สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 393

ตอนที่ 393

ตอนที่ 393 สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะ

ห้องเก็บของนั้นตั้งอยู่ที่บริเวณมุมห้องพอดี เผยลี่เชินและเผยอี้ยืนอยู่ที่บริเวณหน้าประตู ทำให้ไม่ว่าจะมองจากห้องนั่งเล่นด้วยมุมมองใดก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเห็นพวกเขาทั้งสองคนได้

เผยลี่เชินหันหลังกลับมา และใช้สายตาที่แหลมคมดุจนกอินทรีย์มองไปที่เผยอี้ทันที “ฉันจะเตือนอะไรนายอย่างนะ หยุดคิดในสิ่งที่ไม่สมควรจะคิดเดี๋ยวนี้”

การที่เขาพูดออกมาแบบนี้นั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่เขาเฝ้าตามหามานานตลอดหกปีนี้ คือสมบัติอันล้ำค่าสำหรับเขา เขายอมไม่ได้และทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาคอยทำร้ายเธอแบบนี้อีกแม้แต่นิดเดียว

เมื่อได้ยินดังนั้น เผยอี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แฝงความดื้อด้านและความไม่ยี่หระใดๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เห็นเผยลี่เชินอยู่ในสายตาเลยสักนิดเดียว “ผมจะไปคิดอะไรได้ ผมก็แค่คิดว่าพี่ชายหน้ามืดตามัวเกินไปแล้ว พวกเราตระกูลเผยไม่ได้หลงจนไม่สนอะไรเหมือนพี่สักหน่อย!”

น้ำเสียงของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด เผยลี่เชินเดินเข้าไปและเผชิญหน้ากับเผยอี้ทันที ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้นเข้าขั้นประชิดตัว บรรยากาศรอบข้างยิ่งเยือกเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ “เผยอี้ นายเพิ่งจะได้รับส่วนแบ่งหุ้นมาไม่ใช่เหรอไง แล้วจะมาโวยวายอะไรอีก”

ในช่วงหกปีมานี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเกิดขึ้นภายในบริษัทเผยซื่อ นับตั้งแต่ที่ถานปินถูกจับกุมและเข้าคุกไป ทำให้หุ้นส่วนหนึ่งของเขานั้นจะต้องถูกโอนกลับไปยังบริษัทใหม่อีกครั้ง ตามปกติแล้ว มันควรจะต้องตกเป็นของคุณพ่อเผย แต่เมื่อไม่นานมานี้ คุณพ่อเผยได้โอนกรรมสิทธิ์หุ้นจำนวนครึ่งหนึ่งของเขาไปให้กับเผยอี้เสียแล้ว

จำนวนหุ้นที่เผยลี่เชินและเผยอี้กำลังถืออยู่ในมือนั้นจึงไม่แตกต่างกันมากเท่าไรนัก กลุ่มคนเจ้าเล่ห์และฉลาดแกมโกงในบริษัทกลุ่มหนึ่งจึงแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างลับๆ เบื้องหน้านั้นทุกอย่างดูนิ่งสงบดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับคอยกวนน้ำให้ขุ่นและสร้างคลื่นใต้น้ำขึ้นมาเพื่อทำให้ทุกอย่างซับซ้อนและยุ่งเหยิงมากขึ้นกว่าเดิม

เผยอี้ยิ้มเยาะและพูดออกมาเบาๆ ว่า “พี่ชาย ทำไมสีหน้าพี่ถึงดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลยล่ะ หรือว่ายังอาลัยอาวรณ์หุ้นส่วนนั้นที่พ่อยกให้ผมอยู่กันแน่! นี่ ก็เห็นกันชัดๆ อยู่ ว่าตอนนี้มีโอกาสอันดีงามมาวางเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว แต่พี่กลับไม่เห็นค่ามัน เอาแต่กลับไปตามหาไป๋เสว่เอ๋อร์และพาตัวเธอกลับมาที่นี่อีก ถ้าเกิดพี่เชื่อฟังและทำตามที่พ่อบอกเรื่องการเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลเหอล่ะก็ พี่ก็คงไม่ต้องมายืนบื้อแบบนี้หรอกจริงไหม”

ดูเหมือนว่าเผยอี้จะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอีกต่อไป ทั้งสิ่งที่เขาควรพูดและสิ่งที่เขาไม่ควรพูดต่างถูกเขาเทกระจาดออกมากองอยู่ตรงหน้าจนหมดสิ้น สีหน้าของเผยลี่เชินดูเศร้าสร้อย มือที่วางอยู่ข้างลำตัวของเขาค่อยๆ กำหมัดแน่นอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นว่าเผยลี่เชินมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เผยอี้ก็ยิ่งรู้สึกสะใจมากขึ้นไปอีก เขายิ้มและพูดว่า “เมื่อรักแผ่นดิน ก็ยิ่งรักหญิงงามด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ผมเข้าใจได้ แต่ถึงแม้พี่จะพาไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมาได้แล้ว แต่ใจของเธอก็ไม่ได้อยู่ที่พี่อีกต่อไป เธอหายตัวไปตั้ง 6 ปี พี่จะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ไปรักกับผู้ชายคนอื่น และนอนร่วมเตียงใช้ชีวิตกับเขาไปแล้วน่ะ”

คำพูดเพียงประโยคเดียวนี้ เปรียบได้ดั่งมีดที่ทิ่มแทงเข้าไปยังบริเวณที่อ่อนแอที่สุดของเผยลี่เชิน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย และเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “แล้วนายดีกว่าฉันตรงไหนกัน ชีวิตแต่งงานของนายก็มีแต่ปัญหาไม่จบสิ้น แม้แต่เรื่องจะหย่าหรือไม่หย่า ยังตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้เลย นายยังมีหน้ามาวิจารณ์ฉันอีกเหรอ”

ทันทีที่เขาพูดจบ เผยลี่เชินก็หันหลังไปในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหัวมุมตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เธอก็รีบหันหลังและเดินจากไป แต่ใครจะไปคาดคิดว่าในขณะที่เธอกำลังประหม่าอยู่นั้น เธอจะทำจานฝนหมึกที่อยู่ในมือตกลงไปบนพรมเสียได้

เมื่อสักครู่นี้ คุณพ่อเผยวานให้เธอเติมน้ำลงบนจานฝนหมึกนี้สักเล็กน้อย เธอจึงเดินมาที่ห้องน้ำทางฟากนี้ และได้ยินบทสนทนาระหว่างเผยลี่เชินและเผยอี้เข้าอย่างไม่ตั้งใจ……

เธอรีบก้มลงไปเก็บจานฝนหมึกที่ตกอยู่ขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกในทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมา สายตาของเธอก็สบเข้ากับสายตาที่แสนลึกล้ำของเผยลี่เชินเข้าอย่างพอดี ทันใดนั้น เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่แกล้งทำเป็นนิ่งสงบเอาไว้ และเอ่ยปากพูดออกไปว่า “ฉัน…ฉันจะไปเติมน้ำสักหน่อยค่ะ”

“คุณได้ยินหมดแล้วใช่ไหม” เผยลี่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอ

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าเธอควรจะยอมรับความจริงดีหรือไม่ แต่ทว่าในตอนนี้เธอก็คงจำต้องยอมรับออกไป เธอจึงเงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจ……”

ขณะที่หญิงสาวยังไม่ทันพูดจบดีนัก เผยลี่เชินก็เอื้อมมือออกมา และหยิบจานฝนหมึกที่อยู่ในมือของเธอไป พร้อมกับจับมือของอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อพาเธอเดินไปยังบริเวณห้องครัวที่อยู่ข้างๆ ในทันที

เมื่อไปถึงยังบริเวณอ่างล้างจานในห้องครัว เผยลี่เชินก็เปิดก็อกน้ำของเครื่องกรองน้ำ พร้อมกับพูดอย่างแผ่วเบาว่า “น้ำที่จะเติมบนจานฝนหมึกของคุณพ่อจะต้องเป็นน้ำที่สะอาดเท่านั้น แบบนี้หมึกจะมีสีดำเข้มเสมอกันได้มากกว่านะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่เรียบเนียนและเห็นเป็นเส้นเค้าโครงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้น เธอก็เอ่ยปากถามออกไปอย่างลังเลว่า “เมื่อกี้ที่เผยอี้พูดเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ”

ตลอดหกปีที่ผ่านมานี้ ถึงแม้ว่าเธอจะหนีไปอยู่ยังที่ห่างไกลอย่างเมืองเซียงหนาน แต่เธอก็ยังพอเข้าใจเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในบริษัทได้อยู่บ้าง และเมื่อวันนี้เธอได้เห็นสภาพร่างกายของคุณพ่อเผยเข้าแล้ว เธอก็เข้าใจขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ตระกูลเผยนั้นกำลังจะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านทางอำนาจแล้ว สุขภาพร่างกายของคุณพ่อเผยนั้นแย่ลงไปทุกทีในแต่ละวัน แน่นอนว่าเขากำลังเลือกว่าระหว่างพี่น้องสองคนนี้ ใครเหมาะสมที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อเสียที และสำหรับเรื่องหุ้นของบริษัทนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พอจะมองออกว่า ความรักที่คุณพ่อเผยมีให้เผยอี้นั้นไม่ได้น้อยไปกว่าความรักที่เขามีให้กับเผยลี่เชินเลยแม้แต่นิดเดียว

มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าระหว่างเผยอี้กับเผยลี่เชินสองคนนี้นั้น สุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะ

“คุณไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกนี้หรอกนะ” เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับส่งจานฝนหมึกกลับไปให้หญิงสาว จากนั้น เขาก็เงยหน้ามองเธอ “แค่คุณสามารถมาอยู่ข้างกายผมตลอด 1 เดือนเต็มได้ แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย มีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ชัดเจนนักเอ่อล้นขึ้นมาภายในจิตใจของเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว ความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมานั้น เธอก็กลับไม่ได้พูดอะไรออกไป ในเมื่อตอนนี้เธออยู่ที่คฤหาสน์ของคุณพ่อเผย กำแพงมีหูประตูมีช่อง ทำให้เธอไม่สามารถที่จะถามอะไรได้อย่างสะดวกมากนัก สู้รอให้พวกเขาทั้งสองคนออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยถามให้ชัดเจนคงจะง่ายกว่ามาก

ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินถือจานฝนหมึกกลับไปอย่างช้าๆ เมื่อกลับไปถึงยังโต๊ะอ่านหนังสือที่มุมห้องของห้องนั่งเล่นแล้ว เธอก็ฝนหมึกแทนคุณพ่อเผยอย่างอดทน

เมื่อได้เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ สีหน้าของคุณพ่อเผยก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มและพูดออกไปว่า “หนูไป๋เอ้ย! หนูนี่เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ ถ้าเกิดหนูได้แต่งกับลี่เชินเข้าตระกูลเผยแล้วล่ะก็ บ้านเราเหมือนได้รับพรวิเศษอย่างดีเลยล่ะ!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม และพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนออกไปว่า “คุณลุงก็พูดเกินไปค่ะ”

ทันทีที่เธอพูดจบ ทันใดนั้น จินจิงจิงที่นั่งอยู่บนโซฟาแถวนั้นก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาทันที เธอมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยความรู้สึกอาฆาตราวกับเป็นศัตรู

จากนั้น เธอก็กระแทกนิตยสารที่อยู่ในมือลงไปบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าอย่างรุนแรง พร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินขึ้นบันไดจากไป

เห็นได้ชัดว่า เธอเพิ่งจะระบายความไม่พอใจที่อัดแน่นอยู่ในตัวเธอออกมา

สีหน้าของคุณพ่อเผยดูเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย “ไม่ต้องไปสนเธอหรอก! พวกเราเขียนตัวอักษรจีนกันต่อดีกว่า”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า และยังคงฝนหมึกอย่างเชื่อฟังต่อไป

คุณพ่อเผยบ่นออกมาอย่างเบาๆ ว่า “แต่งเข้าตระกูลเผยมาได้ตั้ง 6-7 ปีแล้ว แต่กลับไม่รู้จักทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แถมอารมณ์ก็ยังฉุนเฉียวอยู่เสมอ ยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งไร้เหตุผล!”

