ตอนที่ 418 กล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากเส้นเลือดอุดตัน
ดวงตาของเผยอี้สั่นไหว มือที่บีบคอหญิงสาวค่อยๆ คลายลงอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป จินจิงจิงจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เธอกลับมาเพื่อช่วยเผยลี่เชินแย่งสมบัติ! คนอื่นดูออก มีแต่ตัวคุณเองที่ไม่เข้าใจ!”
ประโยคนี้เหมือนมีดปลายแหลมทิ่มแทงหัวใจของเผยอี้ เขามองจินจิงจิงด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง “ไร้สาระ!”
“คุณมีฉัน มีแม่ แต่เผยลี่เชินตัวคนเดียว นี่จึงเป็นสาเหตุให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ลงมือกับฉัน! ทำลายชื่อเสียงของฉันก่อน แล้วถึงลงมือกับแม่คุณ! เผยอี้ คุณคิดว่าคุณยังมีอะไรมาต่อรอง?”
จินจิงจิงรู้สึกถูกผิดปะปนกันไปหมด แต่ในมุมมองของเผยอี้ต่อเรื่องยุ่งเหยิง เขาไม่มีเหตุผลมากพอที่จะแยกแยะความถูกต้องของคำพูดพวกนี้ได้
“เผยอี้ ถ้าคุณเกลียดฉัน ตอนนี้คุณบีบคอฉันให้ตายฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน ไม่ว่าอย่างไรคุณห้ามตกลงไปในกับดับของพวกเขา! งานเลี้ยงคืนนี้จู่ๆ ก็ไฟดับ ฉันถูกคนที่เธอเตรียมไว้ลากมาที่นี่ หลังจากที่ไฟมา ฉันต่อสู้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไปดูได้! เธอมีบาดแผลที่ศีรษะ! ตอนที่ฉันขัดขืน! แต่ต่อมา…คนของเธอลากฉันเข้ามาในห้องนี้…”
จินจิงจิงขณะพูดน้ำตาก็ไหลออกมา เธอยื่นมาดึงที่ชายเสื้อของเผยอี้ “เผยอี้ คุณเชื่อฉันสักครั้ง…ได้ไหม? ฉันจะมาทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองหมองหม่นทำไม?”
เผยอี้กำหมัดแน่น แม้ว่าในใจจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขาแสดงอย่างชัดเจนว่ามีแนวโน้มเชื่อในคำพูดของจินจิงจิง
“เรื่องนี้จริงหรือเท็จ ฉันต้องพิสูจน์ให้ชัดเจน!”
เผยอี้ลุกขึ้น มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอก
ประตูถูกปิดด้วยเสียงดัง “ปั้ง” จินจิงจิงตัวอ่อนลงเอนตัวลงบนผ้าห่ม ตัวสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอรู้ว่าเผยอี้เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเมื่อสักครู่ อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมกับเรื่องหย่าที่เผยอี้พูดมา ซึ่งเธอเพิ่งคิดได้กะทันหัน
ถ้าเธอเดาไม่ผิด กล้องวงจรปิดตรงระเบียงทางเดินช่วงเริ่มรีสตาร์ทตัวเองไม่ได้บันทึกภาพตอนที่เธอทำโน่นทำนี่ แต่อาจจะบันทึกตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ลากเธอเข้ามาในห้องดึงลูกบิดประตู ไม่ให้เปิดประตูได้…
ดังนั้นขอเพียงตอนนี้เธอผลักความผิดทุกอย่างให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รับผิดชอบ เธอก็จะกลายเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ และไป๋เสว่เอ๋อร์กลายเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง!
เรื่องมาถึงตอนนี้ เธอยิ่งทำยิ่งเสีย วางแผนวางกับดักเอาไว้แต่ตัวเองกลับมาติดกับเสียเอง ยังเสียชื่อเสียง เธอไม่ยอมปล่อยไป๋เสว่เอ๋อร์ไปแน่!
จินจิงจิงรีบลุกขึ้นจากพื้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หยิบโทรศัพท์ในห้องกดเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง “ฮัลโหล….คิดหาวิธีพาฉันออกไปจากที่นี่ด้วย….”
เผยอี้เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าอึมครึม ในสมองมีแต่คำพูดเมื่อสักครู่ของจินจิงจิงลอยไปลอยมา คิดตามเหตุผลอย่างละเอียด ทุกอย่างที่พูดก็ชัดเจน
เพราะเรื่องคุณท่านเผยยกหุ้นบริษัทให้เขา เขาดูออกว่าเผยลี่เชินไม่มีความสุขจริงๆ อีกทั้งความขัดแย้งอย่างชัดเจนของคนสองกลุ่มในบริษัทยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น สุขภาพของคุณท่านเองไม่ค่อยจะสู้ดี ข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนมือของเผยซื่อกำลังแพร่กระจาย…
เผยอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็เกือบจะมั่นใจอะไรบางอย่าง เขารีบเดินลงไปหาเผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์
เวินซิวหวีกำลังพูดคุยกับพวกเขา เห็นเผยอี้เดินเข้ามาท่าทางดุดันด้วยความโกรธ สีหน้าเปลี่ยนไป
เผยอี้กำหมัดแน่นหยุดอยู่ข้างๆ พวกเขา สายตาเย็นชาเล็กแหลมของเขาจ้องมองไป๋เสว่เอ๋อร์ กวาดตามองดูบาดแผลบริเวณหน้าผาก สีหน้าดูไม่ดีถามด้วยเสียงเข้ม “เธอทำใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว กำลังจะอ้าปากพูด เผยลี่เชินซึ่งอยู่ข้างๆ เข้ามาขวางหน้าเธอไว้ จ้องมองเขา “นายคิดจะทำอะไร?”
เผยอี้กำลังจะพูด ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเผยลี่เชินดังขึ้น จากนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเช่นกัน
เผยลี่เชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นกวาดตามองทีหนึ่งแล้วรีบรับโทรศัพท์ทันที “ฮัลโหล?”
“คุณชายใหญ่! แย่แล้ว! คุณท่านเป็นลมไป ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล!”
สีหน้าของเผยลี่เชินหดหู่ลงทันที “อะไรนะ?”
“คุณรีบมาเร็วๆ ที่โรงพยาบาลจูงซิน!”
เผยลี่เชินเก็บโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้นมองเผยอี้ มองใบหน้าเขาที่ยากจะบรรยาย นิ่งไปสักครู่ก็เข้าใจในทันทีว่าเขาเองก็ได้รับโทรศัพท์แบบนี้เช่นเดียวกัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ รีบลุกขึ้นและถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“คุณท่านเข้าโรงพยาบาล ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบก้าวไปข้างหน้า “ฉันไปกับคุณด้วย!”
ทั้งสองมองหน้ากันไม่พูดอะไรมาก เดินออกจากห้องโถง
เผยอี้เก็บโทรศัพท์มือถือแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
รถขับเร็วประดุจสายลม รอจนมาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งผ่านมาแล้วครึ่งชั่วโมง
เผยลี่เชินลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ถามพยาบาลประจำการถึงได้รู้ว่าตอนนี้คุณท่านอยู่ในห้องผ่าตัดเพื่อช่วยชีวิต
ไป๋เสว่เอ๋อร์ซึ่งรีบมาที่ห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็วเห็นเย่ซิวหรงพร้อมกับคนใช้สองสามคนยืนอยู่ที่ประตูห้อง ซึ่งมีไฟแดงขึ้น “ช่วยชีวิต” ในห้องฉุกเฉิน
เธอหายใจลึกไม่สนใจบาดแผลที่อยู่บนตัว พยายามสะกัดกั้นความเจ็บปวด เดินไปข้างหน้า
“ลุงเฝิง เกิดอะไรขึ้น?” เผยลี่เชินก้าวไปข้างหน้า รีบถามพ่อบ้าน
“คุณท่าน….” ลุงเฝิงขมวดคิ้วเข้ม ถอนหายใจยาว “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพอคุณท่านดูวิดีโอบนอินเตอร์เน็ต…ก็เป็นลมล้มพับไป จึงพามาส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าเพราะความโกรธทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเนื่องจากเส้นเลือดอุดตัน ตอนนี้หมอกำลังช่วยชีวิต….”
