บทที่ 249 มิอาจปล่อยเจ้าไป2
ซินเหยาทอดถอนใจ ก่อนกล่าว “เอาเถิด! อย่างไรก็มิใช่เรื่องของข้า ข้าเพียงแค่มาช่วยชีวิตผู้คน ได้ช่วยคนที่ข้าต้องการช่วยก็เพียงพอแล้ว เรื่องราวที่เหลือ พวกเจ้าจัดการกันเองเถิด!”
กล่าวพลาง นางก็เดินมายังข้างกายของโจว๋ก้องหรุงและโจว๋หวูนเฟิง เห็นว่าทั้งสองคนนี้ได้กลับคืนสู่สภาพเลือดลมไหลคล่องตัวกันบ้างแล้ว ย่อมรู้ว่าชีวิตของพวกเราไม่น่าจะมีอุปสรรคใหญ่แล้ว ก็เบาใจลงบ้าง!
จู่ๆ โจว๋หวูนเฟิงก็มีท่าทีลนลาน เอาแต่พูดว่าถางถางถาง…
โจว๋ก้องหรงพูด “เจ้าอยากอมลูกอมรึ”
โจว๋หวูนเฟิงเอ่ยอย่างโรยแรง “ไม่…ถางเปิ่น…ขุย ลุงสาม รีบไปดูถางเปิ่นขุยเร็วเข้า!”
โจว๋ก้องหรุงพูด “เขาคือศัตรูของพวกเขา! ตายไปเสียได้ก็ดี ยังจะสนใจเขาอีกทำไม!”
โจว๋หวูนเฟิงกล่าว “ถึงแม้เขาจะเป็นคนของตระกูลถางเปิ่น แต่ว่าแต่ไรมาเขาไม่มีพิษภัย อีกทั้งวันนี้อย่างน้อยก็ได้แสดงความเป็นวีรบุรุษผู้หนึ่ง! รีบไปดูเขาเร็วเข้าเถิด!”
“ข้าไม่ไปหรอก เฮอะ!”
โจว๋ก้องหรุงชิงชังคนของตระกูลถางเปิ่นแต่ไรมาแล้ว จะยอมไปดูถางเปิ่นหู่เสียที่ไหนกันเล่า!
กลับเป็นซินเหยาที่เดินเข้าไป มองดูถางเปิ่นหู่ที่นอนราบอยู่ข้างๆ กองร่างไร้วิญญาณ แน่นิ่งไม่ไหวติง เลือดนองเต็มพื้น…
“เขาตายแล้ว!”
ซินเหยาตรวจสอบชีพจรของเขา ซ้ำยังตรวจสอบหัวใจของเขา และกล่าวขึ้นในทันใด “หัวใจของเขายังเต้นอยู่! ยังมีหัวใจเต้นอยู่อย่างโรยแรงนัก!”
นางรู้ว่าหากหัวใจยังเต้นอยู่แล้วล่ะก็ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยชีวิตกลับคืนมา!
ตำแหน่งที่ดาบปักทะลุลงไปนั้นเบนออกครึ่งนิ้ว!
ซินเหยาดึงดาบที่เสียบคาอกของเขาออก เลือดสดๆ หลั่งรินออกมาอีกครั้ง!
โจว๋หวูนเฟิงกล่าวด้วยความสะพรึงเพริด “เขา…เขาจะตายหรือไม่ เลือดเยอะขนาดนี้!”
ซินเหยายิ้มบางๆ “มันสำคัญหรอก! มีเลือดไหลออกมาแสดงว่าเขายังมีชิวติอยู่! ถ้าหากตายแล้ว ศพจะไม่มีเลือดไหลออกมาได้ นี่เป็นถึงความรู้ขั้นพื้นฐานที่สุด เลือดของศพไม่อาจไหลเวียนได้ บาดแผลจึงไม่อาจมีเลือดไหลออกมาได้นั่นเอง!”
ซินเหยาใช้มือกดทรวงอกของเขาเอาไว้เพื่อช่วยในการห้ามเลือด กำลังภายในที่อ่อนโยน ค่อยๆ ลอบลำเลียงส่งเข้าไปทีละช้าๆ รักษาชีพจรของเขาเอาไว้ ปกป้องอัตราการเต้นของหัวใจให้เสถียร ไม่เช่นนั้นหัวใจจะหยุดการเคลื่อนไหวเอาได้!
“ท่าน…ท่านพ่อ…”
ทันใดนั้นถางเปิ่นหู่ก็เปิดเปลือกตา ในริมฝีปากยังพ่นสองคำออกมาอย่างอิดโรย
โจว๋หวูนเฟิงเดินเข้ามาด้วยความยากลำบาก ก่อนกล่าว “พี่น้องถางเปิ่น เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ถางเปิ่นหู่มองซ้ายแลขวาแวบหนึ่ง มองไม่เห็นถางเปิ่นขุย จู่ๆ ดวงตาก็แปรเป็นหม่นแสงลงไป
โจว๋หวูนเฟิงกล่าว “ยังดีที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ พี่น้องหยาวบอกว่าดาบปักเบนออกไปครึ่งนิ้วจากขั้วหัวใจ เจ้านี่มันช่างมีบุญมหาศาลจริงๆ!”
ซินเหยากล่าว “น่าประหลาดยิ่งนัก!ยอดฝีมือวรยุทธ์คนหนึ่ง ดาบที่อยู่ในระยะประชิดเยี่ยงนี้ จะเบนออกไปตั้งครึ่งนิ้วได้อย่างไรกัน ผู้นำอำมหิตคนนี้ดูเหมือนจะจงใจมีเมตตาต่อท่านนะ!”
“มีเมตตา?”
ในใจของถางเปิ่นหู่ผุดพรายประกายความอ้างว้างออกมาแวบหนึ่ง…
บิดาบังเกิดเกล้าใช้ดาบแทงทะลุหัวใจของเขา นี่เรียกว่ามีเมตตา?
ถางเปิ่นหู่ค่อยๆ ปิดตาลงแช่มช้า บางทีเขาอาจจะโชคดีที่ยังไม่ตาย แต่ว่าหัวใจไม่ต่างอะไรกับการตายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
อีกฝั่งหนึ่ง รูปการเดินทางมาสู่ทางตัน ทั้งนักบอดี้การ์ดทั้งสี่และโอหยางซิงเฉินต่างไม่มีใครยอมใคร…
ยังมียอดฝีมือในยุทธภพจำนวนกว่าร้อยคนที่ฟื้นชีวิตกลับมา…
สถานการณ์ของนักบอดี้การ์ดทั้งสี่ ช่างอันตรายยิ่งนัก!
แต่ว่าแม้นตายก็ไม่ยินยอมหลีกทางแม้แต่ก้าวเดียว…
จู่ๆ โอหยางซิงเฉินก็คำรามเสียงต่ำ “ในเมื่อพวกเจ้าดึงดันขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
ทันใดนั้น สองมือของเขาค่อยๆ ยกขึ้น จากนั้นก็ซัดออกมาอย่างผ่าเผย…
“ซ่า! ซ่า! ซ่า!”
ระหว่างนั้น ฝ่ามือทั้งสองของเขาแปรเป็นเงาฝ่ามืออันนับไม่ถ้วน ร่ายรำกลางเวหา โหมกระหน่ำมาเยือนราวกับวาโยคลั่งทะเลเดือด…
ซินเหยาแอบตะลึง กำลังภายในช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
นักบอดี้การ์ทั้งสี่ถูกบีบให้ถอยหลังสิบกว่าก้าวอย่างแข็งขืน…
โอหยางซิงเฉินหัวเราะเยาะ จากนั้นก็โฉบบินโถมออกไปด้วยร่างกายราวกับนกตัวเขื่อง
สีหน้าของนักบอดี้การ์ดทั้งสี่เปลี่ยนไปมาก สังเกตสถานการณ์เสร็จและรีบตามออกไปทันใด!
“ลุงสาม! ท่านดูแลคนพวกนี้อยู่ที่นี่นะ!”
กล่าวจบ ซินเหยาเองก็โผบินตามออกไปเช่นกัน
อีกฝ่ายมียอดฝีมือหัวกะทิหกเจ็ดคน นางกลัวว่าโอหยางซิงเฉินจะถูกลอบโจมตี จึงรีบร้อนตามไปติดๆ!
ซินเหยายังมีคำถามอีกมากมายที่ต้องถามให้ชัดเจนอยู่นะ!
จึงไม่อาจให้เขาไปคนเดียวลำพังเยี่ยงนี้
“เหตุใดเขาถึงเรียกว่าข้าลุงสาม?”
โจว๋ก้องหรุงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองดูอีกครั้งก็ไม่เห็นเงาร่างของชายผอมโซผู้น่าเกลียดนามว่าหยาวซินคนนั้นแล้ว…
หลังจากที่หยาวซินจากไปแล้ว บ่าวไพร่เยาว์วัยของร้านจี้โม่คนหนึ่งที่ปลอมกาย แต่ดวงหน้ากลับหล่อเหลาคนหนึ่งในดวงตาผุดพรายประกายพร่าเลือน มองไปที่เงาร่างของซินเหยาที่ไกลออกไป ใบหน้าแย้มรอยยิ้มบางเบา…
ซินเหยาตามออกไปไม่นานนัก ก็มองเห็นเงาคนไหวติงอยู่บนยอดหลังคาเบื้องหน้า…
นางรีบร้อนตามขึ้นไป!
หลังจากผ่านถนนหลายสาย ในที่สุดนางก็ตามเงาคนได้ทัน เป็นโอหยางซิงเฉินจริงๆ ด้วย!
“วิชาตัวเบาของท่านไม่เลวเลย ถึงกับไล่ตามทันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้เชียว!”
“กลัวท่านจะถูกคนฆ่าตายไปเสียก่อนน่ะ”
“ท่านเริ่มใส่ใจข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“เพียงแค่กลัวท่านถูกคนฆ่าไปแล้ว จะไม่มีคนคอยตอบคำถามคาใจของข้าต่างหาก!”
โอหยางซิงเฉินนิ่งงันเล็กน้อย ก่อนกล่าว “โอ้? คำถามคาใจ? คำถามแบบไหนกัน?”
ซินเหยาเอ่ย “รีบตามผู้นำอำมหิตไปก่อนเถิด! เขาไปที่ไหนแล้ว”
“หนีไปทางป่าของชานเมืองด้านหน้านู่นแล้ว!”
“ออกนอกเมืองแล้ว?”
“อืม!”
“เขารู้ทั้งรู้ว่ามีทหารไล่หลังมา ยังกล้าออกนอกเมือง? ไม่กลัวว่าจะถูกไล่จับเชียวหรืออย่างไร”
“คนผู้นี้…น่าจะมีทักษะแกร่งกล้ามาก หรือไม่ก็อาจวางแผนซุ่มโจมตีอยู่นอกชนบทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” โอหยางซิงเฉินกล่าว