สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 422

ตอนที่ 422

ตอนที่ 422 รักษาความลับแทนหนูได้ไหมคะ

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรถึงจะดีไปชั่วขณะ

ห้าปีมานี้เธอเลี้ยงเขาจนโตมาด้วยตัวคนเดียว เข้าใจความคิดความอ่านของลูกน้อยอย่างชัดเจนดีเหลือเกิน ใครต่างก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นลูกนอกสมรสที่มีเพียงแต่แม่ไม่มีพ่อ ใครก็ไม่อยากกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในหมู่เด็กด้วยกัน

ไป๋เสว่เอ๋อร์เกิดความละอายใจขึ้นมา แต่ยังคงฝืนฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย โอบกอดห้าวเจ๋อน้อยเอาไว้ภายในอ้อมแขน เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “แม่ไม่โกรธ ลูกบอกแม่ เจียเจียจะมาเมื่อไร?”

“หกโมงเย็นครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กอดเขาแน่นด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ “โอเคจ้ะ งั้นถึงเวลาพวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนลูกรอเขามาด้วยกันนะ”

ใกล้เวลาเที่ยง น้ำซุปบำรุงกำลังที่ป้าจางตุ๋นเอาไว้นั้นได้ตุ๋นเสร็จดีแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ทานอะไรนิดหน่อย จากนั้นนำน้ำซุปบำรุงกำลังบรรจุใส่ภาชนะกักเก็บความร้อน จากนั้นเตรียมที่จะออกจากบ้านไป

เธอเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ห้าวเจ๋อน้อยก็ “ตึงๆๆ” วิ่งเหยาะๆเข้ามา “แม่ จะไปไหนครับ?”

“แม่…แม่จะไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาล ลูกอยู่ที่บ้านรอแม่ ได้ไหม?”

ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ สายตาของห้าวเจ๋อน้อยก็มืดมนลงเล็กน้อย ปากจู๋ขึ้นมาอย่างค่อนข้างที่จะผิดหวัง “ก็ได้ครับ…”

มองเห็นสายตาที่มืดหม่นลงไปของหนุ่มน้อย อยู่ๆไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกไม่อาจแข็งใจขึ้นมา หลายวันมานี้ เธอมักจะมีธุระที่จะต้องออกไป เวลาที่อยู่เป็นเพื่อนเขานั้นลดลงไปเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ยื่นมือออกไปทางห้าวเจ๋อน้อย “ไม่ได้เจอคุณน้าหวั่นหวั่นมานานแล้วใช่หรือเปล่า? ปะ แม่พาลูกไป!”

ห้าวเจ๋อน้อยได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันที โบกสะบัดกำปั้นไปมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “ครับ!”

เห็นเขามีความสุขขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดีขึ้นเป็นอย่างมากตามไปด้วย

ระหว่างทางที่ไปยังโรงพยาบาลนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้บอกกับเจียงหวั่นหวั่นเอาไว้แล้ว ให้เธอมารอที่หน้าประตูโรงพยาบาลล่วงหน้า อย่างนี้ตอนที่เธอไปเยี่ยมดูอาการคุณท่านเผย เจียงหวั่นหวั่นก็จะได้พาห้าวเจ๋อน้อยออกไปเที่ยว

รอให้ธุระของเธอทางนี้เสร็จพอสมควรแล้ว ค่อยให้เจียงหวั่นหวั่นพาห้าวเจ๋อน้อยมาส่ง พาไปทักทายกับคุณท่านเผยนิดหน่อยจากนั้นพวกเขาก็กลับบ้าน เช่นนี้แล้ว ห้าวเจ๋อน้อยก็คงจะไม่ถึงกับรู้สึกเบื่อขนาดนั้น

จัดการทุกอย่างนี้เสร็จ มาถึงโรงพยาบาล ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ส่งมอบห้าวเจ๋อน้อยให้กับเจียงหวั่นหวั่น จากนั้นก็นำน้ำซุปบำรุงกำลังไปเยี่ยมคุณท่านเผยที่ห้องผู้ป่วยเพียงคนเดียว

คุณท่านเผยได้ถูกย้ายไปยังห้องผู้ป่วยVIP ไป๋เสว่เอ๋อร์เคาะประตูห้องเล็กน้อย จากนั้นผลักประตูเดินเข้าไป มองเห็นเย่ชิวหรงกำลังนั่งปอกแอปเปิ้ลให้กับคุณท่านเผยอยู่ที่ข้างเตียง

มองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ สายตาของคุณท่านเผยก็เปล่งประกายขึ้นมา เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มว่า “เสี่ยวไป๋ หนูมาได้ยังไงกัน?”

เห็นอารมณ์ของคุณท่านเผยดูสงบสุขขึ้นเป็นอย่างมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยิ้มเล็กน้อย รีบเดินเข้าไปข้างหน้า นำภาชนะกักเก็บความร้อนวางลงบนโต๊ะด้านข้างหัวเตียง “หนูมาเยี่ยมคุณลุงค่ะ นี่เป็นน้ำซุปบำรุงกำลังที่ป้าจางตั้งใจตุ๋นให้กับคุณลุงโดยเฉพาะ อีกสักครู่จะต้องถือโอกาสดื่มตอนที่ยังร้อนๆอยู่นะคะ”

คุณท่านเผยอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างชื่นชม เอ่ยปากขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ก็ยังคงเป็นหนูที่รู้ความล่ะนะ!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยอธิบายขึ้นมาเบาๆ “ที่จริงแล้วลี่เชินก็อยากจะมาเยี่ยมคุณลุงค่ะ เพียงแต่วันนี้ยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องในบริษัท ปลีกตัวมาไม่ได้จริงๆ”

คุณท่านเผยได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจออกมาเบาๆ “ความทุ่มเทที่เขามีต่อตระกูลเผย ลุงก็เห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด”

เย่ชิวหรงที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็อึมครึมลงไปเล็กน้อยอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ มือของเธอหยุดชะงักลง เปลือกแอปเปิ้ลที่แต่เดิมปอกเป็นเส้นยาวๆก็ขาดลงอย่างกะทันหัน

คุณท่านเผยหันศีรษะไปยังด้านข้าง มองเย่ชิวหรงเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปากสั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ชิวหรง อยู่ๆฉันก็อยากจะทานเค้กถั่วเขียวร้านจิ่งวี่ฝั่งที่อยู่บนถนนสายนี้ เธอช่วยไปซื้อมาให้ฉันหน่อยสิ”

เย่ชิวหรงได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่สุดท้ายก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา นำแอปเปิ้ลที่ปอกไปได้ครึ่งหนึ่งวางลงด้านข้าง แล้วเอ่ยปากตอบรับว่า “ค่ะ ฉันจะไปซื้อมาให้เดี๋ยวนี้”

พูดจบ เธอก็หันหน้ามองมายังไป๋เสว่เอ๋อร์แวบหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็บังเอิญเหลือบมองไปทางนั้นพอดี สบสายตากับเธอเข้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย

เย่ชิวหรงก็ฉีกรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบกระเป๋าที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ก้าวขาเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป

ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ดีว่า ที่คุณท่านเผยอยากจะทานเค้กนั้นไม่ได้เป็นความจริง แต่เพื่อที่จะให้เย่ชิวหรงออกจากที่นี่ไปก็เท่านั้น

พอเย่ชิวหรงจากไป คุณท่านเผยก็ถอนหายใจออกมา “เรื่องนี้ ฉันเองก็มีส่วนผิด ฉันไม่ควรจะให้จินจิงจิงเข้ามาในบ้านตั้งแต่ทีแรก”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยให้กำลังใจเบาๆว่า “คุณลุงอย่าตำหนิตัวเองมากเกินไปเลยค่ะ นี่เป็นเรื่องในอนาคตที่ใครต่างก็คาดคิดไม่ถึง คุณลุงว่าใช่ไหมคะ”

ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ คุณท่านเผยก็พยักหน้าพลางเอ่ย “นั่นสินะ คิดไม่ถึงว่าหนูอายุยังน้อยแค่นี้ กลับมองเรื่องมากมายออกอย่างทะลุปรุโปร่ง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปหยิบภาชนะกักเก็บความร้อนที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา บิดฝาให้เปิดออกพร้อมกับเอ่ยว่า “คุณลุงคะ ซุปนี้ต้องทานตอนร้อนๆ หนูเปิดให้ค่ะ”

คุณท่านเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ได้”

รับภาชนะกักเก็บความร้อนมา ชิมไปหนึ่งคำ คุณท่านเผยก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “เป็นซุปที่ป้าจางตุ๋นจริงๆด้วย ยังคงเป็นรสชาตินั้นไม่มีผิด!”

เห็นเขามีความสุข ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกดีเป็นอย่างมากตามไปด้วย รอจนเขาทานไปได้พอสมควรแล้ว อยู่ๆเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยปากถามขึ้นเบาๆว่า “ใช่แล้วค่ะ คุณลุง สองวันมานี้คุณลุงได้ดื่มยาจีนแก้อาการเจ็บคอบ้างหรือเปล่าคะ?”

คุณท่านเผยหยุดชะงักเล็กน้อย ส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงโรงพยาบาล จนมาถึงตอนนี้ ก็ไม่ได้ดื่มเลย”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างลองหยั่งเชิง “งั้น…อาการไอของคุณลุงมีหนักขึ้นบ้างหรือเปล่าคะ?”