สีหน้าของเผยลี่เชินเศร้าอย่างกะทันหัน สายตาแหลมเล็กประดุจนกเหยี่ยวจ้องมองไปที่ร่างของเย่ซิวหรงซึ่งอยู่ห่างไกลนัก สองสามวินาทีผ่านไป เขาก้าวเดินตรงไปยังเธอ
เย่ซิวหรงเห็นเธอเดินตรงเข้ามาหา หายใจลึกก่อนพูดว่า “ลี่เชิน….”
ชายหนุ่มจ้องมองเธอถามด้วยความโกรธ “พ่อฉันทำไมถึงดูวิดีโอได้!”
เขารู้ดีว่าคุณท่านไม่มีนิสัยชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ งานอดิเรกปกติคือดูหนังสือพิมพ์เล่นหมากรุก ตอนกลางคืนก็ฝึกเขียนตัวอักษร ตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยดี พอดื่มยาแล้วก็พักผ่อน เป็นไปได้อย่างไรที่ในเวลานี้จะมาดูวิดีโอผ่านอินเตอร์เน็ต?
นอกเสียจากมีคนจงใจอยากให้เขาดู!
เย่ซิวหรงลหลบตา ดูเหมือนไม่กล้าซบตาเผยลี่เชิน “พ่อเธอเขา….”
เธอพูดอ้ำอึ้งไม่ชัดเจน สายตามองไปที่กำปั้นของเผยลี่เชิน ทันใดนั้นเผยอี้เดินเข้ามา ตะโกนมาแต่ไกล “แม่!”
เย่ซิวหรตื่นเต้นเมื่อได้ยินและตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก้าวเท้าเข้าไปหาเผยอี้
เผยอี้ปกป้องคนที่อยู่ข้างหลังเขาและถามอย่างรวดเร็ว “แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เย่ซิวหรงส่ายหน้า แต่ในดวงตากลับมีน้ำตาคลอ
เผยอี้เห็นแบบนี้ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเย่ซิวหรงถูกเผยลี่เชินรังแก เขากำหมัดแน่นเดินมาข้างหน้า พูดอย่างไม่เกรงใจ “เผยลี่เชิน นายคิดจะทำอะไร?”
สายตาของเผยลี่เชินเย็นชา แต่เหยียดหยามทุกการกระทำทุกคำพูดของเขา
“วันนี้ที่พ่อเป็นลมก็เพราะดูวิดีโอของจินจิงจิง แต่นายเองก็รู้นะว่าปกติเวลานี้พ่อจะพักผ่อนแล้ว ดังนั้นที่พ่อได้ดูวิดีโอ แปลว่ามีคนจงใจอยากให้เขาดู!”
สายตาของเขาจดจ้องไปที่ร่างของเย่ซิวหรง เข้าใจว่าเธอไม่ได้ดูแลเอาใจใส่!
“นายใส่ร้ายใคร?” เผยอี้พูดอย่างดุเดือด “เรื่องของจินจิงจิงใครทำ นายเองยังไม่รู้ชัดเจนใช่ไหม?”
เผยลี่เชินสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยิน “นายหมายความว่าอย่างไง?”
“ฉันเองก็อยากถามนายว่ามันหมายความว่าอย่างไร?” เผยอี้เดินไปข้างหน้า “ตอนนี้เห็นพ่ออยู่ข้างใน ไม่มีใครจะมาปกป้องแม่ฉันได้ จึงอยากใช้โอกาสนี้โยนความผิดให้เธอ เผยลี่เชิน นายมันชั่วช้า!”