ทันทีที่คุณพ่อเผยพูดจบ ทันใดนั้น เย่ชิวหรงก็ถือถ้วยน้ำชาเดินมาข้างๆ เธอยิ้มและพูดเบาๆ พร้อมกับโน้มน้าวเขาว่า “คุณจะไปเอาอะไรกับเธอล่ะคะ! คุณเองก็รู้ดีว่าจิงจิงร่างกายอ่อนแอ ช่วงนี้ก็ต้องคอยให้หมออานมาคอยตรวจร่างกายอยู่เสมอนี่คะ”

คุณพ่อเผยทำเสียงฮึดฮัดโดยไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเงียบและไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอก็พอจะเดาได้ว่าตลอดหกปีที่ผ่านมานี้จินจิงจิงไม่ได้รับความเอ็นดูจากคุณพ่อเผยเท่าไรนัก แต่เย่หรงชิวกลับรู้สึกเป็นห่วงและดูแลจินจิงจิงมากขึ้นกว่าเดิม……

“แค่ก แค่ก!” ขณะที่คุณพ่อเผยกำลังถือพู่กันอยู่นั้น ทันใดนั้น เขาก็ไอออกมา และทำแปรงพู่กันตกลงไปบนโต๊ะ กระดาษซวน (กระดาษเขียนพู่กันจีน) ก็ปรากฏให้เห็นจุดหมึกสีดำขนาดใหญ่ อักษรจีนที่ใกล้จะเขียนเสร็จสมบูรณ์นั้นกลับถูกทำลายลงไปในทันที

“โธ่!” คุณพ่อเผยขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป “โธ่เอ๊ย ช่างน่าเสียดายจริงๆ !”

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น คุณพ่อเผยก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นอาการไอของคุณพ่อเผยเข้า เธอก็รีบเดินเข้าไปและลูบหลังของคุณพ่อเผย เพื่อให้เขาสามารถหายใจได้สะดวกในทันที “คุณลุง คุณลุงเป็นยังไงบ้างคะ”

เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เย่ชิวหรงก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาในทันทีว่า “เดี๋ยวฉันไปเอายาต้มร้อนให้นะคะ”

ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็รีบเดินออกไปที่ห้องครัวในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์ประคองคุณพ่อเผยไปนั่งลงที่บริเวณโซฟาข้างๆ ทันที ในที่สุด เธอก็อดใจไม่ไหวเอ่ยปากถามออกไปว่า “คุณลุงคะ คุณลุงป่วยเป็นโรคอะไรเหรอคะ”

คุณพ่อเผยโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ก็แค่พอโดนลมเย็นๆ นิดหน่อย จะทำให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้นเล็กน้อย มันเป็นมาได้สักพักแล้วล่ะ พอโดนลมเย็นๆ เข้า ก็จะไอไม่หยุดแบบนี้นี่แหละ”

เมื่อได้ยินคุณพ่อเผยพูดออกมาแบบนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบไปนำผ้าห่มที่วางอยู่ข้างๆ มาทันที หลังจากจัดวางผ้าห่มทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบเดินไปที่ห้องครัวทันที เพื่อดูว่ายาต้มร้อนที่ว่าต้มไปถึงไหนแล้ว

ทันทีที่เธอเดินไปถึงยังบริเวณประตูห้องครัว ขณะที่เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปน้น ทันใดนั้น เย่ชิวหรงก็รีบหันหลังกลับมาด้วยความตกใจ พร้อมกับเอามือขวาของเธอซ่อนไว้ที่ด้านหลังในทันที

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท