สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 402

ตอนที่ 402

ตอนที่ 402 แน่ใจไหมว่าเป็นฝีมือของพวกเขา

“เข้าใจแล้วค่ะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ยังไงเราก็ต้องจัดการเก็บกวาดทุกอย่างให้สะอาด แบบนี้สิถึงจะวางใจได้!” สวี่เยว่หรูยิ้ม และเอนตัวไปพิงอ้อมแขนของเสิ่นหรูเฟิง

หลังจากที่พวกเขาขึ้นรถออกไปจากสโมสร พร้อมกับส่งคนไปจัดการทำลายเทปวงจรปิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสิ่นหรูเฟิงก็เชิดคางขึ้น และสั่งคนขับออกไปในทันที “พวกเราออกรถได้”

สวี่เยว่หรูมองไปที่บริเวณประตูทางเข้าของสโมสร ภายในแววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา จากนั้น เธอก็เอ่ยปากขึ้นมาด้วยความกังวลอย่างบอกไม่ถูกว่า “หรูเฟิงคะ ถ้าเกิดว่าเหอหย่าหานไม่ได้สนใจไป๋เสว่เอ๋อร์และปล่อยเธอไป เมื่อถึงเวลานั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์จะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเผยลี่เชินอย่างแน่นอน ถ้าเกิดพวกเขาสงสัยฉันแล้วล่ะก็ ฉันคงจะทำงานอยู่ที่สำนักงานของประธานบริษัทได้ยากแล้วล่ะค่ะ……”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเสิ่นหรูเฟิงก็นิ่งขรึมเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่เขานิ่งเงียบไปไม่กี่วินาที เขาก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้เผยลี่เชินออกไปทำงานข้างนอกไม่ใช่เหรอ แค่ไม่กี่วันต่อจากนี้ มันก็เพียงพอที่เราจะวางแผนรับมือล่วงหน้าแล้วล่ะ”

สวี่เยว่หรูพยักหน้า ภายในหัวใจของเธอรู้สึกผ่อนคลายลงมากขึ้นทีเดียว เธอเอนศีรษะไปพิงเสิ่นหรูเฟิง จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก “เมื่อผ่าน 3 เดือนนี้ไปได้ ฉันก็ไม่ต้องอยู่ที่บริษัทเผยซื่ออีกต่อไปแล้วใช่ไหมคะ”

“อืม” เสิ่นหรูเฟิงหรี่ตาลงและโอบไหล่ของสวี่เยว่หรูอย่างเบามือ แต่ทว่านอกจากความเย็นชาแล้ว ก็ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอื่นใดปรากฏอยู่ในแววตาทั้งสองข้างของเขาเลย

เมื่อได้ยินดังนั้น สวี่เยว่หรูก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “เป็นอย่างนั้นก็ดีค่ะ เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะได้คบกับคุณอย่างเปิดเผยได้เสียที ไม่ต้องคอยมานั่งหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้อีกต่อไปแล้ว!”

เสิ่นหรูเฟิงยิ้มขึ้นที่มุมปาก เขานิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

บางทีเมื่อถึงเวลานั้น สวี่เยว่หรูอาจจะไม่คิดเช่นนั้นอีกก็ได้

ตั้งแต่ตอนที่เหอหย่าหานรับโทรศัพท์จนกระทั่งเธอเดินทางมาถึงยังสโมสรซิงเล่อ เธอใช้เวลาไปไม่ถึง 40 นาที และตามที่ปลายสายในโทรศัพท์ระบุหมายเลขห้องรับรองเอาไว้ เหอหย่าหานก็เดินไปที่บริเวณหน้าห้องของห้องรับรอบส่วนตัวนั้น เมื่อเธอเห็นว่าที่ประตูห้องรับรองนั้นปิดสนิทอยู่ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที

จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์แปลกๆ นั่นโทรมาหาเธอ และบอกเธอให้มาตามที่อยู่ที่ระบุไว้ เธอไม่รู้สึกสงสัยเลยว่าเรื่องราวในครั้งนี้มันดูผิดปกติไม่น้อยทีเดียว

เหอหย่าหานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้น เธอก็รวบรวมความกล้าและยกมื้อขึ้นมาเคาะประตูห้อง ภายในห้องนั้นไม่มีเสียงอื่นใดตอบกลับมา เธอจึงตัดสินใจเอื้อมมือผลักประตูเปิดเข้าไป

หลังจากที่เดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าว ทันทีที่เธอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์นอนนิ่งอยู่บนโซฟาข้างใน เธอก็รู้สึกตกใจกลัวขึ้นมาในทันที

“ไป๋……ไป๋เสว่เอ๋อร์!” เหอหย่าหานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นี่ ตื่นสิ!”

ไม่ว่าเหอหย่าหานจะเรียกเท่าไร ก็ไม่มีการตอบสนองจากไป๋เสว่เอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย เหอหย่าหานจึงรวบรวมความกล้าและยื่นมือออกไปอังที่บริเวณจมูกของไป๋เสว่เอ๋อร์ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงหายใจ เหอหย่าหานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

เธอยังคงไม่รู้ว่าคนที่โทรศัพท์มาหาเธอนั้นเป็นใครกันแน่ การที่เธอไม่พบคนอื่น แต่กลับมาพบไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าแบบนี้ จะต้องมีแรงจูงใจบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องราวที่แสนประหลาดนี้อย่างแน่นอน

หลังจากที่เธอเดินวนไปวนมาภายในห้องรับรอง และคิดหาวิธีอยู่ครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายแล้ว เหอหย่าหานก็คิดไม่ออกว่าเธอควรจะทำอย่างไรดี

ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดไป๋เสว่เอ๋อร์มากจนอยากให้เธอหายไปจากโลกใบนี้ และไม่ต้องมาปรากฏตัวอยู่เคียงข้างเผยลี่เชินไปตลอดชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้โหดเหี้ยมมากพอที่จะลงมือฆ่าไป๋เสว่เอ๋อร์ได้

หลังจากที่คิดกลับไปกลับมา เธอก็นึกไม่ออกว่าควรจะจัดการอย่างไรกับไป๋เสว่เอ๋อร์ดี ถ้าเกิดว่าเธอโทรศัพท์ไปบอกเผยลี่เชินโดยตรงแล้วล่ะก็ นอกจากเธอกับเขาจะไม่ได้กลับมาคืนดีกันแล้ว ตอนนี้เผยลี่เชินก็เดินทางไปทำงานข้างนอกบริษัทด้วย ตัวเขานั้นไม่ได้อยู่ที่ไห่เฉิงในตอนนี้……

ทันใดนั้น ใบหน้าของชายคนหนึ่งก็แวบเข้ามาภายในสมองของเธอทันที แววตาของเหอหย่าหานเป็นประกาย จากนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดเบอร์โทรออกไปหาลู่เหยาโดยตรง

หลังจากนั้นไม่นาน ปลายสายก็กดรับสาย “สวัสดีครับ”

“คุณลู่เหยาคะ ครั้งก่อนที่เราคุยกันว่าจะมาเจรจาร่วมมือกันทางธุรกิจ คุณยังจำได้ไหมคะ พอดีวันนี้ฉันมีโอกาสที่ดีมากมาเสนอให้คุณ ไม่รู้ว่าคุณจะสนใจมันไหม”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่เหยาก็รีบไปที่ห้องรับรองหมายเลข 325 ของสโมสรซิงเล่อในทันที เมื่อเขาผลักประตูเปิดเข้าไป เขาก็เห็นเหอหย่าหานกำลังนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมด้วยไป๋เสว่เอ๋อร์ที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ เธอ

เขาขมวดคิ้ว และรีบก้าวเข้าไปหาพวกเธอ จากนั้น เขาก็โน้มตัวและเรียกไป๋เสว่เอ๋อร์ “เสว่เอ๋อร์! ตื่นสิ ตื่น!”

“ไม่ต้องเรียกแล้วค่ะ” เหอหย่าหานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย “เธอถูกโปะยาสลบ และคงจะไม่ตื่นไปสักพักใหญ่”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของลู่เหยาก็ดูเคร่งขรึมขึ้น เขากำหมัดแน่นเล็กน้อย และเงยหน้ามองเหอหย่าหาน “เกิดอะไรขึ้นกันครับ ผมตกลงที่จะทำธุรกิจร่วมกับคุณก็จริง แต่ผมไม่เห็นด้วยที่คุณจะใช้วิธีนี้!”

“ฉันบอกคุณเหรอคะว่าฉันเป็นคนทำน่ะ” เหอหย่าหานยืดลำตัวของเธอ และมองตรงไปที่ลู่เหยา “มีเบอร์แปลกๆ โทรศัพท์มาหาฉัน และบอกให้ฉันมาหาไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นี่ ฉันก็เลยหวังดีโทรศัพท์ไปบอกคุณ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะหาว่าฉันเป็นคนทำ!”

“ถ้าไม่ใช่ฝีมือคุณ แล้วเป็นฝีมือใครกันล่ะ”

เหอหย่าหานฮึดฮัดออกมา “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่เหยาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบโน้มตัวลงไปอุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์ขึ้นมาทันที “ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใคร ยังไงตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องพาเธอออกไปจากที่นี่ก่อน”

เหอหย่าหานลุกขึ้นยืนตามลู่เหยา และลดเสียงพูดกับเขาว่า “อย่าลืมข้อตกลงระหว่างเราสองคนล่ะ ตอนนี้ฉันจะมอบเธอให้คุณเป็นคนดูแล ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของคุณ พาเธอออกไปจากที่นี่ซะ ยิ่งไกลได้ยิ่งดี อาศัยตอนนี้ที่เผยลี่เชินออกไปทำงานนอกเมือง และไม่สามารถกลับมาจัดการได้นี่แหละค่ะ”

ลู่เหยามองดูหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาลึกล้ำ จากนั้น เขาก็เอ่ยปากด้วยเสียงเข้มว่า “ผมจะทำตามที่คุณบอก”

หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบ เขาก็รีบสาวเท้า และอุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกไปจากสโมสรอย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็พาเธอไปยังอะพาร์ตเมนต์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ในทันที

หลังจากที่พาเธอกลับไปพักที่บ้านของเขาได้อย่างปลอดภัย ลู่เหยาก็โทรเรียกเพื่อนที่เป็นหมอให้มาหา พร้อมกับขอให้เขาช่วยตรวจดูอาการของไป๋เสว่เอ๋อร์

ทันทีที่ตรวจดูอาการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนที่เป็นหมอคนนั้นก็เอ่ยปากพูดอย่างเบาๆ ว่า “มีคนใช้ยาสลบกับเธอ ตอนนี้ได้แต่รอให้เธอตื่นขึ้นมาเองเท่านั้น นายก็คอยดูแลเธออยู่ข้างๆ ให้ดีล่ะ”

ลู่เหยาพยักหน้าตอบรับ และรีบพูดออกไปว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะ”

หลังจากที่ส่งเพื่อนที่เป็นหมอคนนั้นกลับไปแล้ว ลู่เหยาก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณข้างเตียง พร้อมกับมองดูใบหน้าอันเล็กเรียวของหญิงที่ดูซีดเผือดเล็กน้อย เขารู้สึกสับสนอย่างมากทีเดียว

ใครเป็นคนโปะยาสลบไป๋เสว่เอ๋อร์แบบนี้กันนะ แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องโทรหาเหอหย่าหานด้วย สุดท้ายแล้ว พวกเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่

มีคำถามที่ชวนให้สงสัยมากมายผุดขึ้นภายในใจของลู่เหยา เขาคิดกลับไปกลับมา ในที่สุด เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงรีบต่อสายโทรออกและส่งคนไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของสโมสรซิงเล่อเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่างทันที แต่เมื่อเขาได้รู้ว่าวิดีโอเทปของสโมสรในวันนี้ได้หายไปทั้งหมดแล้ว ความสงสัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นก็ยิ่งเหมือนหมอกควันหนาที่เข้ามาปกคลุมตัวของเขาเอาไว้

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ลู่เหยากำลังเทน้ำร้อนลงแก้วอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงเบาๆ ดังมาจากทางห้องนอน ทันใดนั้น เขาก็รีบเดินไปยังห้องนอนในทันที

“เสว่เอ๋อร์ คุณฟื้นแล้ว!” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวฟื้นขึ้นมาแล้ว ลู่เหยาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปรอบๆ ห้อง และเมื่อเธอเห็นลู่เหยาเข้า เธอก็รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที “ฉัน…มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”

เธอจำได้แม่นว่าเมื่อสักครู่นี้ เธอกำลังเดินอยู่ริมถนนและบังเอิญไปพบกับคนไม่ดีเข้า….ต่อมาเธอก็หมดสติไป และเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“เรื่องมันยาวน่ะ” ลู่เหยาดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ “คุณบอกผมมาก่อนว่าวันนี้คุณไปเจอใครมาบ้าง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว และพยายามคิดอย่างหนัก จากนั้น เธอก็ค่อยๆ เล่าเรื่องที่เธอกำลังติดตามสวี่เยว่หรูออกมาอย่างช้าๆ

ยิ่งลู่เหยาได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาก็ยิ่งมีสีหน้าที่เคร่งเครียดมากขึ้น หลังจากที่รอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เล่าทุกอย่างจนจบ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยปากออกไปว่า “เหอหย่าหานโทรมาหาผม เธอบอกให้ผมไปหาคุณที่สโมสรซิงเล่อ แล้วเหอหย่าหานก็ยังบอกผมอีกว่า มีคนบอกเธอว่าคุณอยู่ที่ห้องรับรองหมายเลข 325 เธอถึงได้เดินทางไปที่นั่น……”

หลังจากที่ลองไตร่ตรองถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นดูอีกครั้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอกำหมัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ฉันรู้แล้วล่ะ เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของเสิ่นหรูเฟิงกับสวี่เยว่หรูอย่างแน่นอน!”

ตอนที่เธอกำลังวิ่งหนีไปนั้น เธอได้ยินเสียงประตูของห้องรับรองส่วนตัวดังแกร๊กขึ้น และบริกรชายคนนั้นก็เห็นใบหน้าของเธอเข้าด้วย ถ้าเกิดว่าเธอเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ บริกรคนนั้นคงจะเป็นคนบอกสวี่เยว่หรูและเสิ่นหรูเฟิงแน่นอน ดังนั้น พวกเขาก็เลยส่งคนให้มาจับตัวเธอ……

ลู่เหยาเอ่ยปากถามเบาๆ ว่า “คุณมั่นใจว่าเป็นฝีมือของพวกเขาเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา หลังจากที่เธอเลื่อนหารูปที่อยู่ในอัลบั้มสักครู่ มันก็เป็นไปตามที่เธอคาดคิดไว้ อัลบั้มรูปว่างเปล่า และรูปภาพพวกนั้นที่เธอถ่ายเอาไว้ก็หายไปทั้งหมดด้วยเช่นกัน!

มือที่ถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้นั้นแน่นขึ้นเล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากล่าง และพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจมากว่า “ต้องเป็นพวกเขาแน่นอน!”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท