บทที่449 คืนดีกัน (2)
ซือจิ้งสวนรู้สึกเพียงอบอุ่นในใจ นี่คือความรักที่เธอรับรู้อย่างชัดเจนจากเหซิงโม่ในตลอดที่ผ่านมา
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซาบซึ้ง คนพวกที่อยู่ตรงหน้าก็ยากจะรับมือได้มาก็พอแล้ว
คนพวกนี้รวมตัวกันมาชกต่อยเหซิงโม่อย่างไร้สัจจะจนชิน
เหซิงโม่ ซูซีมู่รวมไปถึงลู่ยู่นี้ได้รับการฝึกแบบมืออาชีพมาตั้งแต่เด็ก ได้ฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เพราะในตัวพวกเขามีภารกิจที่ต้องแบกรับการสืบทอดของตระกูล จึงจำเป็นต้องปกป้องตัวเองให้ดี
ถึงแม้ว่าเหซิงโม่จะมีศิลปะการต่อสู้ แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นจำนวนคนกินขาด เหซิงโม่จึงไม่ได้เปรียบอย่างรวดเร็ว
สถานที่ตรงนี้เล็กไปนิดหนึ่งจึงไม่สามารถปล่อยหมัดปล่อยขาได้อย่างเต็มที่ แถมผู้คนที่พักอยู่ในชุมชนเล็กๆ นี้ก็ชอบมุ่งดูความคึกคักเช่นนั้นเสมอ ดังนั้นที่ตรงนี้จึงล้อมรอบไว้หนาแน่อย่างรวดเร็ว
แม้เหซิงโม่จะไม่ได้เปรียบแต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรให้ไอ้เลวพวกนั้น ต่อหน้าทำอะไรไม่ได้พวกเขาจึงเริ่มบอกใบ้กันอย่างลับๆ
คนหนึ่งแอบวิ่งไปอยู่ด้านหลังเหซิงโม่ อยากแอบจู่โจมเขา
ซือจิ้งสวนเห็นอย่างชัดเจน จึงรีบพูดเตือนอย่าง ตื่นตระหนก “เหซิงโม่ ระวังนะ”
แต่ทุกอย่างก็สายไปซะแล้ว คนนั้นได้ยกเก้าอี้ไปฟาดเหซิงโม่อย่างแรง
ในไม่ช้า เหลือสดๆ ก็ไหลทะลักออกมา เหซิงโม่ยกมือกุมศีรษะไว้ คำหยาบคายออกมาจากปาก เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถหยุดได้อย่างแน่นอน จึงทำได้เพียงพยายามทำพวกเขาเหนื่อย ไม่งั้นคนซวยที่ต้องเป็นซือจิ้งสวนกับน้าจางลุงหลี่แน่ๆ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซือจิ้งสวนจึงแอบโทรไปแจ้งความ และเวลาเดียวกันเธอก็โทรไปที่บริษัทเหซิงโม่ด้วย หลังจากรายงานตำแหน่งแล้วเธอก็วางสายอย่างรวดเร็ว
ทีนี้ก็ดูว่าคนสองทางนี้ใครจะเป็นฝ่ายมาก่อน
เพราะตอนนี้สายตาทั้งหมดได้จับจ้องไปยังเหซิงโม่กับอันธพาลพวกนั้น ไม่มีใครสนใจซือจิ้งสวน
“เมื่อกี้เธอโทรหาใคร”หวางโผเอ่ยถามซือจิ้งสวน
การเคลื่อนไหวเมื่อกี้ถูกหวางโผเห็นเข้า เธออยากแย่งโทรศัพท์มาเช็กบันทึกการโทรดู ซือจิ้งสวนจะให้เธอทำสำเร็จได้ยังไง จึงกำโทรศัพท์ไว้อย่างแน่ไม่ยอมปล่อย
“แค่ไอ้บ้าท้องโตอย่างเธอนี่เหรอจะมาสู้กับฉัน”หวางโผไปแย่งไม่ยอมแพ้
“ฉันว่าเธอทำอะไร เสี่ยวสวนกำลังท้องกำลังไส้อยู่ เธอทำบุญสร้างกุศลหน่อยไม่ได้หรือไง”น้าจางกับลุงหลี่เข้ามาปกป้อง พูดอย่างไม่พอใจ
หวางโผโกรธจนทนไม่ไหว พูดพลางชี้น้าจางลุงหลี่”พวกแกสองคนที่แกจนสมควรตายหลบไปอีกทางให้ไว ไม่งั้นจะเป็นพวกแกที่ไม่มีชีวิตสงบสุข”
พูดไม่ผิด ชุมชนแออัดทั้งหมดนี่หวางโผเป็นคนปล่อยเช่าเอง ถ้าน้าจางลุงหลี่ล่วงเกินผิดใจเธอละก็ งั้นห้องเช่าต่อไปนี้……
ตอนนี้จะเข้าห้องในเมืองsใหม่ก็ไม่ง่าย เพราะสามีภรรยาทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว
“น้าจางลุงหลี่พวกคุณไม่ต้องสนใจหนู”ซือจิ้งสวนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ตอนนี้น้าจางลุงหลี่ใจอยากช่วยแต่ไม่มีกำลังมากพอ พวกเขาจ้องตาซึ่งกันและกันแวบหนึ่ง มีความลำบากใจเล็กน้อย
หวางโผยังแย่งโทรศัพท์อย่างซือจิ้งสวนไม่ยอมปล่อย
อาจเป็นเพราะเวลาที่ตกอยู่ในอันตรายจะระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ซือจิ้งสวนใช้พลังทั้งหมดที่มี ผลักหวางโผลงพื้นอย่างแรง
พื้นนี่คือพื้นปูน ผลักไปเช่นนี้ต้องเจ็บมากแน่ หวางโผพูดอย่างได้รับความเจ็บปวด”พวกแกอย่าไปสนใจไอ้หนุ่มนั่นเลย รีบมาจัดการจนถึงตายผู้หญิงคนนี้ให้ฉันซะ”
คนพวกนั้นเมื่อฟังคำพูดหวางโผ ก็รีบเดินมาที่ซือจิ้งสวน
“ฉันดูสิว่าพวกแกใครกล้า”
ใบหน้าตอนนี้ของเหซิงโม่ฟกช้ำดำเขียวไปหมด สภาพยับเยิน
อันธพาลพวกนั้นสะดุ้งตกใจ พูดความจริงว่าพวกเขาก็ชกต่อยมาไม่น้อย ที่จัดการยากเช่นนี้ เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก
เหซิงโม่เดินโซเซไปอยู่ตรงหน้าซือจิ้งสวนเพื่อปกป้องเธอ
ทีนี่ซือจิ้งสวนก็เกิดความซาบซึ้งเข้ายังจัง ในใจของเธอยังคงรักเหซิงโม่เป็นอย่างมาก จะสามารถทนดูสภาพเช่นนี้ของเขาได้ยังไง
“ไอ้น้อง ผู้หญิงมีมากมาย เพื่อผู้หญิงคนเดียวมันไม่คุ้ม เมื่อกี้ตอนสู้กับแก พวกเรานับถือจริงๆ ไม่สู้กับแกแล้ว ถึงสุดท้ายพวกเราสู้ชนะแกแล้ว พวกเราก็ชนะอย่างไม่โปร่งใสอยู่ดี”หัวหน้าอันธพาลพูด
ฟังจบ เหซิงโม่ก็หัวเราะเยาะเย้ยแล้วพูด”ชนธงไม่โปร่งใสเหรอ พวกแกยังรู้ชนะไม่โปร่งใสเหรอ ถ้าเข้าใจเหตุผลอันนี้จริงๆ ละก็ งั้นก็ไม่ควรไปลงไม้ลงมือกับผู้หญิงตัวคนเดียวสิ ฉันยังยืนยันคำเดิม มีเรื่องอะไรมาลงที่ฉัน แต่ถ้าวันนี้พวกแกกล้าทำร้ายเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวของเธอวันนี้ฉันสู้สุดชีวิตกับพวกแกแน่”
สายตาเหซิงโม่เผยความแน่วแน่ออกมา
สุภาษิตกล่าวไว้ ว่าคนโหดกลัวคนไม่เสียดายชีวิต อันธพาลพวกนี้แม้จะชกต่อยมาไม่น้อยแล้ว แต่พวกเขาก็ยังรักตัวกลัวตายอยู่ดี
เมื่อเห็นพวกอันธพาลลังเล หวางโผก็ร้อนรนขึ้นมา เธอชินกับการที่คนพวกนี้ค่อยก้มหน้ารับฟังเธอ เธอรู้สึกว่าคนพวกนี้ต่ำต้อยไม่มีสิทธิ์มาต่อล้อต่อเถียงตัวเอง
วันนี้ได้รับความอัปยศอดสูมากขนาดนี้ จึงต้องเอาคืนอย่างแน่นอน
“ฉันว่าพวกแกทั้งหลายยังถือว่าเป็นผู้ชายอยู่ไหม พวกแกคนเยอะขนาดนี้ยังกลัวเขาคนเดียวเหรอ จัดการให้ฉันซะ”หวางโผพูดสั่ง
พวกอันธพาลมีอยู่ความลับอยู่ในมือหวางโผ ดังนั้นจึงไม่กล้าขัดคำสั่งเธอ เลยพูดทันที”ไอ้น้อง ฉันนับถือแกเป็นลูกผู้ชาย แต่วันนี้ต้องล่วงเกินแล้วล่ะ”
เมื่อพูดจบ พวกเขาพุ่งเข้าไปดั่งฝูงผึ้งอีกครั้ง การพัวพันเมื่อกี้ก็ทำให้เหซิงโม่หมดสิ้นกำลังแล้ว
แถมอันธพาลพวกนี้ลงมือแบบไม่เคยยั้งด้วย
ในไม่ช้าเหซิงโม่จึงทำได้เพียงยอมให้ตีเท่านั้น
ในใจซือจิ้งสวนเป็นห่วงเป็นใยอย่างรุนแรง และเกลียดตัวเองที่ไม่มีความสามารถที่จะลงมือได้ กลับทำร้ายเหซิงโม่ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอเพียงภาวนาอย่างเงียบๆ ว่าทีมกำลังเสริมจะมาถึงในไม่ช้า
ตอนที่เหซิงโม่จะไม่ไหวจริงๆ แล้ว ลู่ยู่ก็พาทีมกำลังเสริมบุกมาพอดี
เขาเดินผ่านฝูงชนที่พลุกพล่าน เห็นว่าพี่น้องของตัวเองกำลังถูกรังแกขนาดนั้น ในใจก็เกิดความไม่สบายขึ้นอย่างรุนแรง หาแผ่นหลังคนหนึ่งได้แล้วก็ถีบลงไปทันที
ลู่ยู่ที่ทุกคนขนานนามไว้ว่าว่องไวแม่นยำโหดมาเสมอ เมื่อเปรียบกับเหซิงโม่ ลู่ยู่เป็นพวกเก่งเรื่องชกต่อยมากกว่า
คนที่ลู่ยู่พามาก็ปราบพวกอันธพาลได้ มองเหซิงโม่บาดเจ็บขนาดนี้แล้ว และในใจลู่ยู่มักยึดมั่นหลักการที่ว่าพี่น้องตัวเองมีเพียงตัวเองที่รังแกได้มาตลอด จึงพูดกับลูกน้อง”ฆ่าพวกเขาให้ตายซะ”
“อย่า ฉันแจ้งความแล้ว แบบนี้จะสร้างปัญหาได้ “ซือจิ้งสวนพูดตักเตือน
ลู่ยู่ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรุนแรง ส่งพวกเขาไปสถานีตำรวจง่ายๆ นี้เหรอ คงง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา เพราะมากสุดแค่ฝึกอบรมรอบหนึ่ง แล้วขังไม่กี่วัน
คนพวกนี้ไม่เหมือนจะก่อเหตุครั้งแรก เดาว่าคงทำจนชินแล้ว ดังนั้นลู่ยู่จึงเตรียมที่จะสั่งสอนพวกอันธพาลเหล่านี้อย่างดีในขณะที่ตำรวจยังไม่มา
“ใครเป็นคนบงการให้พวกแกทำ”ลู่ยู่สอบถาม
เหล่าอันธพาลจ้องตาซึ่งกันและกันแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรออกมา
“ฉันจะถามพวกแกเป็นครั้งสุดท้าย”ลู่ยู่รำคาญเต็มทนแล้ว
พวกอันธพาลไม่เคยโลกภายนอกมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้จักความประเภทลู่ยู่ แถมยังคิดว่าลู่ยู่เป็นเหมือนพวกเขา
หัวหน้าอันธพาลพูดอย่างดูถูก”คุณคิดจะทำอะไร อย่าใส่น้ำเสียงวางอำนาจมาพูดกับฉัน ฉันจะบอกให้รอฉันออกมาจากสถานีตำรวจก่อน ไอ้เด็กอย่างแกรอฉันไว้เลย”