บทที่ 290 เซินกุนระดับสูงสุด1
“หลายปีมานี้เจ้าอ่านหนังสืออยู่ในคุกน้ำตลอดเลยจริงๆ เหรอ?”
“จริงสิ นอกจากแอบออกมาร้องเพลงดื่มเหล้าบ่อยๆ แล้ว…”
“หรือว่าตอนที่เจ้าแอบออกมาจากร้านจี้โม่ ไม่มีใครเห็นงั้นหรือ? ถึงยังไง ในร้านจี้โม่ก็มีคนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเจ้าเพียงแค่สองคนเท่านั้น คนอื่นต่างก็ไม่รู้ฐานะของเจ้า”
“ทหารที่เฝ้าอยู่ด้านหลังร้านจี้โม่เข้มงวดมาก หลายสิบปีมานี้ ข้าก็แอบออกมาภายใต้การรักษาการณ์ที่เข้มงวดนั้น ดังนั้นก็เลยไม่มีใครเห็นไงล่ะ”
“วิธีการรักษาการณ์ลาดตระเวนของทหารเหล่านั้น เป็นเจ้าที่ควบคุมงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ เป็นคนที่สอนข้าร้องเพลงในตอนนั้นที่สอนวิธีนี้ให้กับข้า เขาบอกวิธีการป้องกันนี้จะไม่มีใครสามารถหาข้อบกพร่องพบแน่นอน แต่ว่าดูไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อ ผลสุดท้ายเจ้ากับท่านชายโจว๋ก็พุ่งเข้ามาอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”
จากคำพูดของโอหยางซิงเฉิน แม้ซินเหยาจะรู้ว่าเป็นเบาะแสที่คุ้มค่าบางอย่าง
แต่ว่า…
แต่คำถามที่อยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
โอหยางซิงเฉินเคยบอกว่ามียอดฝีมือลึกลับผู้หนึ่งสอนวรยุทธ์ให้กับเขา อีกทั้งยังอยากให้ทำธุระให้สี่เรื่อง
ธุระสี่เรื่องนี้ จริงๆ แล้วหากจะพูดให้ชัดเจนก็คือเรื่องเดียวกัน
ก็คือเอาแหวนเหล็กดำหนึ่งวงส่งให้กับคนที่มีปานรูปดาวบังคับสละราชบัลลังก์สี่ดวงอยู่ใต้ฝ่าเท้า…
นักบอดี้การ์ดทั้งสี่คนก็กล่าวเอาไว้เองว่า ยอดฝีมือลึกลับที่สอนวรยุทธ์ให้พวกเขาต้องการให้พวกเขาหาตัวนายท่านตัวจริงให้พบ นายท่านผู้นี้ก็คือคนที่มีปานรูปดาวสี่ดวงอยู่ใต้ฝ่าเท้า…
หรือว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ?
ไม่!
ไม่!
เป็นไปไม่ได้!
ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้แน่นอน
แม้ระหว่างท่านชายเยาแน่กับนักบอดี้การ์ดทั้งสี่คนจะไม่รู้ว่าคนที่พวกเขาตามหาอยู่นั้นเป็นคนเดียวกัน แต่ยอดฝีมือลึกลับท่านนั้นที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา กลับมีความเป็นไปได้มากกว่าว่าจะเป็นคนเดียวกัน
เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง
ท่านชายเยาแน่กล่าวว่า “ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นอยากจะแก้ไขขจัดความสงสัยที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบาะแสที่สำคัญที่สุดก็คือแหวนวงนั้น…”
นักบอดี้การ์ดทั้งสี่กล่าวว่า “เป็นคำชี้แนะของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น หากอยากจะแก้ไขข้อสงสัยในใจและความยากลำบากที่ตั้งเผชิญหน้าทั้งหมด กุญแจสำคัญขึ้นอยู่กับหนึ่งประโยคก็คือ ดาวบังคับสละบัลลังก์สี่ดวง นกอินทรีโบยบินกลับสำนัก”
แหวน?
ดาวบังคับสละบัลลังก์สี่ดวง นกอินทรีโบยบินกลับสำนัก?
ถ้าหากยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นเป็นคนเดียวกันละก็…
เหตุใดเขาต้องแยกเบาะแสออกเป็นสองส่วนด้วย?
เหตุใดเขาต้องส่งข่าวให้ท่านชายเยาแน่กับนักบอดี้การ์ดทั้งสี่คนในเวลาเดียวกันด้วย?
แหวนนั่นส่งมาแล้ว
ซินเหยายิ่งไม่รู้ว่าแหวนนี่มันมีประโยชน์อะไร
หากอยากจะถ่ายทอดก็ถ่ายทอดมาถึงแล้ว
แต่ซินเหยากลับไม่เข้าใจ ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันหมายความว่าอะไร?
ดาวบังคับสละราชบัลลังก์ก็พอเข้าใจได้
นั่นก็คือปานดาวบังคับสละราชบัลลังก์…
แต่ว่าประโยคหลังที่ว่านกอินทรีโบยบินกลับสำนัก
มันหมายความว่าอะไรล่ะ?
นั่งนกกระเรียนแล้วโบยบินจากไปก็ได้ยินอยู่บ่อยๆ
นกอินทรีโบยบินกลับสำนักมันเป็นประโยคที่แปลกมาก ไม่เคยได้ยินจากที่ไหนเลยจริงๆ
ส่วนนั่งนกกระเรียนแล้วโบยบินจากไป โดยทั่วไปแล้วน่าจะหมายถึงคนที่ตายไปแล้ว
หรือว่าคนที่อยากตายจริงๆ ถึงจะสามารถไขข้อสงสัยในใจได้งั้นเหรอ?
ซินเหยาเริ่มรู้สึกว่ายอดฝีมือลึกลับผู้นี้จะต้องเป็นเซินกุนระดับสูงที่สุดแน่นอน
เขาพูดจามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริง โกหกโอหยางซิงเฉินและนักบอดี้การ์ดทั้งสี่คนมาทั้งชีวิต โกหกซินเหยา….เพราะแหวนกับประโยคนี้มันไม่สามารถอธิบายข้อสงสัยในใจของนางได้เลย…
มีแต่เพิ่มความสงสัยในใจของนางมากขึ้นกว่าเดิม
จู่ๆ โอหยางซิงเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “ซินเหยา ข้าต้องกลับร้านจี้โม่แล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้ากล่องเหล็กนั่น บางทีเราค่อยหาเจ้าของสมบัตินี่มาคุยด้วยอีกที น่าจะได้เบาะแสมาบ้าง ไม่แน่อาจจะรู้ว่าใครที่เป็นคนสังหารหมู่จวนเฉิงเสี้ยง”
ซินเหยาพูดอย่างตกใจว่า “กล่องเหล็ก? กล่องเหล็กอะไร?”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “ก็คือสมบัติที่รวมของมีค่าของงานชุมนุมไงล่ะ กล่องเซิ้นใบที่สอง”
ซินเหยาตกใจขึ้นมาทันที สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจนซีดขาว “กล่องเซิ้นใบที่สอง? ใบที่สองงั้นเหรอ? ทำไมถึงเรียกกล่องเซิ้นใบที่สอง? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เจ้ารีบพูดมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้นะ”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “หรือว่าเจ้าไม่รู้เหรอ? ก็คือของล้ำค่าที่มีชื่อเสียงในใต้หล้านี้ยังไงล่ะ?”
“ของล้ำค่าอะไร?”
“งานชุมนุมขุมทรัพย์ในคืนนั้นยังไงล่ะ สุภาพบุรุษที่หล่อเหลาในใต้หล้านี้ ไปเพื่อเจ้าของล้ำค่าชิ้นนี้”
“ก็คือกล่องเซิ้นที่สองนี่เหรอ?”
“ใช่ ก็คือกล่องเซิ้นที่สองนี่แหละ กล่องเหล็กใบนี้กับกล่องเซิ้นที่ถวายในพระราชวังเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ก็มีลักษณะที่เหมือนกันมากจนแยกไม่ออก แม้แต่คุณสมบัติของโลหะก็ยังเหมือนกัน มีดแทงไม่เข้า ไฟไม่ไหม้ ดังนั้น คนในใต้หล้านี้ต่างก็เรียกมันว่ากล่องเซิ้นใบที่สอง”
“ที่…เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
ซินเหยาตกใจตื่นขึ้นมาจากความสงสัยของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น
กล่องเซิ้นใบที่สอง?
กล่องเซิ้นใบที่สองมันโผล่ขึ้นมาในโลกนี้เหรอ?
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร?
กล่องเซิ้น
สำหรับคนของราชวงศ์ บางทีอาจจะเป็นถึงเครื่องรางชิ้นหนึ่ง
แต่ซินเหยาก็รู้ดี
เจ้าสิ่งนั้นไม่ใช่เครื่องรางอะไรเลยแม้แต่น้อย
นั่นเป็นแค่กล่องเหล็กชิ้นหนึ่งเท่านั้น
เป็นทั้งกล่องเหล็กที่ธรรมดามาก
และเป็นกล่องเหล็กที่พิเศษมากเช่นกัน
ที่บอกว่ามันธรรมดา ก็เพราะว่าทุกคนล้วนมีสิ่งนี้กันคนละใบ
ขอเพียงแค่เป็นสายลับของกรมการข่าวหน่วยงานลับของประเทศจีน
ทุกคนต่างก็มีกันคนละใบ
ที่บอกว่ามันพิเศษมาก
นั่นก็เพราะว่ากล่องของสายลับทุกคนล้วนไม่เหมือนกัน แม้กระทั่ง LOGO ของแสงไฟ LED แบบถาวรตรงมุมด้านซ้ายก็ยังไม่เหมือนกัน