บทที่ 268 คิดถึงเจ้าจะตายอยู่แล้ว1
“อีกอย่างการซุ่มโจมตีนั้นดูไม่เหมือนวิธีการของนักบอดี้การ์ดทั้งสี่…”
ซินเหยาคิดวิเคราะห์อย่างสงบสักพัก และคาดเดาถึงว่าชีวหยุนคนนี้น่าจะจัดการเรื่องโดยลำพัง…
แต่ว่าจะอย่างไรซินเหยาก็คิดไม่ตก เหตุใดชีวหยุนถึงได้ปรากฏตัวอยู่ในจวนของอันธพาลเฉินเปียวคนนี้ได้?
บุรุษร่างสูงคนนั้นก็น่าจะเป็นเฉินเปียว
ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเปียวและชีวหยุน ดูเหมือนว่าจะซับซ้อนไม่น้อย…
ไม่รู้จะบอกว่าใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้อง…
เฉินเปียวดูเหมือนว่าจะมีสิทธิ์ขาดในการออกเสียง ไม่จำเป็นต้องขอคำแนะนำจากชีวหยุน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างยำเกรงต่อชีวหยุนอยู่ไม่น้อย…
อีกอย่าง เฉินเปียวคนนี้ฝีเท้าเบาลอย รอยย่ำเปิดกว้าง วิทยายุทธ์น่าจะบกพร่องไม่น้อย…
ดูท่า ยอดฝีมือที่แท้จริงคงจะมีเพียงแค่ชีวหยุนคนเดียวเท่านั้น
“เสี่ยวป๋าน! เจ้าไปรอข้าที่ยอดกำแพง ข้าจะไปล่อพี่สาวคนสาวผู้นั้น รอเดี๋ยวเจ้าค่อยตามข้ามาข้างหลัง เข้าใจหรือไม่”
“ก๊อกก๊อก”
เสี่ยวป๋านพยักหน้าเบาๆ
ซินเหยาปล่อยตัวเสี่ยวป๋านไป
เสี่ยวป๋านบินไปที่กำแพงในระยะไกลราวกับสายฟ้า
ทันใดนั้นซินเหยาก็ปีนลงมาจากต้นไม้ และยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าของส้งชิง และคนอื่นๆ…
“ท่านอาจารย์ ท่านมาแล้ว”
ส้งชิงปรีตินัก ผลลัพธ์คือมองเห็นผู้มาเยือนชัดๆ กลับเป็นชายอัปลักษณ์คนหนึ่ง และตกใจสะดุ้งโหยง “เจ้าเป็นใคร เจ้ามาจากที่ใด”
ซินเหยากล่าวพลางยิ้ม “เป็นคนที่อาจารย์เจ้าเรียกข้าให้มาช่วยน่ะ!”
ส้งชิงเอ่ย “อาจารย์ข้าเล่า?”
ซินเหยาบอก “นางกับคุณหนูส้งกลับไปแล้ว!”
ส้งชิงพูด “อาจารย์บอกว่าจะมาช่วยจัดการยอดฝีมือแท้ๆ เหตุใดจึงกลับไปเสียแล้ว”
ซินเหยาบอก “บังเอิญตัวข้าคนแซ่หยาวผ่านทางมา และเป็นหนี้บุญคุณอาจารย์เจ้าแล้ว จึงช่วยนางยื่นมือมาดูแลเด็กน้อยอย่างพวกเจ้า”
เป็นเจ้า!
ส้งชิงยังไม่ทันได้เอ่ยคำ ชีวหยุนที่อยู่ตรงข้ามก็ตกใจหน้าถอดสีในทันที!
นางมองเห็นในความมืด มีผู้ชายคนหนึ่งปีนลงมาจากต้นไม้ อีกทั้งยังเห็นชัดเจนว่าชายผู้นี้ก็คือหยาวซินที่เคยล้อเล่นกับนางที่ร้านจี่โม่นั่นเอง!
บัดนั้นนางตกใจสุดขีด!
ซินเหยาเอ่ย “พี่สาวชีวหยุน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ข้าน้อยคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว! “
ชีวหยุนกล่าวด้วยความเดือดดาล “เจ้าพูดดพล่ามอะไรกัน!”
ซินเหยากล่าวกลัวหัวเราะ “แม่นางชีวหยุนพอพบข้าน้อยเหตุใดจึงบันดาลโทสะเสียแล้ว ดีร้ายพวกเราก็ถือว่าเป็นมิตรเก่าหนึ่งสนามรบเชียวนะ! “
ชีวหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ไอ้โจรหน้าไม่อาย”
ซินเหยาเอ่ย “โจรหน้าไม่อายอย่างข้าคนนี้ วันนี้ช่างโชคไม่ดีจริงๆ ได้กลายเป็นศัตรูกับแม่นางชีวหยุนอีกแล้ว ดูท่า ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของพวกเราสองคนสามารถกำหนดชะตากรรมของทั้งสองฝ่ายได้ แต่ว่า ในเมื่อเป็นสหายเก่า เหตุใดจึงไม่ไปดื่มสุราเพื่อผูกมิตรกันสักจอกเล่า?”
ชีวหยุนพูด “ใครอยากดื่มสุราผูกมิตรกับเจ้ากัน”
ซินเหยาเอ่ย “เมื่อครู่…อ้อ ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าท่านจะมีสหายคนหนึ่งที่ชื่นชอบสวมเสื้อผ้าสีแดงกระมัง เมื่อครู่ข้าเห็นแม่นางสวมชุดสีแดงคนหนึ่งถูกยอดฝีมือสวมหน้ากากสี่คนดักทางไว้ตรงถนนแหนะ”
สีหน้าชีวหยุนตื่นตระหนก “เจ้าพูดจริงหรือ”
ซินเหยากล่าวอย่างจริงจัง “เป็นเรื่องจริง”
ชีวหยุนกล่าว “อยู่ที่ใด”
นางรู้อุปนิสัยเจ้าอารมณ์ของหงจู๋ ถึงแม้จะไม่ใคร่จะเชื่อน้ำคำของคุณชายหยาวผู้ไร้ยางอายคนนี้เท่าใดนัก แต่ว่าในใจกลับสั่นไหวเล็กน้อย…
ซินเหยากล่าว “ก็อยู่…เอ่อ เอ่อ ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้ๆ เรือนหลังใหญ่ๆ นู่นแหนะ ดูเหมือนจะเป็นเรือนทางการหลังหนึ่ง”
“จวนเฉิงเสี้ยง”
สีหน้าของชีวหยุนเปลี่ยนไปถนัด
ซินเหยาแอบกล่าว ที่แท้ผู้นำชั่วร้ายคนนั้นก็คือเฉิงเสี้ยง?
ไม่ใช่ว่าเขาเกือบจะฆ่าถางเปิ่นหู่ด้วยน้ำมือตนเองแล้วหรอกหรือ
เหตุดใคคนดังกล่าวถึงได้เลือดเย็นถึงขนาดฆ่าได้แม้แต่ลูกชายแท้ๆ ของตนเอง?
ซินเหยาจงใจพูดว่ามีคนต้อนหงจู๋ ทั้งยังพูดว่าอยู่ใกล้ๆ กับจวนทางการแห่งหนึ่ง…
นางคาดเดาเอาไว้เสมอว่าคนที่สามารถชักจูงแม่ทัพทั้งสองและยอดฝีมือระดับหัวกะทิอย่างนักบอดี้การ์ดทั้งสี้ได้ สถานะของผู้นำชั่วร้ายคนนั้นเบื้องหลังจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
อย่างน้อยก็เป็นเจ้าหน้าที่ใหญ่ในราชสำนัก
ดังนั้นนางจึงจงใจพูดว่าหงจู๋ถูกโจมตี….อยู่ใกล้ๆ กับเรือนทางการที่ใหญ่มาก
ตั้งแต่โบราณกาล เรื่องราวเกี่ยวกับการตัดสะพานทิ้งเมื่อข้ามฝั่งเสร็จ ต้มสุนัขล่าเนื้อเมื่อมันล่ากระต่ายได้มีจำนวนเหลือคณานับ
ซินเหยาสร้างภาพเท็จว่าผู้นำชั่วร้ายคนนั้นพยายามฆ่าผิดปากหมกศพสุดความสามารถ ภายใต้สภานการณ์คับขันส่งผลให้ชีวหยุนพลั้งปากออกมา
เฉิงเสี้ยงถึงกับจะสังหารหงจู๋เชียวหรือ?
ขีวหยุนตกใจหน้าถอดสี
เดิมทีนางยังเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง และมีข้อกังขาต่อถ้อยคำของหยาวซินคนนี้อย่างถึงที่สุด
แต่ว่าตอนนี้อย่างน้อยนางก็ปักใจเชื่อไปแล้วร้อยละแปดสิบเก้าสิบ
“คุณชายหยาว หงจู๋อยู่ที่ใด”
“ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ไกกลจากจวนเฉิงเสี้ยงนัก”
“เป็นที่ไหนกันแน่”
“ถ้าอย่างนั้นจะให้ข้าพาแม่นางไปหรือไม่”
“เช่นนี้ก็ดีเหลือเกิน รีบไปเร็วเข้า!”
ชีวหยุนเป็นห่วงหงจู๋
นางอารมณ์ร้อน ถ้าหากถูกเฉิงเสี้ยงส่งคนไปจู่โจมจริงๆ เช่นนั้นก็จะแย่ไปกันใหญ่
ลูกน้องผู้มีความสามารถของเฉิงเสี้ยงนั้นมีหลายคน ถ้าหากไม่มีฮัวโหล่หยุน เจี้ยนหารยีคอยคุ้มกัน หงจู๋ตัวลำพังจะต้องเอาชนะไม่ได้อย่างแน่นอน
ครานี้ชีวหยุนกระวนกระวายใจ
ครั้นเฉินเปียวเห็นท่าทางหมายจะไปของชีวหยุน ก็ร้อนรนใจ “แม่นางชีวหยุน เจ้าจะไปแล้วทางนี้ข้าจะทำเช่นไร”
ชีวหยุนกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านจัดการเองเถิด”
เฉินเปียวกล่าว “เวลานี้ทอดทิ้งข้า เจ้าจะไปอธิบายกับเฉิงเสี้ยงว่าอย่างไร”
เฉิงเสี้ยง?
ครั้นซินเหยาได้ฟัง ก็เข้าใจโดยทันที
ที่แท้ชีวหยุนก็เป็นคนของเฉิงเสี้ยง…
ผู้นำชั่วร้ายคนนั้นจะต้องเป็นเฉิงเสี้ยงหรือไม่ก็ยอดฝีมือที่เป็นลูกน้องอขงเขาแน่…
ชีวหยุนคนนี้ก็เป็นคนที่เฉิงเสี้ยงส่งมาปกป้องเฉินเปียว
เฉินเปียวริบของเข้าส่วนตัวผ่านการขนส่งทางน้ำ เถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่ฉากหลังจะต้องเป็นจวนเฉิงเสี้ยงอย่างแน่นอน
ทุกสิ่ง…
ทันใดนั้นก็กระจ่างแจ้ง
ซินเหยานิ้มบางเบา
คืนนี้มาช่วยสำนักชิงหลงเวรคืนพื้นที่ คิดไม่ถึงว่าจะพบความลับอันใหญ่หลวงขนาดนี้เข้าให้
เฉิงเสี้ยง…