ตอนที่ 453 มีร่างพินัยกรรมหรือไม่
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำสีหน้าสงสัย เจียงหวั่นหวั่นจึงหยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนหาข่าว ยื่นให้หล่อน “เธอดูสิ หนึ่งชั่วโมงที่แล้วก็มีข่าวออกมาแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบมือถือ เปิดอ่านดู รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที
เมื่อคำนวณจากเวลาที่ข่าวออกมา ตอนนั้นพวกผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยังไม่ได้ไปที่โรงพยาบาล คนที่รู้เรื่องของคุณท่านเผยก็มีเพียงคนในครอบครัวและคนงานเพียงไม่กี่คน แต่ข่าวนี้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างรวดเร็วได้อย่างไรกัน?
ความสงสัยนี้อัดอั้นอยู่ภายในใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกกระวนกระวายใจมากขึ้น หล่อนกำมือถือในมือแน่นขึ้น ในหัวคอยครุ่นคิดแต่ทางออก
รู้เรื่องการจากไปของคุณท่านเผย ส่งข่าวให้กับพวกสื่อ คนนั้นต้องเป็นคนที่อยากจะให้คนรู้กันเยอะ ยิ่งเยอะยิ่งดี….
หรือจะเป็นเย่หรงชิว? หล่อนใช้กำลังกับคุณท่านเผย จากนั้นก็ฉวยโอกาสหลบหนีไป จากนั้นก็ปล่อยข่าวให้กับสื่อมวลชน และแจ้งกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัท เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายในตระกูลเผยจึงวุ่นวายมากขึ้น อีกทั้งแรงกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลภายนอก เพียงแต่เกรงว่าเผยลี่เชินจะต้านทานแรงกดดันทั้งหมดนี้ไว้ไม่ไหว!
เมื่อครุ่นคิดถึงเหตุและผลทั้งหมดแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืน หยิบมือถือและเดินออกไปที่ระเบียง โทรหาเผยลี่เชิน
รอสายอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาก็รับสาย
“ฮัลโหล? เผยลี่เชิน สถานการณ์ที่บริษัท….เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เสียงของเผยลี่เชินเหนื่อยล้า “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก รีบพูดขึ้น “เมื่อครู่ฉันเห็นคนวิจารณ์บนอินเตอร์เน็ตกันเยอะเลย ฉันว่าน่าจะเป็นฝีมือของเย่หรงชิวที่นำข่าวนี้ไปให้กับพวกสื่อมวลชน เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายในบริษัทจึงวุ่นวายมากขึ้น หล่อนปองร้ายจนทำให้คุณท่านเสียชีวิต ทำให้ทุกคนเดือดเนื้อร้อนใจ ทั้งหมดนี้คงเป็นเพราะหล่อนอยากให้เผยอี้ได้อำนาจทั้งหมด จึงร่วมมือกับผู้ถือหุ้นโจมตีคุณ!”
คู่สายเงียบไปสักพัก จากนั้น เสียงของเผยลี่เชินก็ดังขึ้น “ผมเข้าใจแล้ว”
ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาพูดต่อ “ผมจัดการเรื่องทางนี้เอง วางสายก่อนะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ตัดสายทิ้งทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าตา จิตใจกระวนกระวาย
เมื่อหล่อนครุ่นคิดไปมา ที่เย่หรงชิวปองร้ายคุณท่านเผย อันที่จริงก็เพราะสมบัติของตระกูลเผย จุดจบของเรื่องนี้ จะไม่ทำให้เผยลี่เชินปวดใจได้อย่างไร?
นั่งเหม่ออยู่ที่หน้าต่างอยู่นาน ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงจะใจเย็นลง เดินกลับเข้าไปในห้อง
เจียงหวั่นหวั่นเห็นสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ดูโศกเศร้า จึงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา หล่อนยื่นมืออกมาจับไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดขึ้น “จริงๆแล้วในใจของเธอยังมีเผยลี่เชินอยู่ใช่ไหม?”
