาในชีวิตเธอทีละนิดทีละน้อย ดูแลเอาใจใส่ห้าวเจ๋อน้อยเหมือนลูกของตัวเอง ปฏิบัติกับเธอด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา อย่างสุดจิตสุดใจ
เธอเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
เขาแค่พึ่งพาการดื่มเหล้า แกล้งทำเป็นเมาเท่านั้น แต่ในเวลานี้เขาต้องรวบรวมความกล้าเพื่อโอบกอดเธอ
“เสว่เอ๋อร์…..” ลู่เหยาเรียกชื่อเธอเบาๆ ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างอื่น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าใจความหมาย
แต่เธอไม่สามารถตอบสนองต่อการเรียกร้องที่รุนแรงของเขาได้ ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เธอเกิดจะคิดว่าเขาเป็นเหมือนพี่ชาย คนในครอบครัว แต่ไม่เคยคิดกับเขาเหมือนชายหนุ่มหญิงสาว
เมื่อเห็นลู่เหยากำลังจะก้มลงจูบที่แก้มของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเบี่ยงตัวออก เว้นระยะห่างทั้งสองคนให้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว หนีออกห่างจากอ้อมแขนของเขา ก้าวถอยหลังไปครึ่งหนึ่ง “ฉันไปดูเสี่ยวเจ๋อก่อนนะ”
การเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เดินจากไป สายตาของลู่เหยาดูมืดมน สุดท้ายสายตาก็ปรากฏรอยยิ้มอันข่มขืน
ผลที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ถ้าไป๋เสว่เอ๋อร์เต็มใจยอมรับเขา เขาไม่ต้องเริ่มก่อนเธอก็จะมาเอง แต่ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเธอไม่ได้ถึงขั้นนั้นกับเขา
ลู่เหยาเดินตามเธอเข้าไปในห้อง เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่ข้างเตียงห่มผ้าให้กับห้าวเจ๋อน้อย เขาถามเธอเบาๆ “ครั้งนี้เธอคิดจะอยู่ที่ไห่เฉิงนานแค่ไหน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบเบาๆ “วันมะรืนพวกเราก็กลับแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพาเสี่ยวเจ๋อไปหาหวั่นหวั่น แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำอีก”
“โอเค งั้นมะรืนฉันไปส่งพวกเธอ รอจนทำงานที่นี่เสร็จแล้ว ฉันค่อยกลับไปที่เซียงหนานหาพวกเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ารับทราบ ไม่ได้พูดคุยอะไรอีก
ผ่านไป 10 กว่านาที ลู่เหยาลุกขึ้น พูดเบาๆ “ฉันต้องกลับแล้ว เธอพักผ่อนเถอะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นเดินไปส่งเขา
ก่อนจากไป ทันใดนั้นลู่เหยามองไป๋เสว่เอ๋อร์ความรัก “เสว่เอ๋อร์ 6 ปีที่ผ่านมาฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเธอและเสี่ยวเจ๋อ ฉันยังคงพูดเหมือนเดิม ถ้าหากว่าเธอยินยอม ชีวิตหลังจากนี้ฉันจะดูแลพวกเธอเอง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูความเศร้าของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอเองรู้ดีว่า 6 ปีมันนานมาก 6 ปีที่ผ่านมาลู่เหยาปฏิบัติต่อเธอและเสี่ยวเจ๋ออย่างไร เธอเองรู้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าเธอไม่สามารถตอบแทนลู่เหยาได้ แต่เธอก็ไม่สามารถยอมรับลู่เหยาซึ่งเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดคนหนึ่ง
ท้ายที่สุดห้าวเจ๋อน้อยก็เติบโตอย่างช้าๆ ไม่นานก็จะเข้าโรงเรียนชั้นประถม เธอไม่อยากให้เขาแตกต่างจากเพื่อนในโรงเรียน เธอควรจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ให้กับเขา
ท้ายที่สุดเธอก็ไม่สามารถเลี้ยงดูห้าวเจ๋อน้อยเพียงลำพังไปชั่วชีวิตได้ ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่หวังว่าจะให้ลู่เหยารอคอยเช่นนี้ตลอดไป เธอไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นเหตุให้คนอื่นต้องมาเสียช่วงเวลาช่วงวัยหนุ่มสาว
ตอนนี้เธอมีอยู่เพียงแค่ 2 ทางเลือก หนึ่ง คือปฏิเสธลู่เหยาอย่างเด็ดขาด และไม่ติดต่อกันอีกเลย สองคือ ยอมรับเขา ไม่ปล่อยให้เวลายืดเยื้ออีกต่อไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้า เงยหน้ามองลู่เหยา พูดเสียงเบาๆ “ฉันคิดมาอย่างดีแล้ว แต่ตอนนี้ยังให้คำตอบอะไรไม่ได้”
“ฉันเข้าใจ” ลู่เหยาส่งยิ้มให้เธอ จากนั้นยกมือขึ้นลูบหัวเธอ “พักผ่อนเถอะ”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึกๆ มองดูเงาของชายหนุ่มที่เดินจากไป จิตใจรู้สึกสับสน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเธอหลีกหนีจากทางเลือกนี้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ห้าวเจ๋อน้อยอายุ 5 ขวบแล้ว อายุของเธอกับลู่เหยาสมควรที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงาน เธอควรคิดให้อย่างละเอียดรอบคอบ
หันหลังเดินกลับห้อง เห็นเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงเหยียบผ้าห่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์อดยิ้มไม่ได้ เดินไปข้างหน้าดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา
ห้าวเจ๋อน้อยที่กำลังฝันทันใดนั้นก็ขยับศีรษะไปมา พูดบ่นพึมพำ “พ่อ….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตเมื่อได้ยิน ในใจเกิดความรู้สึกข่มขืน
แน่นอนว่า เด็กชายตัวน้อยต้องการพ่อมาก….ดังนั้นเธอต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนว่าจะตอบรับลู่เหยาดีหรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังลืมตาตื่นก็เห็นเด็กน้อยยืนอยู่ข้างๆ เตียง “แม่…ในที่สุดก็ตื่นแล้ว”
น้ำเสียงของห้าวเจ๋อน้อยแสดงถึงความจนปัญญา ทำปากจู๋ๆ ใบหน้าเรียวเล็กสีชมพูช่างน่ารักเป็นที่สุด
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นนอนแล้วรีบลุกขึ้นมานั่ง เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดมากจึงทำให้ตื่นสายโดยไม่รู้ตัว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใช้มือลูบที่แก้มของเขา “ขอโทษเสี่ยวเจ๋อ แม่ง่วงมาก ลูกห้ามทิ้งแม่ไปนะ!”
ห้าวเจ๋อน้อยส่ายหัว พูดอย่างจริงจัง “หนูไม่ทิ้งแม่ไป เพียงแต่กลัวว่าอาหารเช้าที่ส่งมามันเย็นแล้ว กลัวแม่จะปวดท้อง”
ทันใดนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นไปมองรถอาหารที่อยู่ข้างๆ ถึงได้ตอบสนอง ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่น กอดห้าวเจ๋อน้อยไว้อยู่ในอ้อมกอด “ลูกเป็นเด็กชายตัวน้อยที่อบอุ่นของแม่….”
แม้ว่าจะเป็นเด็กอายุ แต่ก็เป็นเด็กที่รอบคอบ ซึ่งนิสัยต่างจากพ่อของเขา
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงเมื่อในสมองเกิดความคิด จากนั้นก็รีบส่ายหน้า อุ้มห้าวเจ๋อน้อยเข้าไปในห้องน้ำ
รอจนทุกอย่างเรียบร้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์พาห้าวเจ๋อน้อยออกจากห้อง ขณะที่กำลังถึงล็อบบี้ของโรงแรม ทันใดนั้นก็มีร่างคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังเห็นบุคคลนั้นไม่ชัดเจน แต่เห็นเงาสีชมพูพุ่งเข้าหาห้าวเจ๋อน้อย จากนั้นเสียงของเจียงหวั่นหวั่นอันเป็นเอกลักษณ์ก็ดังขึ้น “เสี่ยวเจ๋อเด็กน้อย! คิดถึงเธอจังเลย! มาให้น้ากอดหน่อยซิ”
“คุณน้าหวั่นหวั่น….”
ห้าวเจ๋อน้อยถูกเจียงหวั่นหวั่นทั้งหอมทั้งกอดไม่หยุด เขาหัวเราะคิกคักไม่หยุด ไป๋เสว่เอ๋อร์มองทั้งสองคน ส่ายหัวเหมือนจนปัญญา
ทุกครั้งที่เธอและเจียงหวั่นหวั่นพาห้าวเจ๋อน้อยออกมา ตัวเองรู้สึกเหมือนพาเด็ก 2 คนออกมา เหนื่อยใจจนยากจะเปรียบ
เจียงหวั่นหวั่นขมวดคิ้ว “เด็กดี! วันนี้น้าจะพาหลานไปเที่ยวสวนสนุก อยากไปไหม?”
ห้าวเจ๋อน้อยได้ยินถึงกับหัวเราะเสียงดัง อย่างมั่นใจ “ตอนนี้หนูเป็นเด็กโตแล้ว! ไม่ไปเที่ยวสวนสนุกแล้ว!”
เจียงหวั่นหวั่นรีบถามกลับเมื่อได้ยินที่เขาพูด “งั้นเสี่ยวเจ๋ออยากไปไหน? น้าจะพาหนูไป!”
“ท้องฟ้าจำลอง!”
“ได้”
เมื่อเห็นทั้งสองคนทำข้อตกลงกันอย่างรวดเร็วและเดินไปที่ประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงกับตะลึง ไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นส่วนเกินไม่มีตัวตน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินตามไป คิดว่าจะทักท้วงเจียงหวั่นหวั่น ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่นไหวขึ้น
กวาดตามองดูที่จอโทรศัพท์มือถือ ที่แท้ก็เป็นคุณแม่ไป๋โทรศัพท์มาหา
สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ดูแข็งกระด้างเล็กน้อย ลังเลอยู่สักครู่ จนในที่สุดก็รับโทรศัพท์
“ฮัลโหล…แม่”
เสียงคุณแม่ไป๋ดังมาจากโทรศัพท์ “เสว่เอ๋อร์อ้า.. ลูกมาหรือยัง? แม่รอลูกอยู่ที่บ้านนะ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “แม่ หนูเคยบอกแม่แล้วไม่ใช่หรือ? หนูไม่ได้ต้องการบ้าน”
“เสว่เอ๋อร์….” เสียงของคุณแม่ไป๋สั่นเล็กน้อย “ลูกรู้ไหมว่าทำไมแม่ถึงรีบร้อนเอาบ้านยกให้กับลูก? แม่…แม่มีเรื่องปิดบังที่อยากจะพูด….”