ตอนที่ 413 เป็นคู่หมั้นของฉัน
คำพูดนี้ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจ
แม้ว่าตอนนี้เธออยู่กับเผยลี่เชินโดยไร้สถานะไม่มีความสำคัญ แต่เมื่อได้ยินเวินซิวหวีพูดเช่นนี้ เธอยังคงรู้สึกไม่มีความสุขอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นเผยลี่เชินตั้งใจโอบไหล่ของไป๋เสว่เอ๋อร์ไว้ในอ้อมอกของเขาด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่ง เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเวินเข้าใจผิดแล้ว คุณเหอเป็นแค่เพื่อนของผม ส่วนคนนี้…”
เผยลี่เชินหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาที่แน่วแน่ พูดอย่างปกติธรรมดา “คือคู่หมั้นของผมเอง”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป ทุกคนที่อยู่รอบๆ ถึงกับตะลึง มองไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสายตาที่คาดเดา สำรวจตรวจสอบ
ใครๆ ก็ไม่รู้ว่าเผยลี่เชินเป็นโสดอยู่คนเดียวมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดเขาก็คือเหอหย่าหาน ทั้งสองไม่เคยออกมาประกาศความสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบ แต่ตอนนี้เผยลี่เชินกลับมีผู้หญิงอีกคนอยู่ข้างกาย เพิ่งออกงานพร้อมกันเผยลี่เชินกลับออกมาประกาศว่าเธอคือคู่หมั้นของเขา
ไป๋เสว่เอ๋อร์เองยังตะลึง มองเผยลี่เชินด้วยความประหลาดใจ อยากจะถามเขาว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นต่อหน้าคนตั้งมากมาย แต่เมื่อมองเห็นสายตาของเขาและตระหนักได้ว่าผู้คนในงานโดยรอบกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ เธอจึงได้แต่กลืนคำพูดกลับเข้าไปในลำคอแทน
“คู่หมั้น?” เวินซิวหวีพูดซ้ำคำพูดนี้ด้วยความสนใจ สายตาหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วยิ้มให้กับเผยลี่เชิน “งั้นฉันขอแสดงความยินดีล่วงหน้าก่อนเลยนะประธานเผย รอจนถึงงานแต่งงานของพวกคุณต้องเชิญฉันไปร่วมงานด้วยนะ”
เผยลี่เชินพยักหน้า พูดเบาๆ “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วครับ”
หลังจากทักทายเจ้าภาพเรียบร้อยแล้ว เผยลี่เชินพาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปอีกด้านที่มีคนอยู่ไม่มาก ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว ถามด้วยเสียงเย็นชา “เมื่อกี้ทำไมถึงพูดจาแบบนั้นออกไป?”
แต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกอย่างงานเลี้ยงนี้เป็นงานที่รวมผู้คนที่มีหน้ามีตาในวงการธุรกิจ ตอนนี้เผยลี่เชินพูดแบบนี้ออกไป เหมือนประกาศอย่างเป็นทางการ เธอไม่ต้องคาดเดาก็คิดออกว่าพรุ่งนี้เช้าข่าวนี้จะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
เผยลี่เชินก้มหน้ามองหญิงสาวที่โกรธจนหน้าแดง เขาก้มหน้ากอดเธอเอาไว้ “เธอรับปากฉันแล้วไม่ใช่หรือว่าให้เล่นละครต่อหน้าคุณท่าน? ตอนนี้ฉันพูดแบบนี้ คุณท่านรู้เข้าก็คงดีใจไม่น้อย ใช่ไหม?”
สีหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ดูเคร่งเครียด ผลักออกจากเขา “ฉันแค่รับปากคุณว่าจะไม่บอกเรื่องข้อตกลงสามสิบวัน แต่ไม่เคยรับปากว่าจะเป็นคู่หมั้นของคุณ!”
ขณะพูด เธอโกรธจนยื่นมือไปหยิบค๊อกเทลที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ กำลังจะดื่ม ทันใดนั้นก็ถูกคนจับข้อมือไว้แล้วถูกแย่งแก้วไปจากมือ
สีหน้าของเผยลี่เชินเคร่งขรึม เขาขมวดคิ้ว ลดเสียงลงต่ำ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ใครให้เธอดื่มเหล้า ถ้าอยากดื่มรอให้กลับบ้านก่อนแล้วฉันจะดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเธอ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงเมื่อถูกพลังของชายหนุ่มครอบงำ ไม่มีทางปฏิเสธหรือโกรธได้ ได้แต่ทำเสียงตะคอกใส่ แล้วหันหลังเดินไปอีกด้าน
เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยะโสของหญิงสาวเผยลี่เชินจึงอดขำไม่ได้ จากนั้นหยิบน้ำผลไม้บนโต๊ะเดินไปหาเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หาเก้าอี้นั่ง เงยหน้ามองคนที่กำลังเต้นรำอยู่กลางห้องโถง ไม่นานเผยลี่เชินก็เดินเข้ามาหา วางน้ำผลไม้ไว้ตรงหน้าเธอ เตือนด้วยเสียงเบาๆ “งานเลี้ยงประเภทนี้ เป็นการดีที่จะไม่ดื่มเหล้าในงานเลี้ยงประเภทนี้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปาก สายตาเหลือบไปเห็นเวินซิวหวีที่เดินตรงมาทางพวกเขา จึงพูดเบาๆ “คุณเวินเดินมาแล้ว”
เผยลี่เชินหันหลังให้ได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเตือนแต่ก็ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ได้แต่มองเธอแล้วยิ้มให้ “แน่นอน”
ขณะที่เขากำลังพูด เวินซิวหวีก็เดินเข้ามา พูดพร้อมรอยยิ้ม “ประธานเผย คุณไป๋ ทำไมไม่ออกไปเต้นรำ เพลงนี้มันคลาสสิคมาก”
เผยลี่เชินยิ้มให้เขาแล้วถามกลับ “แล้วคุณเวินทำไมถึงไม่ไปเต้นรำครับ?”
เวินซิวหวีหัวเราะเสียงดัง “ฉันไม่มีคู่ ไม่มีใครเต้นรำเป็นเพื่อนฉัน”
เขาหยุดสักครู่หลังจากที่พูดจากนั้นเงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเบาๆ “ถ้างั้นคุณไป๋ไปเต้นรำกับฉันได้ไหม?”
สายตาของเผยลี่เชินแสดงความเย็นชาเมื่อได้ยิน กำลังจะกล่าวปฏิเสธ แต่ใครจะรู้ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืนแล้ว
เธอวางมืออย่างไม่ถือตัวในมือของเวินซิวหวีที่ยื่นออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “ฉันเต้นรำไม่เก่ง คุณเวินอย่าได้ใส่ใจ”
“ไม่หรอก” เวินซิวหวีกล่าวตอบ แล้วหันไปมองที่เผยลี่เชินที่อยู่ข้างๆ พร้อมคำถาม “ประธานเผยไม่ถือสานะ?”
ถึงที่เต้นรำ แม้ว่าเผยลี่เชินจะถือสาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขาได้แต่ยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนมองทั้งสองเดินไปที่กลางห้องโถง
เขารู้โดยธรรมชาติ ทุกการกระทำของเวินซิวหวีนั้นเป็นไปเพื่อทดสอบพวกเขา แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์จะรู้แน่ชัดหรือไม่นั้น เขาเองก็ไม่รู้
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามเวินซิวหวีเข้าไปกลางที่ฟลอร์เต้นรำ พอดีเสียงกลองดังขึ้น ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองเต้นไปตามจังหวะดนตรี
“คุณไป๋รู้จักกับประธานเผยมานานแค่ไหนแล้ว?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของฝ่ายชาย ยิ้มมุมปาก “ก็ไม่นาน ไม่แค่กี่ปีเอง คุณเวินน่าจะรู้”
เวินซิวหวีประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังเธอพูด ตอนแรกคิดว่าเธอจะแค่หน้าตาดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสมองด้วย คำพูดแค่ประโยคเดียวก็ชี้ให้เห็นจุดยืนคนสองคนได้อย่างชัดเจน
“ฉันรู้ เพียงแต่รู้สึกว่า…” เวินซิวหวีหัวเราะ “คุณไป๋เป็นหญิงงาม ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เหมาะสมกัน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม ชี้ให้เห็นความหมายของเขาอีกครั้ง “งั้นความหมายของคุณคือเผยลี่เชินไม่เหมาะกับฉันใช่ไหม?”
เวินซิวหวียิ้ม ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ เพลงบรรเลงมาถึงส่วนยอดเยี่ยมอย่างช้าๆ เขาพูดเบาๆ “เห็นได้ว่าประธานเผยนั้นใส่ใจคุณมาก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม ไม่พูดอะไร
เมื่อก่อนตอนแรกที่เธอไม่ได้มา ยังเดาไม่ออกว่าคุณเวินคนนี้เป็นมิตรหรือเป็นศัตรู แต่พอวันนี้ได้เจอตัว พูดคุยกันไม่กี่ประโยค เธอก็พอจะเดาออกแล้ว
คำพูดของชายคนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นซ่อนการทดสอบเอาไว้ ไม่เหมือนการพูดคุยกับคนปกติทั่วไป เห็นได้ชัดว่า เขามีจุดประสงค์อื่น
จุดประสงค์นี้ในมุมมองของเผยลี่เชินไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ๆ เลย
เพลงจบลงอย่างรวดเร็ว ไป๋เสว่เอ๋อร์แยกตัวทิ้งระยะห่างของคนสองคน พูดเบาๆ “คุณเวินเต้นรำได้ไม่เลว”
เวินซิวหวียิ้ม “คุณเองก็เช่นกัน ถ้างั้นทิ้งเบอร์ไว้ให้ติดต่อกัน วันหลังพวกเรานัดกันออกมาเต้นรำ?”
“เต้นรำได้คะ ถึงตอนนั้นคุณก็ติดต่อเผยลี่เชินโดยตรงก็ได้คะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มให้เขาหลังจากพูดทิ้งท้ายไว้ จากนั้นก้าวเท้าเดินไปทางเผยลี่เชิน
เวินซิวหวีมองเงาด้านหลังของหญิงสาว สายตาปรากฏรอยยิ้ม
อีกด้านหนึ่ง เผยอี้กับจินจิงจิงนั่งอยู่ด้านหน้าจ้องมองไปทางด้านนี้
จินจิงจิงคิดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของไป๋เสว่เอ๋อร์ ไม่เพียงแต่ทำให้เผยลี่เชินประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเธอคือคู่หมั้นของเขา แต่ยังได้คลุกคลีกับเวินซิวหวีอีกด้วย
จินจิงจิงเห็นสายตาของเผยอี้ซึ่งอยู่ข้างๆ กำลังจ้องมองไปที่หญิงสาวทางด้านนั้น ทำให้ในใจของเธอรู้สึกโกรธและอิจฉา
จินจิงจิงกัดฟันด้วยความโกรธ กำมือแน่น แต่พอคิดถึงแผนการของตัวเองแล้ว ความโกรธของเธอค่อยๆ บางเบาลง
คืนนี้เธอต้องทำให้พวกผู้ชายที่อยู่รอบๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งหลายได้เห็นความน่าเกลียดที่สุดของเธอ!