นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก – ตอนที่ 563

ตอนที่ 563

ตอนที่563 ท่านเป็นอะไรกับข้า

นึกขึ้นได้ว่าเวลานี้ซินเหยาน่าจะดีขึ้นบ้างแล้วกระมัง เขาต้องการจะไปดูเสียหน่อย

“พวกเจ้าออกไปให้หมด!” ซินเหยาเอ่ยเสียงเย็นชา สายตามองสำรวจไปทางสาวใช้ ชั่วพริบตาเดียวบรรยากาศดูเหมือนจะถูกแช่แข็งในทันที

สาวใช้เหล่านั้นมองเห็นแววตาของซินเหยา สีหน้านั่นค่อนข้างน่ากลัว เห็นว่าโจว๋หยุนถิงปรากฏกาย ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“คารวะเจ้านาย!” สาวใช้ไม่กี่คนนั้นคุกเข่าลงทันใด

โจว๋หยุนถิงพยักหน้า โบกมือส่งสัญญาณให้คนพวกนั้นถอยออกไป

“ซินเหยา เป็นอะไรไป” โจว๋หยุนถิงแย้มรอยยิ้มอ่อนโยน หมายจะไปดึงมือของซินเหยาเอาไว้ แต่กลับถูกซินเหยาเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็ว โจว๋หยุนถิงเห็นว่าซินเหยาหลบเลี่ยงตนเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวด

“ท่านเป็นคนช่วยข้า?” ซินเหยามองชายหนุ่มที่ดูอ่อนปวกเปียกแบบนี้ จะเป็นเขาได้อย่างไรกัน

โจว๋หยุนถิงเห็นแววไม่เชื่อในสายตาของซินเหยา ก็ค่อนข้างทุกข์ระทม ได้ยินว่านางสูญเสียความทรงจำ ไม่รู้จักแม้กระทั่งตนแล้ว ตอนนี้ซ้ำยังหลบตนแทบไม่ทันแบบนี้อีกด้วย ในใจช่างเจ็บปวดยิ่งนัก เขาต้องการปกป้องไม่ให้นางได้รับอันตรายใดๆ อีก และคนที่เคยทำร้ายนางพวกนั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยไปโดยเด็ดขาด

“ถือว่าเป็นข้าช่วยนั่นแหละ” โจว๋หยุนถิงตอบคำถามอย่างค่อนข้างจำใจ

แต่เดิมซินเหยาก็ไม่ถือว่าเชื่อมากนัก ตอนนี้เขาตอบคำถามแบบนี้ นางก็รู้ว่ามันจะประมาณไหน ถึงแม้จะไม่ค่อยชัดเจนว่าตนมาถึงที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็ค่อยยังชั่วกว่าอยู่ภายใต้อำนาจบาตรใหญ่ของสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเว่ยโก๋กงคนนั้นเป็นไหนๆ ซินเหยาคิดเช่นนี้แล้วสีหน้าจึงผ่อนปรนลงมาก และสลัดอะไรไปได้เยอะมาก

“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านด้วย! วันหน้าจะตอบแทนแน่!” กล่าวจบ ซินเหยาก็หมุนกายหมายจะจากไป

“เจ้าจะไปไหน” โจว๋หยุนถิงคว้ามือของซินเหยาเอาไว้

ซินเหยาสะบัดทิ้งอย่างหงุดหงิด จากนั้นจึงมองทางโจว๋หยุนถิงด้วยท่าทีเฉยเมย “ท่านเป็นอะไรกับข้า”

โจว๋หยุนถิงนิ่งงัน จากนั้นจึงแย้มยิ้ม “ซินเหยา ข้าคือพี่ชายของเจ้าไง!” พูดจบก็เข้าใกล้ซินเหยาอย่างช้าๆ

แต่เห็นชัดว่าซินเหยาไม่ได้ตื้นตัน และร้องอ้อออกมาอย่างราบเรียบ จากนั้นจึงวกกลับไปนั่งบนตั่งตามเดิม “เช่นนั้นข้าไม่ไปแล้ว!”