เมื่อถูกเจียงหวั่นหวั่นถามขึ้นมาเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปทันที หลังจากนั้นสักพัก จึงพูดขึ้น “ฉันควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นห่วงเขาไม่ได้”
ถ้าเป็นลู่เหยา หล่อนไม่มีความรู้สึกแบบนี้กับเขาเลยสักนิด แต่กับเผยลี่เชินเมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา หล่อนรู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวลเขาอย่างมาก
เจียงหวั่นหวั่นพูดพึมพำ “ดูไปแล้วเธอยังมีใจให้เขาอยู่จริงๆ”
ทั้งสองสบตามองหน้ากัน ต่างคนต่างเงียบ
จากนั้นสักพัก เจียงหวั่นหวั่นดึงมือไป๋เสว่เอ๋อร์มาจับไว้ ยิ้มให้หล่อน “เสว่เอ๋อ เมื่อก่อนฉันหวังที่จะเห็นเธอมีชีวิตที่เรียบง่ายสุขสบาย ดังนั้นฉันก็เลยไม่หวังที่เห็นเธอข้องเกี่ยวกับตระกูลเผยอีก แต่ตอนนี้ ฉันสนับสนุนให้เธอทำตามใจตัวเอง ถ้าอยากจะให้ฉันช่วยอะไร บอกมาได้เลยนะ!”
เจียงหวั่นหวั่นพูดพลาง ยกมือตบไปที่อกอย่างภาคภูมิใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขำกับท่าทางของหล่อน หล่อนยิ้มออกทันที จับมือของเจียงหวั่นหวั่นไว้แน่น พูดขึ้น “สาวน้อย มีเธอนี่ดีจังเลย”
เจียงหวั่นหวั่นยิ้ม จู่ๆอะไรก็คิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าจริงจัง ดึงมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งเรียบ “เธอว่า คุณท่านเผยอายุขนาดนี้แล้ว เขาจะมีการวางแผนเรื่องชีวิตภายหลังของตัวเองบ้างไหม โดยเฉพาะพวกตระกูลเศรษฐีร่ำรวย โดยปกติจะมีการร่างพินัยกรรมไว้ก่อน เธอว่าคุณท่านเผยจะร่างพินัยกรรมไว้รึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเจียงหวั่นหวั่นพูดเช่นนี้ สายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์เย็นชาทันที สีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ความคิดของเจียงหวั่นหวั่นไม่เลวเลย ปกติแล้วถ้าบ้านไหนมีทรัพย์สมบัติ จะต้องทำพินัยกรรมไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ลูกหลานทะเลาะแย่งสมบัติกัน ถ้าคุณท่านเผยร่างพินัยกรรมไว้ หากเผยอี้จะฉวยโอกาสครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมด ก็คงไม่สามารถทำได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าลง “หวั่นหวั่น เธอพูดถูก เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือต้องรู้ว่าคุณท่านเผยมีร่างพินัยกรรมไว้หรือไม่ ไม่เช่นนั้น ถ้าหากสมบัติตระกูลเผยมีการแบ่งไว้แล้ว ไม่ว่าจะผู้ถือหุ้นจะคิดวิธีอะไร ก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่เป็นไปได้!”
เจียงหวั่นหวั่นได้ยินเช่นนั้น ยิ้มขึ้นมาด้วยความดีใจ “จะว่าไปการดูละครชีวิตครอบครัวเศรษฐีก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้หล่อน หันหลังเดินกลับไปที่ระเบียง อยากจะบอกเรื่องพินัยกรรมกับเผยลี่เชิน ขอเพียงแค่ให้เขาหาพินัยกรรมเจอ ก็จะคลี่คลายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนนี้ได้
หล่อนกดโทรออก เสียงรอสายดังอยู่นาน แต่ไม่มีใครรับ ไป๋เสว่เอ๋อร์โทรซ้ำอีกหลายรอบ แต่ไม่มีใครรับสายเลย สุดท้ายหล่อนจึงเก็บมือถือลง หันหลังเดินกลับไปที่ห้อง
ตอนนั้น หล่อนเพียงแต่เกรงว่าเผยลี่เชินจะยุ่งกับเรื่องที่บริษัทจนไม่มีเวลา จึงไม่มีเวลารับสายหล่อน ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนหายใจ ตัดสินใจไม่โทรต่อ
กว่าจะกล่อมเจ๋อน้อยให้นอนหลับได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะได้อาบน้ำ ล้มนอนลงบนเตียง แต่หล่อนกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด หล่อนเลื่อนหน้าจอมือถือไปมา ผู้คนมากมายต่างบนอินเทอร์เน็ตต่างพากันส่งข้อความและวิจารณ์เรื่องคุณท่านเผยและเรื่องภายในบริษัทกันอย่างดุเดือด
บริษัทตระกูลเผยในตอนนี้วุ่นวายจนเละเป็นโจ๊ก เผยลี่เชินคนเดียวแบกรับภาระและความกดดันเหล่านี้ไว้ไม่ไหวแน่นอน และนี่ก็คือผลที่เย่หรงชิวคาดหวังให้เกิดขึ้น เพราะมีเพียงวิธีนี้ เผยอี้ลูกชายของเขาจะได้ครอบครองอำนาจทั้งหมด
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ หล่อนลองโทรหาเผยลี่เชินอีกครั้ง แต่เขากลับปิดเครื่องไปแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือถือในมือไว้แน่น และค่อยๆเคลิ้มหลับไป
เช้าตรู่วันต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังนอนหลับอยู่ในห้วงของความฝัน จู่ๆก็ถูกเจียงหวั่นหวั่นปลุกให้ตื่น “เสว่เอ๋อ ตื่นเร็ว!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง มองไปที่เจียงหวั่นหวั่นด้วยท่าทีสงสัย ลืมตาสืมสะลือ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
สีหน้าของเจียงหวั่นหวั่นดูร้อนใจ “ฉันเห็นข่าวรายงานว่าเช้าวันนี้บริษัทตระกูลเผยจะจัดงานแถลงข่าว เผยลี่เชินอาจจะโดนปลดตำแหน่ง และเผยอี้จะเป็นประธานกรรมการบริษัทคนต่อไป!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น รู้สึกตื่นขึ้นมาทันที “เธอพูดจริงหรอ?”
เจียงหวั่นหวั่นรีบพยักหน้าลงทันที “เรื่องจริงแน่นอน ฉันเห็นในข่าวเลยนะ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดอะไรต่อ รีบหยิบมือถือเปิดข่าวใหม่ล่าสุดดู พาดหัวข่าวใหญ่ของรายงานข่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเผยจริงด้วย
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี หล่อนสูดหายใจเข้าลึก รีบเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ จากนั้นรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้า พูดกับเจียงหวั่นหวั่น “เธอดูแลเจ๋อน้อยดีๆนะ ฉันออกไปข้างนอกก่อน”
เจียงหวั่นหวั่นจับมือหล่อนไว้ พูดด้วยความเป็นห่วง “เธอไปตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เผยลี่เชินรับมือกับพวกถือหุ้นไม่ไหวหรอก เธอไปแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงียบ พูดอะไรไม่ออก
ในเมื่อเรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้ เผยลี่เชินเองยังแก้ไขอะไรไม่ได้ หล่อนไปหาเขาก็คงไม่มีประโยชน์อะไร แต่ทว่า หล่อนไม่อยากอยู่เฉยๆ หรือจะไปหาพินัยกรรมแทนเขา หล่อนไม่ยอมที่จะนั่งอย่างนิ่งเฉยอยู่แบบนี้
“หวั่นหวั่น เธอสบายใจได้ ฉันจะไปหาพินัยกรรมที่บ้านคุณท่าน ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
เมื่อพูดจบ ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหลังเดินออกไปจากห้องทันที
ขอเพียงแค่หล่อนยังมีกำลังความสามารถ อะไรที่ช่วยได้ก็ต้องช่วย!