บทที่ 470 นั่นคือผู้ชายคนหนึ่ง1
ส่วนอาหารในตะกร้าในมือของนางนั้นเบา ธรรมดาเป็นคำนำยามเดียวที่นางมอบให้ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้นางสามารถครุ่นคิดได้ แต่ว่าไม่สามารถเอ่ยถาม เมื่อครู่ห้องครัวยังเอ่ยเตือนนางโดยเฉพาะ หลังจากเข้าไปแล้วให้วางสิ่งของลงก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจให้มากนัก
นางย่อมตอบตกลงอย่างร้อนรนอยู่แล้ว น่าขัน ถ้าให้นางเอ่ยถามว่าด้านในจวนเว่ยโก๋กงนี้มีของมากน้อยเท่าใด หากว่านางไปไถ่ถามทั้งหมด เดาว่าไม่นานคงได้ไปพบท่านยมบาลแน่ ปรายตาปราดมองอย่างว่องไว ถ้าหากนางไม่ได้ตาฝาด เมื่อครู่มีใครบางคนจากไปอย่างลับๆ ล่อๆ ส่วนเป็นใครนั้น ก็ต้องขออภัยที่นางเป็นแค่คนมาใหม่ สามารถแบ่งแยกออกได้อย่างเดียวว่านั่นคือผู้ชายคนหนึ่ง
“สวัสดี ข้าน้อยเอาสำหรับอาหารวางไว้บนโต๊ะนะเจ้าคะ” เดิมทีวางลงแล้วเตรียมหมุนกายออกไป แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่านางเอาอาหารมาให้ คิดไปคิดมาสุดท้ายก็เอ่ยบอกก่อนหนึ่งประโยค หลีกไม่ให้มีใครบอกว่านางทำงานไม่ครอบคลุม
หมุนกายออกจากเรือนแห่งนี้ นางไม่กล้าแม้แต่จะใส่ใจภูมิทัศน์ด้านในเลยสักนิด สถานที่แห่งนี้ตอนที่นางมาทำความสะอาดก็คงรู้เอง ถ้าหากลักลอบสำรวจทั่วบริเวณล่ะก็ นางเดาว่าคงรู้เข้าถึงหูฮูหยินใหญ่อย่างรวดเร็วเป็นแน่
“กล้วย กล้วย ออกมาเร็ว…” เดินผ่านป่าไผ่ขนาดเล็ก ซินเหยาถูกเสียงเรียกรำไรดึงดูดสายตาไปมอง
เห็นเพียงแต่หญิงสาวคนหนึ่งสวมอาภรณ์ชั้นดีกำลังหมอบหาของอะไรบางอย่าง หากจะบอกว่าซินเหยารู้เรื่องเสื้อผ้านั้นได้อย่างไร ข้อนี้แม้แต่นางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เสมือนกับจิตวำนึกกลมกลืนไปกับธรรมชาติ
ถ้าหากสามารถเลือกได้ นางคงอยากจะเลือกไม่รับรู้ไม่มองเห็น แต่ว่านี่มันไม่มีทางเลือก เพราะว่าของเล็กๆ ที่ถูกเรียกอยู่นั้นอยู่ตรงปลายเท้าของนางพอดี
“เฮ้ จับมันไว้ หามีเลือดได้อย่างไรกัน” หญิงสาวนางหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเลิ่กลั่ก ทว่าพบว่าสถานที่ที่กล้วยวิ่งผ่านนั้นมีรอบยเลือด ถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะ
ซินเหยามองดูสิ่งเล็กๆ ที่เกือบจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หมอบกายลง มือกวาดกอบออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าสิ่งเล็กๆ นี่ก็เข้ามาอยู่ในมือนาง ที่แท้ก็เป็นกระต่ายตัวหนึ่ง เลือดนี้ก็ไหลออกมาจากขาของเจ้ากระต่ายตัวนี้ ทั้งยังดูท่าว่าจะเจ็บมาไม่น้อยเลย ถ้าหากวิ่งต่อไปเห็นชัดว่าคงจะแข็งใจได้ไม่นาน ไม่เช่นนั้นนางจะจับมันไว้อย่างง่ายดายได้อย่างไรกันเล่า
“ฮูหยิน กระต่ายของท่านเจ้าค่ะ” มองเห็นหญิงสาวที่ดูเหม่อลอย เมื่อครู่มองปราดเดียวก็จำได้ว่าเป็นผู้ที่ปรากฏกายในโถงใหญ่วันนั้นแต่ไม่ได้เอ่ยคำเลยสักแอะ…ฮูหยินรองนั่นเอง
ฮูหยินรองยื่นมือออกไปรับกระต่ายเอาไว้ด้วยความปวดใจ ทว่าตอนที่กำลังจะถึงมือนางนั้น เจ้ากระต่ายตัวนี้กลับสะดุดขาลง เลือดกระเซ็นไปโดนอาภรณ์ชั้นยอดของฮูหยินรองเข้า ฮูหยินรองมือไม้อ่อน เจ้ากระต่ายก็หมายจะกระโดดลงจากมือของนาง
“อา…” มองดูเจ้ากระต่ายที่กำลังจะร่วงตกลงมาด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว ฮูหยินรองหลับตาแน่นไม่กล้ามองดูฉากนี้
ซินเหยางัดไพ่ใบสุดท้ายรับกระต่ายที่กำลังจะร่วงตกเอาไว้ในอุ้งมือ ดูแล้วเลือดนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าชะตาชีวิตกระต่ายกลับหลั่งไหลออกไปทีละน้อย
“แคว้ก” เสียงฉีกเสื้อผ้าดังขึ้น ซินเหยาฉีกแขนเสื้อของตนออกเป็นชิ้นเล็กๆ การเคลื่อนไหวว่องไว แม้แต่การหาตำแหน่งก็ยังหาได้ดีขานั่นถูกห่อหุ้มเอาไว้อย่างดีด้วยความรวดเร็ว แม้แต่เลือดก็ไม่ได้ไหลออกมาอีกแล้ว
“เจ้า…” ตอนที่เกิดเสียงฉีกเสื้อผ้านั้น ฮูหยินรองลืมตาขึ้นมาแล้ว มองเห็นการกระทำทุกกระเบียดนิ้วของซินเหยา ค่อนข้างพิศวง หญิงสาวธรรมดาๆ คนนี้เฉียบขาดและหลักแหลมขนาดนี้เชียว แม้แต่การเคลื่อนไหวก็ยังดูไหลลื่น
ราวกับรับณรู้ได้ถึงสายตาของฮูหยินรอง ซินเหยารู้แก่ใจว่าเช่นนี้จะต้องเกิดความสงสัย ทำได้เพียงรอฮูหยินรองเอ่ยปากซักถาม นางย่อมไม่สามารถเป็นฝ่ายอธิบายอะไรออกมาก่อนอยู่แล้ว ต้องรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึงนั่นยิ่งไม่ใช่รสนิยมของนางเข้าไปใหญ่
“ฮูหยินรอง กระต่ายตัวนี้บาดเจ็บ เมื่อครู่ยังเสียขวัญอีก เกรงว่าทำเช่นนี้จะถ่วงได้ไม่นานแล้ว เอามันกลับไปแล้วยังต้องทายาที่ปากแผลให้อีกจึงจะได้ผล” วางกระต่ายลงบนมือของฮูหยินรองอย่างบรรจง ซินเหยาแย้มรอยยิ้มพิมพ์ใจ ทั้งๆ ที่บนเรือนกายมีรอยเปื้อนเลือดจากกระต่ายตัวนี้ แขนเสื้อก็หายไปข้าง แต่ว่ารอยยิ้มของนางยังทำให้ความบกพร่องทั้งหมดกลายเป็นความงามแบบอื่นได้
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะใจกล้าขนาดนี้ กระต่ายตัวนี้…” ฮูหยินรองหวนกลับสู่ความสง่างามและอบอุ่นดั่งในห้องโถงใหญ่วันนั้น
ใจกล้า ถ้อยคำนี้ทำให้ซินเหยานิ่งงันไป แต่ว่ามองสีหน้าตึงเครียดเมื่อครู่ของฮูหยินรอง นางเดาว่ากระต่ายตัวนี้มีที่มาไม่ธรรมดาเลย แต่ว่าใครกันนะที่บังอาจขนาดนี้ แม้แต่กระต่ายก็ยังไม่เว้น
“เรียนฮูหยินรอง ข้าน้อยมาจากชนบท บางครั้งก็ตามลุงหนิวขึ้นเขา สัตว์ตัวน้อยบาดเจ็บก็เป็นเรื่องเห็นได้บ่อย ดังนั้นจึงเรียนรู้ทักษะมาจากลุงหนิวบางก็เท่านั้นเจ้าค่ะ” ตอนที่เอ่ยวาจานี้ ในสมองของซินเหยาผุดฉากภาพอย่างหนึ่งแวบเข้ามา ในฉากนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งเผชิญหน้ากับเสือสองตัว นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ใบหน้านั้นไม่ใช่ของตนเองแท้ๆ หรือว่าคนผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองหรือ
“คิดไม่ถึงว่าเป็นคนที่มีจิตใจเมตตากันทั้งหมดสินะ เจ้าชื่ออะไร” ฮูหยินรองลูบหัวเจ้ากระต่ายน้อยที่อยู่ในอ้อมอก ราวกับกำลังปลอบประโลมมันว่าไม่ต้องกลัวขนาดนั้น มีนางคอยอยู่ข้างๆ ตลอด เหมือนกันความรักที่แม่มีต่อลูกน้อยก็ไม่ปาน
“ข้าน้อยชื่อซินเหยาเจ้าค่ะ” นางค่อยๆ คุ้นชินกับชื่อนี้บ้างแล้ว มันวนเวียนอยู่แถวๆ ริมฝีปากทุกครั้งที่เอ่ยออกมามักจะกระดากปากเสมอ คิดไม่ถึงว่าพูดจนชินแล้วมันก็ค่อนข้างสบายใจอย่างนี้นี่เอง
“ซินเหยา ซินเหยา ชื่อนี้…” จู่ๆ ฮูหยินรองก็เงยหน้าขึ้น แววตาดูแปลกยิ่งนัก แปลกเสียจนซินเหยาไม่เข้าใจ
“ฮูหยินรู้จักชื่อนี้…” ซินเหยาหวังว่าฮูหยินรองจะรู้จักชื่อนี้ ไม่ว่าจะอย่างไร นางมักจะรู้สึกตนเองมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะอย่างไรความทรงจำเหล่านั้นกลับขุดไม่ขึ้น และยิ่งไม่มีใครรู้จักอีก