สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 414

ตอนที่ 414

ตอนที่ 414 ให้เรียกพี่สะใภ้

จินจิงจิงเพิ่งหายใจไม่ออก เผยอี้นั่งอยู่ข้างๆ ถอนสายตา หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นลุกขึ้นยืน

จินจิงจิงตะลึงรีบถามทันที “คุณจะไปไหน?”

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านเธอไม่ค่อยโดดเด่นในวงการบันเทิง อาศัยความร้อนแรงและชื่อเสียงในอดีตของเธอรับงานโฆษณา แม้แต่สคริปที่สามารถเลือกได้ยังไม่มี ถ้าไม่ได้เผยอี้กลัวว่าตอนนี้เธอจะอยู่ไม่รอด

ในช่วงสองสามมานี้เผยอี้เองก็ไม่ได้เอาใจใส่ดูแลเธอมากนัก สื่อภายนอกต่างคาดเดาชีวิตแต่งงานของพวกเขาไปต่างๆ นานา ครั้งนี้ได้มาออกงานร่วมกับเผยอี้ แน่นอนเธอต้องให้คนได้เห็น ไม่อย่างนั้นก็ต้องพูดโน่นนี่ให้คนเขาได้พูดถึงเธอ

จินจิงจิงไม่ได้คิดอะไรมากลุกขึ้นยืนตามเขา เดินอยู่ข้างๆ เผยอี้เอื้อมมือพยายามดึงเขาไว้

เผยอี้ก้าวถอยหลังยกมือขึ้นหลบมือของเธอ พูดเสียงเข้ม “ฉันไปหาพี่ใหญ่ ถ้าเธออยากไป ฉันก็ไม่ห้ามเธอ”

ขณะพูดเขาละสายตาจากเธอ จากนั้นก้าวเท้าเดินไปทางเผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์

จินจิงจิงขมวดคิ้ว นึกถึงไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งที่ตรงนั้นด้วย เธอก็ตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจ

เมื่อเดินไปถึงโต๊ะข้างๆ เผยอี้ลากเก้าอี้มานั่งโดยไม่เกรงใจ มองเผยลี่เชินด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับคุณเวินไม่เลวเลยนะ?”

เมื่อเห็นเผยอี้และจินจิงจิงเดินเข้ามาหา สีหน้าของเผยลี่เชินดูเคร่งเครียด คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะจากคนที่ทดสอบเขามาแล้วคนหนึ่ง แล้วตอนนี้ยังมาเจออีกคนหนึ่ง

“ถ้านายอยากสานสัมพันธ์กับคุณเวิน ก็ควรไปหาเขาโดยตรง มาหาฉันไม่มีประโยชน์”

เผยลี่เชินพูดแล้วยกเหล้าขึ้นดื่ม สายตาหยุดมองอยู่ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์

เห็นได้ชัดเจนว่าเผยลี่เชินไม่สนใจเขา เผยอี้ได้แต่ยิ้มแล้วหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ จงใจพูดคุยหยอกล้อ “เมื่อกี้เห็นเธอเต้นรำได้ไม่เลว เต้นกับฉันสักเพลงได้ไหม?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้ตอบ จินจิงจิงก็โผล่ออกมา

ดูเหมือนเธอจะประกาศสิทธิในการเป็นเจ้าของ เธอยื่นมือออกไปดึงแขนของเผยอี้ มองไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาเย็นชา

เห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของจินจิงจิง ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเยาะ ตอนแรกคำปฏิเสธที่ติดอยู่ที่ปากกลับถูกกลืนเข้าสู่ลำคออีกครั้ง

เธอเห็นสีหน้าขาวซีดของชายหนุ่ม ถามกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เผยอี้ จะเชิญใครเต้นรำอย่างน้อยก็ต้องมีความจริงใจด้วย อย่างน้อยที่สุดคุณเรียบเผยลี่เชินว่าพี่ใหญ่ ก็ควรเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ด้วยซิ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดประโยคนี้ทำให้สีหน้าของเผยอี้เคร่งขรึมจนเขานิ่งไป เห็นรอยยิ้มในดวงตาที่แฝงความหมายไม่ชัดเจน จึงพูดด้วยเสียงเย็นชา “สมกับที่เป็นพี่สะใภ้ การบังคับคนเป็นวิธีการที่ดี”

จินจิงจิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเผยอี้ไม่สนใจเธอ แต่กลับไปสนใจจีบไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด มือที่ดึงแขนของเผยอี้แรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เผยอี้ ถ้าคุณอยากเต้นรำ เดี๋ยวฉันไปเต้นเป็นเพื่อนคุณเอง”

เผยอี้ทำเสียง “เชอะ” ขมวดคิ้วกวาดตามองเธอ จากนั้นหันกลับไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ ดูเหมือนจะไม่ยิ้มแต่ก็ยิ้มให้ “ฉันยังอยากเต้นรำกับพี่สะใภ้”

การพูดเช่นนี้ต่อหน้าเผยลี่เชิน เผยอี้กำลังทดสอบความอดทนของเขาซึ่งสีหน้าของเผยลี่เชินดูเฉยเมยยกเว้นดวงตาที่ดูเคร่งเครียด ส่วนอื่นเป็นปกติดี

เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนองใดๆ เผยอี้ก็ยิ่งได้ใจ เขาดึงแขนของตัวเองออกจากมือของจินจิงจิง จากนั้นมองมาที่ไปไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมกับยื่นมือไปที่เธอ “พี่สะใส้ เชิญ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเผยอี้จะเชิญเธอเต้นรำจริงๆ โค้งคำนับให้ด้วย

ตอนแรกเธอยังคิดว่าด้วยนิสัยของเผยอี้แน่นอนว่าไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงพูดออกไปแบบนั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเรียกเธอจริงๆ

เห็นมือที่ชายหนุ่มยื่นออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลว่าจะตอบรับดีไหม ทันใดนั้นเผยลี่เชินที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์

เขาจ้องมองเผยอี้ด้วยสายตาที่น่ากลัวทำให้คนตัวสั่นสะท้าน “หยอกล้อกันพอแล้วก็ไปได้ อย่าอยู่ที่นี่ให้รกหูรกตา”

พูดจบเขาไม่มีเวลามานั่งมองดูสีหน้าของเผยอี้และจินจิงจิง แต่กลับหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ดึงเธอลุกขึ้น “ไป เราไปตรงโน้นกัน”

เผยอี้แตะที่จมูกมองดูทั้งสองที่เดินจากไป จากนั้นลุกขึ้นด้วยสีหน้าหม่นหมองเดินไปอีกทางหนึ่ง

จินจิงจิงขมวดคิ้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “คุณก็รู้ว่าพวกเขามีท่าทีต่อคุณยังไง แล้วทำไมยังไปยุ่งวุ่นวานกับพวกเขาอีก? แม่ไม่เคยบอกรึไงให้คุณมาร่วมงงานนี้เพื่อสร้างสัมพันธ์….”

“หุบปาก!” เผยอี้ขัดจังหวะการพูดของเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึมจนดูน่ากลัว “นับแต่นี้เป็นต้นไป เธอไม่ต้องตามฉันมาอีกแล้ว!”

พูดจบประโยคนี้เผยอี้รีบเดินจากไปทิ้งจินจิงจิงให้อยู่ที่เดิมคนเดียว

เดิมทีความโกรธถูกระงับไปแล้วแต่ตอนนี้ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกจนจินจิงจิงต้องกัดฟันรีบเดินไปในที่ที่ไม่มีผู้คน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือรีบส่งข้อความโดยเร็ว “ลงมือให้เร็วที่สุด!”

