สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 430

ตอนที่ 430

ตอนที่ 430 ในใจของคุณมีผม

สำหรับคำพูดไม่สอดคล้องกับเรื่องที่มาอย่างกะทันหันประโยคนี้ของเขา ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์สับสนมึนงงไปหมด ยังไม่ทันจะคิดให้เข้าใจ อยู่ๆมือของเธอก็ถูกมืออีกข้างหนึ่งของเขากุมเอาไว้แน่น

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด “ฉัน…ฉันโกหกอะไรคุณคะ!”

เผยลี่เชินเอ่ยออกมาทีละคำทีละประโยคอย่างไม่รีบร้อนว่า “คุณบอกว่าคุณไม่แคร์ผม บอกว่าคุณไม่รักผม บอกว่าคุณอยากจะออกไปจากชีวิตของผม เป็นกำโกหกทั้งสิ้น”

ได้ยินดังนั้น หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ยังไม่ทันจะมีการตอบสนองกลับคืนมา ก็ถูกคนใช้มือข้างเดียวโอบเข้าไปไว้ข้างในอ้อมแขน

“หากคุณไม่แคร์ผม เมื่อครู่นี้คุณจะร้อนรนขนาดนั้นทำไม?” เผยลี่เชินจ้องไปที่ดวงตาของเธอ เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ดวงตาของคุณโกหกผมไม่ได้”

วินาทีนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเพียงแค่ความคิดและจิตใจของตนเองถูกคนมองออกจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว ความรู้สึกของเธอไหลพรั่งพรูออกมา แสดงความเป็นห่วงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวตอนอยู่ต่อหน้าของเขา สิ่งเหล่านี้ต่างก็คือสิ่งที่เขียนสะท้อนออกมาจากภายในจิตใจของเธอทั้งหมด!

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตัวสั่นเล็กน้อย คิดเหตุผลที่ดีไปคัดค้านไม่ออกในชั่วขณะ เธอโน้มสายตาลงต่ำ ราวกับไม่กล้าไปมองดวงตาของชายหนุ่มอีก

ทันใดนั้น บริเวณตรงกลางหน้าผากก็ร้อนขึ้นมา จูบที่อ่อนโยนของชายหนุ่มประทับลงมาอย่างเลือนราง เริ่มจากอ่อนโยนก่อน ทว่าหลังจากที่เคลื่อนที่ลงมาอย่างช้าๆ พาดผ่านริมฝีปากของเธอแล้วนั้น ความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถึงขั้นแฝงไปด้วยความคลุ้มคลั่งอยู่หลายระดับ

ไป๋เสว่เอ๋อร์เบนศีรษะหนี คิดที่จะผลักเขาออก “เผยลี่เชิน…คุณปล่อยมือ”

แต่ใครจะรู้ว่าเขาไม่เพียงแค่ไม่ปล่อยมือ กลับยังยืมความได้เปรียบทางด้านน้ำหนักเข้ามาช่วย นำเธอกดไปที่บนโซฟาอย่างง่ายดาย

วินาทีนั้น มือทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกเขากดทับเอาไว้ที่เหนือศีรษะ และเขาก็ใช้มืออีกข้างที่เพิ่งพันแผลเสร็จไปเมื่อสักครู่นี้พลิกมือปลดเม็ดกระดุมที่อยู่บนปกคอเสื้อออก สายตาเด็ดเดี่ยว เฉียบคม ยังมีความแน่วแน่ที่ไม่สำเร็จไม่หยุดง่ายๆอีกหลายระดับ

วินาทีนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้แล้วว่า ตัวเองเสร็จแน่

จูบของชายหนุ่มประทับลงมา ทุกบริเวณที่พาดผ่านได้ปลุกเร้าความเร่าร้อนขึ้นมา เขาใช้ฟันอย่างใกล้เคียงกับความคลุ้มคลั่งกระชากกระดุมที่ปกคอเสื้อของเธอออก ลิ้มรสเธอไปทั่วทั้งตัวราวกับสัตว์ป่าก็ไม่ปาน

สุดท้าย สติสัมปชัญญะและความพยายามทั้งหมดของไป๋เสว่เอ๋อร์ ต่างก็กระจุยกระจายไปหมดภายใต้ความพยายามของเขา

เห็นคนที่อยู่ด้านล่างแดงก่ำตั้งแต่กกหูจนไปถึงทรวงอก เผยลี่เชินก็ลุกขึ้น อุ้มเธอขึ้นมา กดทับลงไปบนเตียงใหญ่ในทันที

ในวินาทีสุดท้ายนั้น เขาซุกหน้าลงไปที่ข้างใบหูของเธอ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หอบรุนแรงกลับทั้งยังเฉียบขาดออกมาว่า “ผมกล้ายืนยันว่า ในใจของคุณมีผม”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ลำตัวเกร็งแน่น มีไฟกลุ่มหนึ่ง แผดเผาเธอไปทั่วทั้งร่างกายจนถึงจุดสูงสุด

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน พอไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นมาอีกที สีของท้องฟ้าก็ได้มืดลงมาแล้ว

เธอพลิกตัว รีบลุกขึ้นมานั่ง พบว่าข้างกายของตนเองไม่มีเงาของชายหนุ่ม ก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาภายในจิตใจ รีบเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะที่อยู่บนหัวเตียงในทันที

ความรู้สึกปวดบวมไปทั่วทุกที่บริเวณร่างกายนั้นรุนแรงมาก ดูเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่ความฝัน เพียงแต่ในเวลานี้ คนที่ควรปรากฏตัวอยู่ที่ข้างกายกลับหายไปแล้ว

เธอสวมเสื้อผ้ากลับเข้าไปบนร่างกาย ไปล้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ออกจากห้องนอน ลงไปที่ชั้นล่างในทันที ป้าจางกำลังพับเสื้อผ้า เห็นเธอลงมา ก็รีบเอ่ยปากออกมาว่า “คุณหนูไป๋ หิวหรือยังคะ? จะทานอะไรสักหน่อยไหม คุณผู้ชายกำชับป้าว่าไม่ต้องไปรบกวนคุณ ป้าก็เลยไม่ได้ไปเรียกคุณลงมารับประทานอาหาร”

“ฉันทานอะไรนิดหน่อยก็พอค่ะ ห้าวเจ๋อน้อยล่ะคะ?”

เธอมองไปทั่วทั้งรอบ ต่างก็ไม่เห็นเงาของห้าวเจ๋อน้อย

“ห้าวเจ๋อน้อยไปเล่นที่บ้านของเจียเจียที่อยู่ข้างๆแล้วค่ะ อีกสักครู่ถึงสองทุ่มแล้ว ป้าจะไปรับ”

“ค่ะ งั้น…” ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงเอ่ยถามออกมาว่า “เผยลี่เชินไปไหนคะ?”

“คุณผู้ชายบอกว่าเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการ ก่อนหน้ารับประทานอาหารเย็นก็ออกไปแล้วค่ะ”

ได้ยินป้าจางพูดเช่นนี้ ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกว่างเปล่าขึ้นมา แต่พอคิดย้อนกลับไป ตอนนี้ที่บริษัทมีเรื่องมากมายขนาดนั้น เขาก็ต้องออกไปทำการปฏิสัมพันธ์ในสังคมเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

ไปที่ห้องครัวทานอะไรนิดหน่อย จากนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็กลับเข้าไปที่ห้องของตนเอง แปลงานเอกสารที่อยู่ในมือด้วยความเร่งรีบ ช่วงนี้เป็นเพราะว่าเธอยุ่งกับเรื่องอื่นๆ ทำให้เสียความคืบหน้าลงไปไม่น้อย ตอนนี้ก็ต้องหาเวลาว่างเสริมกลับเข้ามาเป็นธรรมดา

หลังจากนั้นสองชั่วโมง งานที่อยู่ในมือก็พอจะถึงส่วนสุดท้ายแล้ว เธอไปที่ห้องเด็กที่อยู่ด้านข้าง มองดูห้าวเจ๋อน้อยที่ได้ถูกป้าจางกล่อมให้หลับลงไปแล้ว ภายในใจก็เกิดความละอายใจออกมาระลอกหนึ่ง

รอผ่านช่วงเวลานี้ไป เธอจะต้องตั้งใจอยู่เป็นเพื่อนเขาให้มากขึ้น ชดเชยความละเลยที่มีต่อเขาช่วงนี้

รุ่งเช้าวันต่อมา ในตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมานั้น ก็ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่างกายราวกับจะแตกสลายไปก็ไม่ปาน เธอเดินออกจากห้อง ไปยังห้องนอนเด็กเรียกห้าวเจ๋อน้อยให้ลุกขึ้นจากเตียง

กล่อมเขาให้ลุกขึ้นมาจากเตียง ทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนเขา จากนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พาเขากลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ห้าวเจ๋อน้อยเงยหน้าขึ้นมองไป๋เสว่เอ๋อร์ เอ่ยปากถามขึ้นเบาๆว่า “คุณแม่ จะพาผมออกไปเที่ยวหรอ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นเบาๆ “พาลูกไปเยี่ยมคุณปู่ที่กำลังป่วย ไปถึงที่ห้องผู้ป่วยลูกจะต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังนะจ๊ะ”

ห้าวเจ๋อน้อยพยักหน้าเล็กน้อย อยู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างไร้เดียงสาว่า “เขาคือคุณปู่แท้ๆของผมหรอ?”

ได้ยินเจ้าหนูถามคำถามนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ หลังจากนั้นครู่เดียวเธอก็ยกมุมริมฝีปากยิ้มออกมาเล็กน้อย “คือคุณปู่แท้ๆจ้ะ”

ห้าวเจ๋อน้อยกะพริบตาปริบๆ เอียงศีรษะคิดอะไรเล็กน้อย เอ่ยถามต่อไปว่า “งั้นคุณอาข้าวโอ๊ต คือคุณพ่อแท้ๆของผมหรือเปล่า?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี

ห้าวเจ๋อน้อยกอดเธอเอาไว้อย่างไม่ยอมแพ้ ถามย้ำต่อไปว่า “ใช่ไหมครับแม่? เขาใช่หรือเปล่า?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้มศีรษะลงมองดูเด็กน้อย ในใจรู้สึกสับสน สุดท้าย เธอก็ยื่นมือออกไปบีบไปที่แก้มเล็กๆของเขาเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “คำถามนี้ แม่ค่อยตอบลูกทีหลัง ตอนนี้พวกเราจะต้องออกเดินทางกันแล้ว”

เด็กน้อยลืมง่าย หลังจากที่แยกหัวข้อสนทนาออกไปแล้ว ก็ลืมคำถามนี้ไปจนเสียสนิท เห็นเขาไม่ได้ถามย้ำต่อไปอีก ในที่สุดไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก จูงมือของเขาเดินออกจากห้อง นั่งรถเดินทางไปที่โรงพยาบาล

ในขณะที่ไปถึงห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลนั้น บังเอิญกับที่คุณท่านเผยเพิ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จพอดี กำลังนั่งอาบแดดอยู่ที่ริมหน้าต่าง พอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์พาห้าวเจ๋อน้อยเข้ามาแล้ว ใบหน้าของคุณท่านเผยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมาในทันที “ห้าวเจ๋อน้อยมาแล้ว!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ผลักไปที่ศีรษะของเจ้าหนูเล็กน้อย เอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “รีบไปเล่นกับคุณปู่สิจ๊ะ!”

ห้าวเจ๋อน้อยกระโดดโลดเต้นไปถึงยังด้านหน้าของคุณท่านเผย จ้องหนังสือที่อยู่ในมือของเขาอย่างสงสัยพร้อมกับเอ่ยถามออกมาว่า “อันนี้สนุกเหรอครับ?”

คุณท่านเผยหัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือนิตยสารการเงิน ตอนนี้หนูยังเด็กมาก คงจะยังดูไม่เข้าใจ…”

เห็นปู่หลานสองคนพูดคุยสลับกันไปมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมริมฝีปากขึ้น

ไม่นานนัก อยู่ๆด้านหน้าประตูก็มีเสียงสะท้อนดังขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าไปตามเสียง เห็นเย่ชิวหรงที่ในมือประคองแก้วใบหนึ่งที่ด้านในบรรจุของเหลวสีน้ำตาลเอาไว้พอดี

พอมองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กับห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ในห้อง นัยน์ตาของเย่ชิวหรงก็พาดผ่านความมืดมนเล็กน้อยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง “คุณไป๋มาแล้ว”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย จ้องแก้วที่อยู่ในมือของเธอพร้อมกับเอ่ยถามออกมาว่า “น้าชิว ที่ถืออยู่คืออะไรเหรอคะ?”

เย่ชิวหรงเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “อ๋อ นี่คือยาจีนที่อุ่นให้กับคุณท่านเผย ยานี้น่ะนะ ขาดไม่ได้ น้าต้มเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้าน นำไปอุ่นนิดหน่อยที่ฝ่ายพยาบาลก็สามารถดื่มได้แล้ว”

สายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์อึมครึมลงเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้ากลับไม่ได้จางลงไปแม้แต่นิดเดียว “แบบนี้นี่เอง ก็ยังคงเป็นคุณน้าที่ห่วงใยคุณลุง ดูแลท่านอย่างทั่วถึงจริงๆค่ะ”

“นี่เป็นสิ่งที่น้าควรจะทำ” เย่ชิวหรงยิ้มเล็กน้อย ประคองแก้วเดินไปทางคุณท่านเผย “ได้เวลาดื่มยาแล้วค่ะ”

คุณท่านเผยพยักหน้าเล็กน้อย รับแก้วมา นำยาสีน้ำตาลดื่มไปจนหมด

ห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณปู่ ขมไหมครับ?”

คุณท่านเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย นำแก้วเปล่าส่งให้กับเย่ชิวหรง เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ขม แต่ว่าไม่สบายก็ต้องเป็นเด็กดีตั้งใจทานยา เช่นนี้อาการป่วยถึงจะหายได้เร็วขึ้น ห้าวเจ๋อน้อยรู้หรือเปล่า?”

ห้าวเจ๋อน้อยได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

เย่ชิวหรงถือแก้วเปล่าเอาไว้ กำลังจะเดินออกไปข้างนอก ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้ามารับหน้า ส่งยิ้มให้กับเธอพร้อมกับเอ่ยปากออกมาว่า “น้าชิว ส่งแก้วให้กับหนูเถอะค่ะ หนูนำไปล้าง”

บนใบหน้าของเย่ชิวหรงสะท้อนความลุกลี้ลุกลนออกมาเล็กน้อย มือที่ถือแก้วเอาไว้หลบไปทางด้านหลัง “ได้ยังไงกันจ้ะ!น้าไปล้างเองก็พอแล้ว!

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท