บทที่ 193 ฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพแล้ว2
นางในบอก “ซือจี้ก็คือแผนกที่ใหญ่ที่สุดซึ่งต้องรับผิดชอบดูแลจัดการการซักผ้า เป็นตำแหน่งที่สูงมากของระดับนางในเชียวแหละ เจ้าเป็นคนตำหนักใดกัน คงมาใหม่กระมัง ไฉนจึงไม่รู้แม้แต่เรื่องพื้นฐานเหล่านี้กันนะ”
ซินเหยาเอ่ยถาม “เมื่อครู่พวกเจ้าว่าลานของพี่หรง อยู่ที่ไหน”
นางในชี้ไปทางต้นไป่หัวเรียงแนวเบื้องหน้า พลางกล่าว “ตัดผ่านไป๋หัวฝั่งนั้นไปก็จะมองเห็นแล้ว เป็นลานที่รายล้อมด้วยกำแพงสีขาว”
นางในอีกคนเอ่ย “เจ้าถามสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร”
ซินเหยากล่าว “เมื่อครู่ข้าเพิ่งได่ยินพวกเจ้าพูดว่ามีแมวสีขาวที่น่ารักมากตัวหนึ่ง ข้าคนนี้ก็ชื่นชอบสัตว์ตัวเล็กเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำพวกแมวน้อยหมาน้อย ดังนั้นได้ยินพวกเจ้าบอกว่ามีแมวสีขาวตัวหนึ่งเมื่อสักครู่ ข้าจึงนึกอยากไปดูสักหน่อย”
นางในสองคนได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าเป็นมิตรมากขึ้นหน่อยแล้ว พลางผ่อนคลายความรู้สึกแปลกหน้าอันระแวดระวังลงไป
ซินเหยาเอ่ยถามต่อไป “ใช่แล้ว ในวังมีคนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงน้อยมากเสมอมา ไฉนพี่หรงจะมีแมวสีขาวตัวหนึ่งได้กันเล่า”
นางในเอ่ยคำอย่างแช่มช้า “เจ้าอย่าได้เอาออกไปพูดเชียว ในวังไม่อนุญาตให้นำศัตว์เข้ามาเลี้ยงเป็นการส่วนตัว แต่ว่ามักจะมีหมาแมวตัวน้อยจากด้านนอกล้ำถลาเข้ามาในวังหลวง ดังนั้นจึงมีนางในที่อายุเยอะและโดดเดี่ยวบางส่วนลักลอบรับเอาสัตว์เร่ร่อนมาชุบเลี้ยง นี่แทบจะเป็นความลับภายในวังหลวงไปเสียแล้ว”
ซินเหยาแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนกล่าว “พวกเจ้าวางใจเถิด ข้าไม่อาจไปป่าวประกาศต่อทุกคนอย่างคนอยู่ว่างๆ แน่นอน ข้าเพียงแต่อยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้น”
นางในกล่าว “อันที่จริงหลานวันนี้พี่หรงออกไปทำธุระนอกวัง หลังจากกลับมาก็พาแมวสีขาวแสนน่ารักตัวหนึ่งกลับมา นางอ้างต่อผู้อื่นว่าเป็นเพียงแค่แมวจรจัดตัวหนึ่งที่เก็บได้ภายในวัง”
ซินเหยาพยักหน้า และพูดว่า “ขอบคุณพวกเจ้ามากแล้ว ข้าจะไปดูสักหน่อย ข้าชื่นชอบแมวน้อยมากที่สุดเลยเชียว”
“เช่นนั้นเจ้าจะต้องไปดูให้ได้เลยนะ แมวขาวตัวนั้นน่ารักน่าชังมากจริงๆ” นางในยิ้มพลางกล่าวลาซินเหยา
แมวขาว?
ก่อนหน้าที่มู่หลังจะตาย ไม่ใช่พูดว่ามีแมวขาวตัวหนึ่งหรอกหรือ
ยามนี้ซินเหยายังไม่ได้ใส่ใจ…
เพียงแต่รู้สึกว่าก่อนที่เขาจะตายได้ผุดภาพลวงตาขึ้นและพูดส่งเดชไปอย่างนั้นเอง
ทว่า นอกจากเรื่องแมวสีขาวนี้แล้ว…
สติสัมปชัญญะของมู่หลังเสมือนว่าแจ่มแจ้งดี จดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
ซิเนหยาสงสัยแมวขาวที่มู่หลังพูดถึงขึ้นมาเล็กน้อย ไม่แน่ว่าจะเป็นเบาะแสอะไรสักอย่างจริงๆ กันเล่า
วันนี้ทั้งวันนางแทบครุ่นคิดถึงการตายของมู่หลังอยู่ร่ำไป
นี่คือข้อสงสัยที่ยิ่งใหญ่มากข้อหนึ่ง
สามารถบอกแน่ชัดว่าจะต้องมีพลังลึกลับที่โถมฆ่ามู่หลังจากบุคคลที่สาม
แต่ว่าพลังลึกลับนั่นไม่ได้สังหารนาง และไม่ได้ฉกฉวยเอาวิญญาณไปด้วย…
อีกฝ่ายราวกับว่ากำลังช่วยเหลือนางอยู่ท่ามกลางสิ่งไร้รูปลักษณ์…
เป็นบุคคลใดกันแน่
นี่ทำให้ซินเหยากระวนกระวายเสมอมา
นางคิดในใจว่า มู่หลังมักจะเอ่ยถึงแมวสีขาวตลอด แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่มือเพชรฆาตจะเป็นแมวสีขาวตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ว่ามีความเป็นไปได้ถึงความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับแมวสีขาว ไม่แน่ใจพยายามจะจับมือเพชรฆาต ก็คือแมวสีขาวตัวนั้น?
ครั้นนางได้ยินนางในอภิปรายเรื่องแมวขาว ในใจพลันมีความรู้สึกอันแปลกประหลาดเสี้ยวน้อยๆ ในบัดเดี๋ยวนั้น…
นางรู้สึกว่าแมวขาวตัวนี้กับการตายของมู่หลัง เสมือนว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรกันสักอย่าง
ไม่เช่นนั้นล่ะก็ เหตุใดจึงบังเอิฐขนาดนี้เล่า
สองวันมานี้จู่ๆ มีแมวสีขาวตัวหนึ่งมาในวัง จากนั้นมู่หลังก็ตายอยู่ในอุ้งมือของแมวขาวตัวนั้น?
ซินเหยารู้สึกว่ามีความจำเป็นจะต้องตรวจสอบสักหน่อย…
นางเพิ่มความระแวดระวัง เดินเข้าใกล้ลานสวนหลังป่าไป๋หัว
นับตั้งแต่หลังจากมีเรื่องราวของการวางยาพิษในครั้งนี้ ซินเหยาก็ยิ่งเพิ่มความรอบคอบระวังมากขึ้น
ทุกแห่งหนในวังหลวงนี้ล้วนสะพรั่น มั่นคงทุกย่างก้าว แต่ละคนล้วนมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นศัตรูของเจ้าทั้งสิ้น
ในใจกลางพลังน้ำวนของอำนาจและเงินทอง เพื่อผลประโยชน์ ไม่ว่าใครต่างก็เป็นไปได้ว่าจะแทงข้างหลังเจ้าได้ทุกเมื่อ
ซินเหยามิได้เหนือเทียมทานเสียหน่อย
แต่ว่านางที่อยู่ในฐานะกองฉุกเฉินพิเศษ รอบคอบ ระวังเรื่อยมา มีความกระตือรือร้นและตระหนึกถึงอันตรายได้อย่างเฉียบแหลม
ยามที่นางยังคงเป็นกองฉุกเฉินพิเศษนั้น สามารถรับมือกับสถานการณ์อันตรายต่างๆ ได้อย่างเยือกเย็น
ต่อมาหลังจากฝึกฝนพลังเทียนโม๋ ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
พลังเทพหลังความตายที่จ้องมองอย่างจองหองรวมถึงสติปัญญาและความสงบของกองฉุกเฉินพิเศษ
ซินเหยาเกือบจะคิดว่าตนเองไร้เทียมทานไปเสียแล้ว
ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เข้าวัง นางเก็บตัวเงียบเชียบเรื่อยมา และสัญจรอยู่ท่ามกลางความมืดมิด…
นางสามารถรับมือกับอันตรายทุกหนแห่งได้อย่างง่ายดาย
ครั้นศัตรูพบเห็นนางต่างพากันขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน
แต่ว่าหลังจากเข้าวัง เพื่อจะล้างแค้นฮ่องเต้อำมหิต นางจึงเปลี่ยนเป็นหุนหันใจด่วนกระหายที่จะต่อสู้
ตอนที่ฮ่องเต้อำมหิตบังคับนางเข้าวัง…
ซินเหยาเคยลั่นวาจามั่นเอาไว้ “ถ้าหากท่านบังคับข้าเข้าวัง ข้าก็จะพลิกคว่ำวังหลวงของท่านให้กลับตาลปัตร ไม่ให้ได้สุขสงบเลย!”
บางทีการรักษาสภาพใจเป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้อำมหิตเยี่ยงนี้ จนนับตั้งแต่หลังจากที่ซินเหยาเข้าวัง คนทั้งคนจึงแปรเปลี่ยนเป็นหุนหันพลันแล่นตั้งสู้รบ
วรยุทธ์ของนาง ภูมิปัญญาของนาง ความเยือกเย็นของนาง…
นางมีการเฝ้ามองอย่างเย่อหยิ่งโดยแท้จริง ก่อกวนความแข็งแกร่งและกองทุนของวังหลังให้เละเทะ!
อย่างไรก็ตามอุปนิสัยมุทะลุพรรค์นี้กลับผลักนางไปสู่จุดสูงสุดของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของวังหลัง หัวใจแห่งการฝ่าฟันของการยื้อแย่งอำนาจ การหึงหวง!
มีประโยคหนึ่งเรียกว่า…
ความหัวแข็งก่อเกิดการลงโทษ
ซินเหยาประมาทมากเกินไป สำแดงทิศทางลมภายในวังด่วนเกินไป ดึงดูดความริษยาและแค้นฝังใจอันนับไม่ถ้วน
ดังนั้น จึงมีคนฉวยโอกาสฆ่านาง
ป๋ายกุ้ยหยิน เม๋ยเฟย หญิงเฟย…นี่เป็นเพียงสามคนในสามพันหลายหมื่นของสตรีในวังเท่านั้น เป็นเพียงแค่ปลายภุเขาน้ำแข็งท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ยาพิษ!
ซินเหยาได้รับการแก้พิษด้วยสารพิษที่มีประสิทธิภาพเมื่ออายุสิบสี่ปี
แม้จะใช้เพียงกลีบกุหลาบ ลาเวนเดอรื นมวัวและมะเขือเทศสี่สิ่งสวยงามและมีคุณค่าทางโภชนาการนี้ นางสามารถสกัดสารพิษต่างๆ ได้ถึงเก้าชนิด
ถ้าหากไม่ใช่เพราะความประมาท ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางหุนหันมากเกินไปจนก่อให้เกิดคนริษยาในมุมอับ นางคงไม่อาจต้องพิษได้เป็นอันขาด
นางไม่ต้องพิษและจะไม่มีคนสามารถทำร้ายนางได้
ฮ่องเต้อำมหิตเองก็คงไม่อาจต้องสาปเพื่อช่วยชีวิตนาง!