อีกด้านหนึ่งไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามเผยลี่เชินไปได้ไม่ไกล ก็มีคนเข้ามาทักทายเผยลี่เชิน

เป็นคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจการค้ามีหน้ามีตาในสังคม ไม่สามารถทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจได้ ดังนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์จึงได้แต่อยู่ข้างๆ เผยลี่เชิน ร่วมพูดคุยกับพวกเขา

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นไหว ไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดดูเป็นป้าจางโทรศัพท์มาหา

นิ่งไปสักครู่ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงคิดอะไรออกว่าถ้าเป็นเรื่องภายในบ้านป้าจางก็ต้องโทรศัพท์หาเผยลี่เชิน แต่นี่กลับโทรศัพท์มาหาเธอ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับห้าวเจ๋อน้อยแน่

เธอเดินเข้าไปหาเผยลี่เชิน พูดเบาๆ “ที่บ้านโทรมา ฉันไปรับก่อนนะ”

ขณะพูดเธอหันไปมองนักธุรกิจทั้งหลายพร้อมส่งยิ้มให้ จากนั้นก็เดินไปอีกทางข้างๆ

เมื่อถึงที่ที่มีคนน้อย เธอจึงรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”

ป้าจางตอบกลับด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “คุณไป๋ เสี่ยวเจ๋อไม่ยอมนอน ได้ยินเสียงคุณอาจจะยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี ป้าเองจนปัญญา จึงต้องโทรศัพท์มารบกวนคุณ….”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเบา “ไม่รบกวนหรอกคะ ป้าจางลำบากป้าแล้ว ช่วยส่งโทรศัพท์ให้เสี่ยวเจ๋อหน่อยคะ ฉันจะพูดกับเขา”

“คะ”

ไปม่ช้าก็ได้ยินเสียงเสี่ยวเจ๋อดังขึ้นมา “แม่ เมื่อไรแม่ถึงจะกลับมา….”

เสี่ยวเจ๋ออายุห้าขวบเลี้ยงดูโดยเธอเพียงลำพังคนเดียว เด็กน้อยปฏิบัติต่อเธอตามปกติ เมื่อได้ยินเสียงเสี่ยวเจ๋อ เสียงไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อ่อนลงในทันที “ฮัลโหล..เสี่ยวเจ๋อ แม่อาจจะกลับดึกสักหน่อย ลูกต้องเชื่อฟังแม่นำ ไปอาบน้ำดีไหม?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ยุติธรรม “แต่…แต่หนูคิดถึงแม่…”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของเสี่ยวเจ๋อ ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงกับใจอ่อน เธอแทบอยากจะรีบออกจากที่นี่กลับบ้านทันที

นิ่งไปสักครู่ ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดกับเขาอย่างอดทน “เสี่ยวเจ๋อ ขอเพียงลูกเชื่อฟัง เดี๋ยวแม่ก็จะกลับแล้ว”

เธอสัญญาหลายต่อหลายครั้งถึงจะโน้มน้าวเด็กน้อยได้ แล้ววางโทรศัพท์ไป จากนั้นเธอหันกลับเพื่อจะเดินไป ทันใดนั้นก็เห็นบริกรยกถาดน้ำเดินเข้ามา

บริกรคนนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเธอส่งยิ้มพร้อมถาดน้ำให้เธอ

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดกับเสี่ยวเจ๋ออยู่นานจนรู้สึกคอแห้ง จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ยกแก้วไวน์ไปทางบริกรแล้วพยักหน้า “ขอบใจ”

บริกรเดินจากไปแล้วไป๋เสว่เอ๋อร์จึงยกแก้วขึ้นมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปาก กลิ่นหอมเย้ายวน ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวทางการกายหยุดลงชั่วขณะ

เผยลี่เชินบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้เธอดื่มเหล้า…

เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นภายในใจ เธอเดินไปที่โต๊ะแล้ววางแก้วไวน์ลง แล้วยกแก้วน้ำผลไม้ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่มแทน

บริกรที่ส่งเหล้าให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปอยู่อีกมุมหนึ่ง ทันใดนั้นหันกลับมาจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาเล็กแหลมคม

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท