บทที่ 232 เหตุใดเขาจึงปรากฏตัว1
อย่างน้อย…
สินทรัพย์ของตระกูลถางเปิ่นแม้ว่าผู้คนใต้หล้าจะรู้กันอยู่ แต่ยังคงถูกกลบซ่อนไว้ในมุมมืด ถ้าหากใช้เงินห้าล้านในการประมูลสมบัติสักชิ้น นั่นคือการเปิดโปงความจริงต่อสาธารณชนว่าจวนเฉิงเสี้ยงได้สร้างทรัพยากรขนาดใหญ่ผ่านการคดโกงและการผูกขาดทางทรัพย์สินมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
โจว๋หวูนเฟิงตัดสินใจยอมแพ้!
ถางเปิ่นหู่เองก็ยอมแพ้เช่นกัน!
เขาหยิบยืมชะตาแห่งบิดามาเพื่อประมูลของล้ำค่า และใช้เงินไปกว่าหนึ่งล้านในการปิดประมูลหินทดลองหนึ่งก้อน ถ้าหากใช้เงินห้าล้านเพื่อซื้อกล่องเซิ้นอีก เขาจะต้องถูกบิดาดุด่าเจียนตายแน่!
คุณชายรูปวิการ?
โจว๋หวูนเฟิง…
ถางเปิ่นหู่…
หลังจากที่คู่ต่อสู้ที่มีแทบจะทั้งหมดต่างพากันยอมแพ้ กลุ่มคนก็คิดว่าข้อตกลงได้กลายเป็นบทสรุปเรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า…
สถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ข้าให้หกล้านตำลึง!”
ฮั่วซาน เจ้าสำนักซ่งผู้เงียบงันมาโดยตลอดจู่ๆ ก็ชูป้ายในมือขึ้น
“หกล้าน?”
“ฮั่วซาน เจ้าสำนักซ่งเชียว!”
“โอ้สวรรค์!”
“ที่แท้ฮั่วซานเจ้าสำนักซ่งก็มีเงินขนาดนี้เลย”
“หกล้านเชียวนะ!”
“เจ้าสำนักซ่งบ้าไปแล้วหรือกระไร”
“สำนักฮั่วซานจะล้วงเงินตั้งหกล้านได้อย่างไรกัน”
“นี่มันเงินตั้งหกล้านตำลึงเชียวนะ! เงินสดๆ เลยทีเดียว!”
“สำนักฮั่วซานเก็บงำความมั่งคั่งมิเปิดเผย เมื่อเดือนก่อนพวกเราไปสำนักฮั่วซาน เจ้าสำนักซ่งผู้นี้ยังยกมันฝรั่งและแตงกวามาเป็นอาหารรับแขกให้พวกเราอยู่เลย นี่มันช่างตระหนี่เกินไปแล้ว แม้แต่ปลาสักตัวเดียวก็ไม่มี!”
ทันใดนั้นสำนักฮั่วซานก็กลายเป็นจุดสนใจในการออกความคิดเห็นของประชาชนในหมู่ผู้ชม
เถ้าแก่จินเอ่ยตักเตือน “เจ้าสำนักฮั่วซาน! ข้าแซ่จินจำต้องขอเตือนสักหน่อย ตอนนี้สำนักฮั่วซานขายราคาถึงหกล้านเชียว มิใช่หกแสนตำลึงนะ!”
ซ่งชิงซานกล่าว “เถ้าแก่จินโปรดวางใจ ถึงเวลานั้นสำนักของตัวข้าจะต้องชำระด้วยเม็ดเงินอย่างดิบดีแน่นอน”
เก้าแก่จินพยักหน้าอย่างมาดมั่น และไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
ฮ่องเต้เถ่เหย่เห็นว่ายังมีคนกล้าขายราคา ในใจก็สับสนเล็กน้อย เขาเหลือบมองยังห้องปีกห้องหนึ่ง ณ บริเวณทิศใต้ของชั้นสอง เห็นเพียงริบบิ้นแดงเส้นหนึ่งห้อยลงมาจากปล่องของห้องปีก
ทันใดนั้นฮ่องเต้เถ่เหย่ก็ดูเหมือนเลือดขึ้นหน้า พลางตวาดเสียงสนั่น “เจ็ดล้าน!”
ซ่งชิงซานกล่าวอย่างใจเย็น “แปดล้าน”
ฮ่องเต้เถ่เหย่เอ่ย “เก้าล้าน!”
ซ่งชิงซานชูป้ายขึ้นอีกครั้ง “สิบล้าน”
ฝูงชนระเบิดเป็นจุณไปตั้งนานแล้ว
กฎเกณฑ์ ข้อจำกัดอะไรต่างก็สูญเสียความหมายไปเรียบร้อยแล้ว
“อา!”
“ซ่งชิงซานสงบนิ่งเสียจริงหนอ”
“สินทรัพย์ของสำนักซ่งนั้นทึบหนาจริงๆ!”
“คนจริงไม่พูดพร่ำหรอก”
“ที่แท้เจ้าสำนักซ่งมีเงินขนาดนี้เชียว!”
“สิบล้านเชียวนะ!”
“เจ้าสำนักซ่งชูป้ายขึ้นก็ขายหนึ่งล้านตำลึงเลยทีเดียว”
“ช่างดูผ่อนคลายเสียจริง!”
ซ่งชิงซานได้ยินคำริษยาและชมเชยขนาดนี้ ในใจก็แอบกระหยิ่มยิ้มย่อง “ให้พวกเขาริษยาไปเถิด พวกเขายังไม่รู้ว่าที่จ่ายไปเป็นเงินของคนอื่น ถึงได้ชูป้ายแบบมือไม้ไม่ระทวยเลยสักนิด”
ริบบิ้นสีแดงบนปล่องสั่นระริกห้าครา!
เห็นได้ชัดฮ่องเต้เถ่เหย่ได้รับสัญญาณเตือน ก่อนกล่าว “สิบห้าล้าน!”
คนอื่นต่างสะพรึงจนร่างกายสั่นไหว…
ซ่งชิงซานแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนยกป้ายขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “สิบหกล้าน!”
ฮ่องเต้เถ่เหย่เอ่ย “สิบเจ็ดล้าน!”
ซ่งชิงซานกล่าว “สิบแปดล้าน”
“สิบเก้าล้าน!”
“ยี่สิบล้าน!”
ราคาพุ่งสูงถึงยี่สิบล้านเหมือนนั่งทะยานอยู่บนจรวดอันบ้าคลั่ง
ยอดเงินส่วนเกินของราชวงศ์เทียนส้งสิบปีมานี้ยังมีเพียงแค่สี่สิบล้านตำลึงเองนะ!
รวมถึงเถ้าแก่จิน คุณชายรูปวิการและคนอื่นๆ ทุกๆ คนต่างพากันหวาดกลัวอยู่ในใจ
มีเพียงซ่งชิงซานเพียงคนเดียวเท่านั้นที่โลดโผนสุขใจจนแทบจะไม่ไหวแล้ว!
ซ่งชิงซานเห็นฮ่องเต้เถ่เหย่ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่นอกแดนคนนี้มีท่าทียึกยัก ลังเลไม่แน่ใจอยากจะลองชูป้ายขึ้น จึงรีบกล่าวอย่างร้อนรน “พี่ชาย ท่านคิดอยากจะชูป้าย? จะชูก็รีบๆ หน่อย อย่าได้สิ้นเปลืองเวลาล้ำค่าของผู้คนตั้งมากมายขนาดนี้”
ฮ่องเต้เถ่เหย่หน้าซีดเผือด เงยหน้าขึ้นมองริบบิ้นสีแดงตรงบริเวณปล่องได้หายไปแล้ว ในที่สุดก็ส่ายหน้าวางป้ายในมือของเขาลง!
เถ้าแก่จินกล่าว “ราคาปัจจุบันยังคงอยู่ที่ราคาสูงสุดยี่สิบล้านโดยเจ้าสำนักซ่ง ยังมีคนอยากจะให้ราคาที่สูงกว่านี้อีกหรือไม่ ถ้าหากไม่มีคนให้ราคาที่สูงกว่า เช่นนั้นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายนี้จะตกเป็นของ…”
“รอประเดี๋ยว!”
ทันใดนั้น ห้องปีกลับที่อยู่ทางด้านใต้ของชั้นสองก็เปิดประตูและหน้าต่าง ชายชราผู้สูงตระหง่านคนหนึ่งกระโจนลงมาจากด้านบนและร่อนลงสู่กลางแท่นอย่างแผ่วเบา
เถ้าแก่จินเอ่ย “เจ้าคือ?”
“ข้าน้อยคือจ้าวมู่เหอถู”
เถ้าแก่จินหน้าเปลี่ยนสี” ฮ่องเต้เหอถู!”
จ้าวมู่เหอถูเอ่ย “เถ้าแก่จิน วันนี้ข้าน้อยมิได้มาในฐานะกษัตริย์ แต่มาในฐานะแขกของร้านคนหนึ่งก็เท่านั้น”
เถ้าแก่จินกล่าว “เช่นนั้นคุณชายจ้าวมีคำแนะนำอันใด”