เพราะว่าในความทรงจำของเธอ เขามักจะไอไม่ยอมหยุด แต่วันนี้ตั้งแต่เธอมาถึงห้องผู้ป่วยจนมาถึงตอนนี้ ต่างก็ยังไม่ได้ยินเสียงไอของคุณท่านเผยเลยสักครั้ง เช่นนี้แล้ว…

คิดถึงคราวก่อนที่เธอเห็นฉากที่เย่ชิวหรงต้มยาให้กับคุณท่านเผยด้วยตัวเองที่คฤหาสน์หลังเก่า ความรู้สึกที่แปลกประหลาดก็อัดอั้นอยู่ภายในจิตใจ สลัดไปยังไงก็สลัดไม่ออก

ทำไมคราวนี้คุณท่านเผยไม่ได้ดื่มยาติดต่อกันตั้งหลายชุด อาการไอกลับลดน้อยลงเสียด้วยซ้ำล่ะ?

“เอ๋!” คุณท่านเผยส่งเสียงออกมา “หากหนูไม่พูดฉันก็ยังไม่สังเกตเห็นจริงๆ วันนี้ฉันดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ไอจริงๆด้วยสิ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้นำข้อสงสัยที่อยู่ในใจเอ่ยออกมา

คุณท่านเผยเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “คงจะเป็นเพราะไม่ได้เปิดหน้าต่าง ไม่ได้โดนลมล่ะมั้ง…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอไม่สามารถเอ่ยถึงเรื่องที่ตัวเองยังรู้ไม่แน่ชัดได้ รวมไปถึงข้อสงสัยของเธอ ทุกอย่างยังต้องรอการยืนยัน

รอจนกระทั่งคุณท่านเผยทานซุปบำรุงกำลังหมด ก็ได้พูดคุยกับไป๋เสว่เอ๋อร์ขึ้นมาอีกครู่หนึ่ง ภายใต้ความไม่รู้เนื้อรู้ตัว หัวข้อบทสนทนาก็ได้มาถึงเรื่องของห้าวเจ๋อน้อย

“แม่หนูไป๋ ลุงอยากถามหนูมาโดยตลอด ห้าวเจ๋อน้อยเขา…”

แม้ว่าในใจของเขาได้มีคำตอบที่แทบจะเป็นความมั่นใจแล้ว แต่เขาก็ยังอยากฟังการยอมรับจากปากของไป๋เสว่เอ๋อร์เอง

แน่นอนว่าไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ดีว่าเขากำลังจะพูดอะไร มือทั้งสองข้างของบิดวนเข้าไว้ด้วยกัน รู้ว่าเรื่องมาถึงตอนนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว เธอยอมรับไปตรงๆว่า “ห้าวเจ๋อน้อยเป็นลูกของหนูกับเผยลี่เชินจริงๆค่ะ แต่หกปีก่อนหนูยืนกรานจะแยกจากเผยลี่เชินให้ได้ ไม่ใช่แค่เพียงเพราะเขาเข้าใจหนูผิด ที่จริงแล้วยังมีเหตุผลอย่างอื่น…”

เธอสามารถปิดบังเผยลี่เชินได้ อัดอั้นคำถามภายในจิตใจไม่ถามเผยลี่เชินออกไป แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับคุณท่านเผย เธอไม่อยากจะโกหกเขาอีกต่อไป

คุณท่านเผยเอ่ยถาม “นั่นคือ?”

“หกปีก่อน คุณพ่อของหนูเสียชีวิตภายในเรือนจำอย่างกะทันหัน หลังจากเสร็จเรื่องหนูเคยแอบทำการตรวจสอบเรื่องนี้…” ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย รวบรวมความกล้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยลี่เชินค่ะ”

“อะไรนะ?” สีหน้าของคุณท่านเผยเปลี่ยนไปในทันที “หนูกำลังจะบอกว่า…เป็นเผยลี่เชินเขา?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

“ลี่เชินเขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่ แม่หนู ระหว่างพวกเธอจะต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน นี่ก็หกปีแล้ว ทำไมหนูไม่ถามเขา?”

“หนูก็เคยคิดที่จะถามเขา แต่ต่อมา เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกินค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น เงยหน้ามองไปทางคุณท่านเผย แล้วเอ่ยขอร้องว่า “คุณลุงคะ เรื่องนี้หนูยังคิดไม่ออกว่าจะพูดกับเขายังไงดี คุณลุงจะสามารถรับปาก รักษาความลับแทนหนูได้ไหมคะ?”

คุณท่านเผยได้ยินดังนั้น สายตาสับสน อยากจะพูดแต่ก็ลำบากที่จะพูด สุดท้ายคำพูดที่อยากจะพูดทั้งหมดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจออกมา เขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากว่า “ฉันรับปากหนู นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเธอสองคน จะช้าจะเร็วก็ยังต้องให้พวกเธอไปแก้ไขกันเอง”

คำพูดของคุณท่านเผยเพิ่งจะจบลง อยู่ๆด้านหน้าประตูก็มีเสียงผู้หญิงที่แหลมคมดังสะท้อนเข้ามา “ไป๋เสว่เอ๋อร์!

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน