บทที่ 257 สี่ดาวบังคับให้สละราชสมบัติ2
“มีเรื่องอย่างว่านี้ด้วย?”
“ขอรับ ครึ่งเดือนก่อนหน้า การสังหารหมู่สยดสยองในจวนตระกูลเก่อ ได้ยินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักชิงหลงนี้ด้วย และสำนักชิงหลงนี้เพิ่งขยายอิทธิพลไปทางเมืองเขตตะวันตก แม้แต่ผู้คนในอุตสาหกรรมการขนส่งทางน้ำของข้าก็เข้าร่วมสำนักชิงหลงนี้เป็นจำนวนมากนะขอรับ”
“เป็นเพียงแค่กลุ่มเด็กเลอะเทอะเท่านั้น ทำไมพวกเขาจึงพัฒนาอย่างมากในช่วงเวลาแค่หนึ่งถึงสองเดือนกันเล่า?”
“ข้อนี้ข้าน้อยเองก็คิดไม่ตกจริงๆ สายสืบที่ข้าน้อยส่งไปกลับมารายงาน สำนักชิงหลงส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์แร้นแค้นที่ถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่อยมา อีกอย่างสำนักชิงหลงเองก็ไม่ได้มีแหล่งเศรษฐกิจและสายโลหิตทางธุรกิจที่มั่นคง ข้าน้อยคิดไม่ตกว่าเหตุไดพวกมันถึงได้เติบโตรวดเร็วขนาดนี้”
“ลูกน้องเจ้าไม่ใช่ว่ามีพวกยอดฝีมืออยู่ส่วนหนึ่งหรอกหรือ ทำไมไม่ส่งคนไปจัดการพวกมันเสีย”
“ข้าน้อยเคยส่งยอดฝีมือไปลอบโจมตี ผลลัพธ์คือยอดฝีมือที่ถูกส่งไป ไม่ได้หวนกลับมาเลยสักคนเดียว กองทัพทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างเกลี้ยงขอรับ”
“เพราะเหตุใด”
“ได้ยินว่าหัวหน้าสำนักชิงหลงมียอดฝีมือที่น่าขยาดกลัวมากคนหนึ่ง”
“เป็นบุคคลใด”
“ไม่ทราบ ที่มาของสถานะก็ไม่ละเอียด แต่รู้เพียงว่าคนผู้นั้นเป็นศิษย์น้องของหัวหน้าสำนักชิงหลง”
“อายุเท่าไหร่”
“ราวๆ เจ็ดสิบปี”
“ศิษย์น้องของชิงหลงอายุเจ็ดสิบกว่าปี เช่นนั้นหัวหน้าสำนักชิงหลงจะไม่แปดสิบกว่าปีแล้วรึ”
“ยังไม่ครบสิบแปด เป็นหนุ่มน้อยที่เกิดทีหลัง”
“มันยุ่งเหยิงและน่ารำคาญเยี่ยงนี้ ไร้สาระ เรื่องเล็กน้อยเยี่ยงนี้ยังเอามารบกวนข้า ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ชีวหยูน เจ้าอยู่ในจวนเฉินนี้สักสองสามวัน ช่วยเฉินเปียวจัดการสำนักชิงหลงนี้ให้เรียบร้อยก่อน”
“รับทราบ เฉิงเสี้ยง”
ชีวหยูนพยักหน้าตอบรับ
ถางเปิ่นขุยและนักบอดี้การ์ดทั้งสามจากจวนเฉิงไปตามลำดับ…
กล่องเซิ้นกล่องที่สองและชีวหยูนกลับถูกเหลือทิ้งไว้
เฉินเปียวปั่นป่วนทั่วยุทภพ ย่อมรู้ว่านักบอดี้การ์ดทั้งสี่เป็นใคร มีชีวหยูนคอยดูแล เขาก็พึงพอใจแล้วเป็นธรรมดา
ชีวหยูนพักที่จวนเฉินได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เขาตัดสินใจลับๆ ว่าจะต้องปั่นไฟของสำนักชิงหลงให้ลุกโชน และใช้ชีวหยูนผู้เปี่ยมด้วยวรยุทธ์แกร่งกล้าไปกำจัดกองกำลังของสำนักชิงหลงให้สิ้นซาก…
หนึ่งวันผ่านไป
เสี่ยวป๋านยังคงฟุบอยู่อย่างเงียบขรึม ไม่ขยับเขยื้อน
ซินเหยาเองก็อยู่เคียงข้างอย่างเงียบเชียบ ไม่ขยับ ไม่กินไม่ดื่ม…
นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
เสี่ยวป๋านบูดบึ้งขึ้งโกรธนานเท่าไหร่ นางก็จะอยู่เป็นเพื่อนนานเท่านั้น
เวลาไหลเวียนไปทีละเล็กละน้อยอย่างเงียบๆ…
จันทราคล้อยต่ำ พระอาทิตย์ผุดขึ้นมาอีกครั้ง…
ยอดฝีมือทั่วยุทธภพต่างรวมตัวกันในเมืองหลวง ท่ามกลางความเงียบสงบ พวกเขาได้เปิดตัวการค้นหาร่องรอยของกล่องเซิ้น…
ผู้นำฮั่วซานได้เปิดรหัสราคาว่าผู้ใดสามารถค้นหากล่องเซิ้นได้ จะตกรางวัลให้ถึงสิบล้านตำลึง
ส่วนเจ้าของสมบัติล้ำค่าร้านจี้โม่ร่วมสมทบทุน เพิ่มรางวัลรวบรวมเบาะแสเข้าไปอีกเป็นจำนวนเงินห้าล้านตำลึง
สิบห้าล้านตำลึง
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนจำนวนหนึ่งหมื่นคนที่จะใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินไม่รู้จบสิ้น
เงื่อนไขนี้ดึงดูดผู้คนได้มากพอเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ต่อให้จะไม่ได้รับเงินรางวัลสูงลิ่วที่ล่อใจคนนี้ ยอดฝีมือในยุทธภพเหล่านี้ที่ได้รับความอัปยศและสูญเสียลูกศิษย์เพื่อนพ้องในคืนนั้น พวกเขาก็ไม่บ่าบยเบี่ยงที่จะตามล่ากล่องเซิ้นและผู้นำชั่วช้านั้น…
ทว่า ใครก็คาดไม่ถึง
ผู้นำชั่วช้าคนนั้นจะเป็นเฉิงเสี้ยงในราชสำนักแห่งนี้
และสมบัติล้ำค่าที่เขาแย่งชิงไป กลับถูกซุกซ่อนในจวนของเฉินเปียว…
วันที่สองที่ซินเหยาอดอาหารเป็นเพื่อนเสี่ยวป๋าน…
เมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ในราชวังกำลังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นกัน
คืนนี้เป็นวันราชพิธีแห่งราชสำนักพอดี…
ฮ่องเต้อำมหิตส่งคนไปเชิญฮ่องเต้เหอถูและบุตรีเข้าวังร่วมงานเลี้ยง ประกอบกับร่วมงานพระราชพิธียิ่งใหญ่แห่งราชสำนักด้วย
ราชวงศ์เทียนส้งจะจัดพิธีบูชาสรวงสวรรค์หนึ่งครั้งในทุกๆ ปี และท่ามกลางราชวังจะจัดพิธีบวงสรวงปีละครั้ง
ฮ่องเต้อำมหิตเห็นร่างทรงสวมบิกินี บิดเรือนร่างอ้วนท้วมราวกับถังน้ำ แสดงท่าทีอันเป็นลักษณะพิเศษเช่นเต้นรำแสร้งทำเป็นว่าได้รับพร เซ่นไหว้ เป็นต้น ในใจกลับไม่ได้ถูกจริตเลยสักนิด
คืนนั้นเขาซ่อนตัวในความมืด มองเห็นซินเหยาและโอหยางซิงเฉิน ในเมื่อพวกเขาพูดคุยหัวเราะไล่ล่าโจร ย่างกบด้วยกัน…
ก็ราวกับเป็นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์บันดาลมาคู่หนึ่ง
หญิงสาวงามล้ำดุจเทพธิดา เฉลียดฉลาดเป็นกรด
ชายหนุ่มสง่างามอารี เสรีสูงส่ง วรยุทธ์แกร่งกล้า ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นถึงเจ้าของร้านจี้โม่…
ฮ่องเต้อำมหิตไม่รู้ว่าซินเหยารู้จักกับชายหนุ่มที่ทั้งชั่วร้ายและยอดเยี่ยมเยี่ยงนี้ได้อย่างไร…
แต่ว่าเขามองเห็นซินเหยาและโอหยางซิงเฉินอยู่ด้วยกัน ในใจก็รู้สึกย่ำแย่ยิ่งนัก
มองเห็นหญิงสาวที่ตนเองรักด้วยหัวใจสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนอื่น ในใจจะรับไหวได้อย่างไรกัน
มองดูการเคลื่อนไหวน่าขยะแขยงและขบขันของร่างทรง…
ในสมองของเขากลับสลัดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของซินเหยาไม่หลุด…
ล่างเวที
จ้าวยู่หญิงที่แต่งกายสวยหรูโดยไม่สูญเสียลักษณะทรงพลัง นั่งอยู่ข้างกายบิดา แต่กลับมีใบหน้าโดดเดี่ยวในขณะเดียวกัน…
ตอนที่อยู่ในร้านจี้โม่
นางแต่งกายเป็นบ่าวคนหนึ่ง…
เดิมทีเพียงแค่อยากปกปิดสถานะตัวเอง ไม่อยากก่อความวุ่นวายอันเนื่องมาจากความเป็นสตรีและรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม