บทที่ 291 เซินกุนระดับสูงสุด2
LOGO ด้านหน้ากล่องสายลับของซินเหยาเป็นดอกกุหลาบสีดำที่ใช้แสงเลเซอร์แกะสลัก…
ทั้งโลกมีกล่องสายลับเช่นนี้เพียงใบเดียว
นั่นก็คือของนางซินเหยานั่นเอง
อีกทั้งยังเป็นของศตวรรษที่ 21
ที่นี่ไม่รู้ว่าเป็นศตวรรษไหนแล้ว แม้กระทั่งไม่รู้ว่าดาวอะไร โลกนี้ถูกเรียกว่าราชวงศ์เทียนส้ง
เป็นโลกที่กล่องเซิ้นใบแรกโผล่ออกมา…
นั่นก็คือกล่องสายลับของซินเหยา
ภายในเวลาสั้นๆ นั้น เรือของซินเหยาถูกธนูไฟโจมตีเป็นจำนวนมากจนเกิดระเบิด
นางก็ข้ามเวลามาที่นี่แล้ว
กล่องสายลับเองก็ข้ามเวลามาเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าตอนที่กล่องเหล็กข้ามเวลามานั้น จะมาเร็วกว่านางหนึ่งร้อยสามสิบปี
การข้ามเวลาจริงๆ แล้วก็เป็นการท่องเที่ยวในช่องว่างของเวลาอย่างหนึ่ง ขอเพียงแค่มาด้วยความเร็วที่ไปถึงระดับความเร็วแสง หรือไม่ก็เข้าไปในรูหนอนช่องว่างของเวลาอื่น ก็อาจจะข้ามไปอีกเวลาหนึ่ง โลกอีกใบหนึ่งก็ได้
ตอนที่ระเบิดในตอนนั้น มีรูหนอนปรากฏออกมาพอดี
ซินเหยาจึงข้ามเวลามาจากรูหนอนหนึ่ง
แต่กล่องสายลับกลับข้ามเวลาเข้าไปในช่องว่างเวลาของรูหนอนอีกอันหนึ่ง
พื้นที่ที่ข้ามเวลาเข้ามาในช่องว่างเวลาของรูหนอนทั้งสองนี้เป็นที่เดียวกัน
แต่ว่าเวลากลับต่างกันถึงหนึ่งร้อยสามสิบปี
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
ซินเหยาเองก็ไม่รู้สึกว่าแปลกใจอะไร
แต่ว่ามันมีกล่องเซิ้นปรากฏออกมาอีกใบได้ยังไงล่ะ?
นางจำได้แม่น
บนเรือในตอนนั้น มีนางเป็นสายลับเพียงคนเดียว
นางก็มีกล่องสายลับเพียงใบเดียวเช่นกัน
ดังนั้นตอนที่เรือยอชต์ระเบิด เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสายลับคนอื่นนำกล่องสายลับอีกใบข้ามเวลามาด้วย
“ไม่”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะมีกล่องสายลับใบที่สองอย่างแน่นอน”
“จะต้องเป็นการเข้าใจอะไรผิดกันแน่ๆ”
“บางทีอาจจะเป็นแค่กล่องเหล็กที่เหมือนกับใบหนึ่งเท่านั้น”
“มีโลหะตั้งเยอะที่มีดฟันแทงไม่เข้า”
“ไม่ใช่โลหะที่ผสมไทเทเนียมแน่นอน”
ซินเหยาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจของนางกลับกลัวผลลัพธ์ที่จะออกมาเช่นนี้
ถ้าหากผลลัพธ์เป็นเช่นนี้จริงๆ นางก็ไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างไร
หรือว่าในช่องว่างของเวลานี้จะมีคนอื่นที่ข้ามเวลามาอีก?
อีกทั้งผู้ที่ข้ามเวลามาคนนี้ ก็เป็นสายสืบคนหนึ่งเหมือนกับนางงั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้
สถานการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?
มีคนที่ข้ามเวลามาเพราะการเกิดระเบิดเหมือนกัน เวลาก็เลยต่างกันหนึ่งร้อยสามสิบปี
ถ้าหากเป็นเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน หรือถูกดึงให้ข้ามเวลาไปในที่ที่ต่างกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะสามารถมาถึงเวลาและช่องว่างของเวลาที่เหมือนกันแน่นอน
ไม่ว่านี่จะมาจากวิทยาศาสตร์ หรือมาจากหลักเหตุผลของพลังงาน ต่างก็บอกว่ามันไม่เชื่อมต่อกัน
ซินเหยาเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าหนอนหนังสือ เจ้าเคยเห็นกล่องเหล็กนั่นหรือไม่? ก็คือกล่องเซิ้นใบที่สองนั่นแหละ?”
โอหยางซิงเฉินส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าก็แค่รู้ว่ามีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งเท่านั้น เรื่องนี้เป็นเฒ่าแก่จินของร้านจี้โม่จัดการมาโดยตลอด เขาเคยเห็นกล่องเซิ้นใบที่สองด้วยนะ”
ซินเหยาพูดว่า “แล้วเจ้าของกล่องเซิ้นล่ะ?”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “บางทีอาจจะมีแค่เฒ่าแก่จินที่รู้เรื่องนี้”
ซินเหยาพูดด้วยความผิดหวังว่า “เจ้าเป็นถึงเจ้าของร้านแต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย”
โอหยางซิงเฉินพูดว่า “ก็ข้าไม่ได้สนใจของล้ำค่าเหล่านี้แม้แต่น้อยยังไงเล่า อีกอย่างกล่องเหล็กใบเดียว ข้าก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นของหายากหรือแปลกประหลาดอะไร แต่ว่ามนุษย์กลับวิ่งกันอย่างเร่งรีบราวกับเป็ดเพื่อสิ่งนี้ เพียงแต่ว่า ถ้าจะพูดก็ต้องโทษคนคนเดียวแล้วล่ะ”
“ใคร?”
“เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ยินเฒ่าแก่จินบอกว่า ในใต้หล้านี้มีคนแปลกประหลาดโผล่มาคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเปิดกล่องเซิ้นที่มีอายุหนึ่งร้อยสามสิบปีของคนที่นำมาถวายในวังหลวงได้”
“อ่อ”
“กล่องเซิ้นเป็นเครื่องรางที่ถูกนำมาถวาย ตำนานและข่าวลือที่เกี่ยวกับกล่องเซิ้น มีมาอย่างต่อเนื่องกันหนึ่งร้อยกว่าปี แต่ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้ และไม่มีวิธีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากล่องเซิ้นเป็นเครื่องรางจริงๆ หรือไม่ และไม่มีวิธีที่จะพิสูจน์ได้ว่าในกล่องเซิ้นนี้มีอะไร”
“อ่อ”
ซินเหยาพยักหน้าด้วยอาการใจฝ่อเล็กน้อย
คนคนนี้ ก็คือตัวนางเอง
โอหยางซิงเฉินกลับไม่รู้แม้แต่น้อย ได้แต่พูดต่อว่า “แต่ได้ยินมาว่าจู่ๆ ก็มีคนประหลาดที่คิดไม่ถึงว่าจะสามารถเปิดเครื่องรางกล่องเซิ้นในพระราชวังได้ ด้วยเหตุนี้ ก็มีคนปล่อยข่าวลือออกมาอีกว่ามีกล่องเซิ้นใบที่สองปรากฏออกมาในโลกนี้แล้ว…เจ้าว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ คนทั้งโลกจะยินดีรีบเร่งไปดูกล่องเซิ้นใบที่สองราวกับเป็ดหรือไม่? ”
ซินเหยาแอบพูดว่า “เดิมทีหลังจากที่ข้าเข้าไปในพระราชวังเมื่อครึ่งเดือนก่อน คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ด้วย”
โอหยางซิงเฉินถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “เจ้าก็ไม่ได้หลบหนีจากโลกภายนอกเหมือนกับข้า หรือว่าเจ้าไม่ได้ยินข่าวนี้หรือ? เจ้ารู้ไหมว่าคนประหลาดที่เปิดกล่องเซิ้นนี้ได้เป็นใคร?”
ซินเหยาพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย “ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่แค่ตา”
สายตาของโอหยางซิงเฉินก็ฉายแววตื่นเต้นออกมา พูดว่า “เจ้า? คนผู้นี้เป็นเจ้าจริงๆ หรือ?”
ซินเหยาพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ามีความจำเป็นที่ต้องพูดโกหกงั้นเหรอ?”
โอหยางซิงเฉินพยักหน้า แล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเป็นเจ้า ข้าอยากรู้มากๆ เลยว่าเจ้าเปิดกล่องเซิ้นได้ยังไง ในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่?”
ซินเหยาจ้องไปที่เขาแล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? ว่าของล้ำค่าที่เห็นในงานชุมนุมขุมทรัพย์ในวันนั้นเป็นกล่องเซิ้นใบที่สอง?”
โอหยางซิงเฉินพูดอย่างจนปัญญาว่า “ก็เจ้าไม่เคยถามข้าไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง เจ้าก็ไปร่วมงานชุมนุมขุมทรัพย์ด้วยตัวเอง แต่กลับไม่เคยเห็นกล่องเซิ้นใบที่สอง บางทีเจ้ากับกล่องเซิ้นใบที่สองนั้นอาจจะไม่มีวาสนาต่อกันก็ได้”
ซินเหยาพูดว่า “วาสนาต่อกันงั้นเหรอ? พูดได้ง่ายดี ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ดี ไม่ว่าข้ากับกล่องเซิ้นจะมีวาสนาต่อกันหรือไม่ ชาตินี้ ข้าถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าให้หนีไม่พ้นจากการตามหาเบาะแสกล่องเซิ้นใบที่สองนั่น เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่ถางเปิ่นขุยแย่งกล่องเซิ้นใบที่สองนั่นไปแล้ว บางทีอาจจะไม่รู้เบาะแสของกล่องเซิ้นใบที่สองนั่นตลอดกาลแล้ว”
โอหยางซิงเฉินบอกว่า “แต่ว่าไม่ใช่เป็นแค่กล่องเหล็กแค่นั้นหรอกหรือ มีอะไรที่น่าตื่นเต้นกัน? หากเจ้าอยากได้ของล้ำค่า ในร้านจี้โม่ของข้าก็มีอยู่มากมาย…”
จู่ๆ สายตาของซินเหยาก็เป็นประกาย แล้วพูดขึ้นมาว่า “เจ้า…เจ้า…เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่าถ้าเจ้าอยากได้ของล้ำค่า ที่ร้านจี้โม่ของข้ามีอยู่มากมาย เจ้าชอบอะไร ก็สามารถไปเลือกได้ตามสบาย”
“ไม่ใช่ประโยคนี้”
“เมื่อกี้ข้าพูดอย่างนี้นะ”