บทที่ 271 ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด2
ซินเหยาเอ่ย “ปอปั้นก็ดูจะพูดเกินจริงไปหน่อยกระมัง แต่ว่า จะพูดว่าเป็นการกล่าวคำสรรเสริญก็ดูเข้าท่า! พูดตามความจริง ตัวข้าเองนั้นเลื่อมใสบักบอดี้การ์ดทั้งสี่อย่างพวกท่านอย่างยิ่ง! ยิ่งไปกว่านั้นยังสรรเสริญพวกเจ้าอย่างยิ่ง! พวกเจ้าไม่กี่คนนี้วรยุทธ์ดียิ่ง ในแง่ความจงรักและภักดี สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือระหว่างพวกเจ้าสี่คนนั้นบรรยายได้ถึงมิตรภาพดุจพี่น้องได้ ช่างทำให้ผู้คนอิจฉายกย่องจริงๆ ถ้าหากแม่นางชีวหยุนฟังคำตักเตือนของข้าอย่างตั้งใจสักหน่อย เฉิงเสี้ยงผู้หยั่งลึกคนนี้ เป็นชายชราเขี้ยวลากดิน ทางที่ดีอย่าได้ร่วมมือกับเขาเป็นอันขาด!”
ชีวหยุนกล่าวอย่างประณาม “หรือท่านอาจจะหลอกข้าอีกกระนั้นเชียว?”
ซินเหยากล่าว “นี่ไม่ใช่ว่าหลอกพวกเจ้าหรอกนะ! ข้าเข้าใจถางเปิ่นขุยลึกซึ่งกว่าพวกเจ้าอย่างแน่นอน! ถางเปิ่นขุยแบะลุกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคนของเขาข้ารู้จักทั้งหมด! ถางเปิ่นขุยผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมคนนี้ ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้! คืนวันนั้น แม้แต่ลูกชายของเขาเองก็ยังลงมือฆ่าอย่างไร้เยื่อใย แล้วยังจะมีอะไรที่เขาไม่กล้าฆ่าอีก ขอเพียงเป็นคนที่ขัดขวางหนทางเบื้องหน้าของเขา ทุกคนล้วนต้องตาย!”
ชีวหยุนเอ่ย “พวกนี้เกี่ยวกับข้าอย่างไร”
ซินเหยาพูด “เจ้าฟังไม่เข้าใจจริงๆ เชียวหรือ ข้าเพียงแต่อยากเตือนพวกเจ้านักบอดี้การ์ดทั้งสี่ให้หนีไปจากจวนเฉิงเสี้ยง ไม่เช่นนั้นละก็ พวกเจ้าจะต้องชักไฟเข้าตัว! รอจนถางเปิ่นขุยหลอกใช้พวกเจ้าเสร็จแล้ว ก็จะตัดสะพานเมื่อข้ามแม่น้ำเสร็จ ชำระแค้นเป็นแน่ ท้ายที่สุดก็จะมีจุดจบดั่งสุนัขล่าเนื้อที่ล่ากระต่ายได้ก็ถูกฆ่าทิ้งเป็นแน่!”
ชีวหยุนเอ่ย “ไม่มีทาง! ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่! เฉิงเสี้ยงไม่มีทางทรยศพวกเราเป็นอันขาด!”
ซินเหยากล่าวเย็นชา “กระนั้นหรือ?”
“ใช่!”
“เจ้าคิดจริงๆ ว่าเขาจะไม่ทรยศพวกเจ้า?”
“ใช่! ไม่มีทางแน่!”
“เช่นนั้นสิ่งที่เขาทำกับลูกชายตัวเองเล่า? ถางเปิ่นหู่เป็นถึงลูกชายหัวแก้วของเขาเชียวนะ! เหตุใดเขาต้องสังหารแม้กระทั่งลูกชายของตนเองด้วยเล่า”
“ข้อนี้ เป็นเพียงแค่เหตุสุดวิสัยเท่านั้น! ตอนนั้นเหตุการณ์ชุลมุนมาก ถ้าหากเขาจงใจปล่อยถางเปิ่นหู่ไป ก็จะยิ่งดึงดูดความสงสัยของคนอื่นๆ ดังนั้นเขาไม่มีวิธีถึงได้ถูกบีบบังคับให้แทงลูกชายแท้ๆ ของตนเอง! แน่นอนว่าระยะใกล้ขนาดนั้น จากความสามารถของเขาแล้วไม่มีทางพลาดแม้แต่นิ้วเดียวเป็นแน่…”
“ใช่หรือ? ต่อให้ตอนที่เขาแทงดาบ ก็จะต้องมีความเมตตาหลงเหลืออยู่บ้างสิ!”
ซินเหยากล่าวด้วยเถรตรง “แต่ว่าในฐานะคนเป็นพ่อ จะกลั้นใจทำร้ายลูกชายตนเองอย่างรุนแรงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น เบี่ยงไปแค่ครึ่งนิ้วก็จะแทงเข้าขั้วหัวใจแล้ว สุดท้ายจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ ไม่มีใครรู้ บางทีเขาอาจจะซวยและตายไป บางทีเขาอาจเคราะห์ดีมีชีวิตต่อ! แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย ถางเป็นขุยก็ขึ้นชื่อว่าฆ่าลูกชายคนนี้ด้วยน้ำมือของเขาเองแล้ว!”
สีหน้าของชีวหยุน เปลี่ยนเป็นอ่อนแดงสลับกันไป!
ทุกถ้อยคำของซินเหยา ล้วนพูดจี้ใจเข้าไปข้างในหมด!
ตอนนั้นนางเคยข้องใจในพฤติกรรมการสังหารลูกชายตนเองของถางเปิ่นขุย!
คนๆ หนึ่งที่ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกชายแม้ๆ ของตนเอง!
จะต่างจากสัตว์ร้ายอย่างไรเล่า?
ยังมีเรื่องอะไรอีกที่เขาจะทำไม่ได้
ซินเหยาพูด “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นข้าเพียงแต่บอกว่าเห็นแม่นางหงจู๋อยู่ใกล้ๆ กับเรือนทางการแห่งหนึ่ง แม่นางชีวหยุนเจ้าเองก็รีบคิดว่าเฉิงเสี้ยงส่งคนไปโจมตีในทันใด นี่ก็หมายความว่าในใจลึกๆ ของแม่นางชีวหยุนเอง เฉิงเสี้ยงก็ไม่ได้น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ใช่หรือไม่!”
ชีวหยุนเอ่ย “ขอบคุณท่านมากที่ตักเตือน แล้วเจอกันวันหน้า!”
“เสี่ยวป๋าน บอกลากับพี่สาวคนสวยท่านนี้เร็ว” ซินเหยาโบกอุ้งเท้าของเสี่ยวป๋านไปมา
“ก๊อกก๊อก” เสี่ยวป๋านกลับมีท่าทางกล่าวคำอำลาอย่างจริงจัง
“มันน่ารักจริงๆ”
ชีวหยุนยิ้มพิมพ์ใจ แม้ว่าจะบินโผเข้าสู่ห้วงรัตติกาลอันเวิ้งว้าง…
ซินเหยามองตามเงาหลังของนาง ก่อนทอดถอนใจหนึ่งเฮือก เสี่ยวป๋าน นักบอดี้การ์ดทั้งสี่นี้เกรงว่าจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเฉิงเสี้ยงเสียแล้ว หวังว่าการตักเตือนของข้าจะไม่สายเกินไปหรอกนะ เอาล่ะ พวกเรากลับไปดูเจ้าเด็กส้งชิงสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว!”
“ก๊อกก๊อก”
เสี่ยวป๋านร้องแล้วร้องอีก จากนั้นก็ยื่นอุ้งเท้าไปลูบหนังท้องของตนเอง…
มันกำลังบอกซินเหยา
มันหิวแล้ว!
ซินเหยากล่าวอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เอาล่ะ! เช่นนั้นก็รีบไปสมทบกับพวกส้งชิงกันเถิด”
ซินเหยากอดเสี่ยวป๋านเอาไว้ รีบไปถึงจวนเฉินเปียวอย่างไวที่สุด เฉินเปียวตายแล้ว คนใช้ในบ้านและสมาชิกในครอบครัวกลุ่มหนึ่งถูกขับไล่ออกไปแล้ว
ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่เองก็กลับไปกันแล้ว!
หน้าประตูเหลือเพียงลูกศิษย์ของสำนักชิงหลงเฝ้าอยู่สองคน
มีศิษย์คนหนึ่งเห็นคุณชายหยาวซินที่เพิ่งจะปาราฎตัว ก็บอกซินเหยาว่าส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่ได้พาคนส่วนใหญ่กลับไปสำนักหลักชิงหลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ซินเหยาพาเสี่ยวป๋านรีบกลับไปเมืองเขตใต้โดยด่วน
สำนักหลักของชิงหลงก่อตั้งในสำนักเต๋าที่ถูกทิ้งร้าง ถูกขายต่อในอัตราค่าเช่าที่ราคาถูกและหลังจากทำความสะอาดและตกแต่งบางส่วนแล้ว ก็กลายเป็นสำนักหลักขนาดกว้างใหญ่ที่เรียบง่ายและใช้งานได้แล้ว!
ส้งชิงงและคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องไปฝึกวิทยายุทธ์ในพื้นที่โล่งด้านหลังภูเขาอีกแล้ว
ตอนที่ซินเหยามาถึงสำนักหลัก ลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูไม่รู้จักซินเหยาที่แต่งตัวเป็นหยาวซิน จึงปฏิเสธที่จะปล่อยให้นางเข้าไป!
ซินเหยาอยากจ่ายสินบน ทว่าอีกฝ่ายก็ปฏิเสธไม่ยอมรับ ซ้ำยังขับไล่นางออกมาอย่างทารุณ
ซินเหยายิ้มเจื่อนอย่างจนปัญญา!
นี่ควรจะดีใจ
หรือว่าเศร้าใจดี!
ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหูจัดระเบียบและความเคร่งครัดในสำนักชิงหลงได้เป็นอย่างดี…
ทว่าแม้แต่อาจารย์คนนี้อย่างนางยังไม่ยอมให้เข้าไป มันช่างน่าเศร้าตรมเกินไปแล้วกระมัง