ครั้นได้ยินว่าซินเหยาไม่ไปแล้ว โจว๋หยุนถิงก็ดีอกดีใจยกใหญ่ ดึงซินเหยาเอาไว้พูดคุยจิปาถะเกี่ยวกับเรื่องวัยเด็กของทั้งสองเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม

ซินเหยาทำเพียงมองทางโจว๋หยุนถิงอย่างเงียบๆ ฟังเขาพูดถึงอดีตอย่างมีความสุข

ในขณะที่โจว๋หยุนถิงกำลังพูดถึงตอนที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ ชายคนหนึ่งพลันเข้ามากระซิบข้างหูเขาสองสามประโยค เห็นเพียงแต่สีหน้าโจว๋หยุนถิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ซินเหยา ข้ามีธุระนิดหน่อย เจ้าอยู่คนเดียวไปก่อนนะ มีอะไรจะสั่งแค่เรียกสาวใช้ก็พอ ข้าจะให้พวกนางอยู่คอยปกป้องเจ้า ไม่ให้เจ้าได้รับอันตรายอีกแล้ว!” กล่าวจบ โจว๋หยุนถิงก็เตรียมยันกายลุกขึ้นและจากไป

“รอเดี๋ยว เอาคนที่มาปกป้องข้าแยกตัวไปให้หมด ท่านรู้ว่าข้าไม่ชอบให้ใครมาจ้องข้าอย่างนี้ ดูเหมือนไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!” ซินเหยาพูดไปตามอารมณ์เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าสีหน้าโจว๋หยุนถิงจะเปลี่ยนไป ดึงซินเหยาพลางเอ่ยคำ “เจ้าคิดอะไรออกบ้างแล้วใช่ไหม”

ซินเหยามีสีหน้าไม่เข้าใจ จู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตนพูดอะไรออกไป จากนั้นจึงทำหน้าขรึมลงมา “ข้าก็ชอบอย่างนี้มาตลอดนั่นแหละ!”

บางทีอาจจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างจริงๆ โจว๋หยุนถิงอพยพคนที่คอยอารักขาพวกนั้นออกไปตามคำเรียกร้องของซินเหยา จากนั้นจึงออกไปอย่างรีบเร่ง

ซินเหยามองไปทางเงาหลังที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จากนั้นก็กลายเป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่ง

ซินเหยาในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะไปเชื่อใจใครสักคนได้อย่างไร ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏกายมาเมื่อครู่นี้บอกว่าเป็นพี่ชายของตน เหมือนพี่ชายแบบมีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวเสียมากกว่า! นางไม่อยากถูกจับมาพัวพันเพียงเพราะอดีตของนาง ก็เพราะมันผ่านไปแล้ว คนทั้งหมดต่างคิดคำนวณวางแผนต่อนาง แม้แต่ป้าหนิวที่อยู่กับตนมาตั้งสี่ปียังหลอกนางเลย เช่นนั้นยังมีใครที่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง คิดถึงตรงนี้ ซินเหยาจึงทำการตัดสินใจมาดมั่น

นางนั่งสมาธิบนเตียงทันที ไม่ว่าจะอย่างไร การฟื้นตัวของกำลังภายในก็สำคัญมาก

รัตติกาลค่อยๆ คล้อยลงมา เวลานี้ ในพระตำหนักบิงฉือ สตรีอายุมากนางหนึ่งกำลังขมวดหัวคิ้ว

“ฮ่องเต้ยังไม่กลับมาหรอกหรือ” สตรีคนนั้นปริปากเอ่ยถามผู้ที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง ในถ้อยวาจานั้นแฝงด้วยความดุดันและทรงพลัง

ร่างกายคนผู้นั้นขยับเล็กน้อย โขกศีรษะลงบนพื้นจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา “ทูลไทเฮา ฮ่องเต้ยังมิทันเสด็จกลับพ่ะย่ะค่ะ”

“เพล้ง!” ชาบนโต๊ะถูกไทเฮาปัดร่วงลงบนพื้น “ข้าไม่เคยเตือนพวกเจ้าก่อนหรอกหรือ ฮ่องเต้ออกไปจะต้องรายงานให้ข้าทราบ พวกเจ้าถึงยังให้ข้าไปหาด้วยตัวเองถึงรู้ หากไม่ใช่ข้าได้รับจดหมาย เกรงว่าป่านนี้ก็ยังจะถูกปิดอยู่ในไขกระดูกอยู่สินะ!”

น้ำชาร้อนจัดกระเซ็นใส่บนหลังมือของคนที่ฟุบอยู่บนพื้นผู้นั้น แต่เขาไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมา ทำได้เพียงอดกลั้นความเจ็บและฟังคำบริภาษจากไทเฮา

“ไทเฮาโปรดทรงประทานอภัย เป็นฮ่องเต้ที่ไม่ยอมให้พวกบ่าวพูด ไทเฮาได้โปรดทรงประทานอภัยด้วย!” คนผู้นั้นโขกศีรษะไม่หยุด น้ำเสียงคล้ายกับจะร้องไห้ ก็ไม่รู้ว่าถูกด่าทอจนเสียขวัญหรือว่าถูกน้ำร้อนลวกกันแน่ แต่ท้ายที่สุดก็หาที่ระบายออกมาจนได้

“ข้าจะบอกเจ้านะ ไม่ต้องเอาฮ่องเต้มาข่มข้าเลย จะบอกเจ้าว่าข้าเป็นถึงมารดาแท้ๆ ของฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าฮ่องเต้จะทะเลาะกับข้าเพื่อพวกเจ้ากระนั้นหรือ” ประโยคนี้ของไทเฮาก็แค่อยากจะบอกให้พวกบ่าวไพร่บริวารเข้าใจถึงลำดับความสำคัญของตัวบุคคล

“พ่ะย่ะค่ะ บ่าวเข้าใจแล้ว ขอบพระทัยไทเฮาที่ชี้แนะ!”

เป็นบ่าวต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก ต้องคอยดูสีหน้าทุกอย่างของเจ้านาย ซ้ำยังต้องดูว่าตนจะจัดการอย่างไรดี มิเช่นนั้นกบาลของตนก็ไม่รู้ว่าจะหลุดออกไปตอนไหน

ไทเฮาได้รับแรงกระตุ้นจนเพียงพอแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว “รู้แล้วก็ดี ไม่มีครั้งหน้าแล้ว ออกไปเถิด!” ไทเฮาขยับพระหัตถ์ คนผู้นั้นจึงวิ่งออกไปอย่างลนลาน กลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีโอกาสเอาชีวิตที่กว่าจะรักษามาได้อย่างยากลำบากนี้รอดออกมาได้เสียแล้ว

สายตาไทเฮาเย็นเยียบ มันดูเย็นเยียบกว่าและไร้ความปรานีกว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด เอื้อมมือไปหยิบภาพเหมือนที่สาวใช้คนนั้นยื่นมาให้กับชายชุดดำคนหนึ่ง

“ตามหาคนๆ นี้ให้ข้าที และสังหารทิ้งในนามของฮ่องเต้เสีย”

“ขอรับ ข้าน้อยรับบัญชา” คนผู้นั้นรับภาพเหมือนมาถือไว้ ก่อนจะคุกเข่าคำนับ จากนั้นจึงทูลลาอย่างรวดเร็ว

สีพักตร์ของไทเฮาแย้มรอยยิ้มอึมครึม “ครั้งนี้ จะให้เจ้าตายอย่างถ่องแท้เสียหน่อย”

ซินเหยาพ่นลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกมา และสูดลมหายใจกลับอีกครั้งอย่างเชื่องช้า ในที่สุดก็ถือว่าดีขึ้นมามากแล้ว ดูท่าประสิทธิภาพของวรยุทธ์วิถีใจที่บิงส่งให้เมื่อคราวก่อนจะดีเข้าท่าจริงๆ นะ

บิง ครั้งนี้ข้าจะตั้งใจแก้แค้นแทนเจ้าอย่างแน่นอน

แววตามาดมั่นของซินเหยามองไปทางที่ตั้งของจวนเว่ยโก๋กง ในใจมุ่งมั่นผิดธรรมดา

ทันใดนั้นนางก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเว่ยโก๋กงเคยพูดไว้หนึ่งประโยค นางออกเรือนแล้ว ซ้ำยังมีลูกแล้วด้วยหนึ่งคน

คิดๆ ดูก็รู้สึกว่าน่าขัน ตนหายตัวไปสี่ปี ก็ไม่มีคนมาตามหา ดูท่าคงจะเป็นเจ้านายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานสักเท่าไหร่สินะ

ลูก? นึกถึงตรงนี้ ก็ถึงกับมีความรู้สึกของคนเป็นแม่เอ่อล้น ซินเหยายิ้มๆ แก้แค้นก่อน ค่อยตามหาคน ตอนนี้ไม่มีใจความหลักก็มีเพียงแบบนี้เท่านั้นแล้ว

ตอนกลางคืน ซินเหยาเห็นว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นพี่ชายผู้นั้นยังไม่ทันมา จึงคิดว่าเรื่องราวนั้นคงไม่ใช่เรื่องเล็ก เช่นนั้นนางก็คงสามารถอาศัยยามราตรีเช่นนี้หนีไปได้กระมัง นางไม่อยากถูกจองจำกับสิ่งที่ไม่ล่วงรู้เหล่านี้

แต่ว่านางเองก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่นายที่อวดเก่งแบบไม่มีธุระ จึงค้นภายในห้อง ซินเหยาหาสิ่งของที่เป็นราคาได้หลายอย่าง หลังจากนั้นจึงอาศัยจังหวะตอนกลางคืนหนีไป นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมนางต้องให้คนผู้นั้นอพยพคนที่คอยอารักขาตนออกไป ก็เพียงแค่เพื่อสะดวกต่อการหลบหนีเท่านั้นแหละ

เหลียวหลังกลับไปมองห้องๆ นี้อีกแวบหนึ่ง นึกถึงความอ่อนโยนของชายผู้นั้น ซินเหยาหมุนกาย และลอยตัวบินไปด้านนอกหนีออกจากเรือนแห่งนี้ ไม่มีท่าทียึกยักแม้เพียงครึ่งเสี้ยว

โจว๋หยุนถิงในยามนี้กำลังนั่งอยู่ในห้องโถง ฟังการรายงานเข้ามาของทางฝั่งนั้น

“เจ้าว่าอะไรนะ ท่านแม่ข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว?” โจว๋หยุนถิงค่อนข้างตกใจกับข่าวคราวที่มาอย่างฉับพลันเช่นนี้ มองไปทางคนที่อยู่เบื้องล่างอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

คนผู้นั้นก็รู้ว่าโจว๋หยุนถิงเป็นลูกชายกตัญญูคนหนึ่งเสมอมา “ข้าน้อยได้ยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ติดต่อกับน้าเมิ่งได้แล้ว น้าเมิ่งแค่บอกว่าฮูหยินใกล้จะถูกช่วยออกมาแล้ว แต่ไม่ได้พูดอย่างอื่น บอกให้นางมาพบเจ้านาย นางบอกว่านางไม่มีหน้าจะมาหรอกขอรับ”

โจว๋หยุนถิงรู้นิสัยของน้าเมิ่ง ย่อมไม่บีบบังคับนางเป็นธรรมดา ในตอนแรกยังมีน้าเมิ่งดูแลตน ไม่อย่างนั้นเกรงว่าตนคงจะไปพบท่านยมบาลตั้งนานแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราส่งคนไปสะกดรอยตามน้าเมิ่ง ห้ามยื่นมือออกไปถ้าไม่สุดวิสัย ส่วนเรื่องอื่นก็จัดการตามสถานการณ์ได้เลย”

โจว๋หยุนถิงบัญชาเสร็จ ก็หันหน้ามองไปทางหาน “เจ้าว่าเรื่องที่ซินเหยาสูญเสียความทรงจำเป็นเรื่องจริงไหม แต่ข้ามักจะรู้สึกว่านิสัยของนางดูเย็นชากว่าเมื่อก่อนนัก นางเคยผ่านประสบการณ์อะไรมาก่อนกันแน่นะ”

ขณะที่โจว๋หยุนถิงเอ่ยถ้อยคำนี้ใบหน้าก็เปี่ยมด้วยแวววิตก

หานแน่นิ่ง นึกถึงเมื่อก่อนไปเรื่อยเปื่อยว่าบิงเคยพูดถึงเรื่องของซินเหยา หัวใจเจ็บแปลบ แต่คิดว่าอย่าให้เจ้านายเป็นกังวลใจ เขาจึงทำได้เพียงกล่าวความเท็จ “ข้าน้อยก็ไม่ค่อยรู้ชัด แต่เจ้านาย ข้าน้อยอยากจะนำเถ้ากระดูกของบิงกลับมา ข้าน้อยรู้สึกว่านางคงไม่เต็มใจหมกอยู่ที่ภูเขาด้านหลังแสนหนาวเหน็บนั่นหรอก”

ได้ยินหานกล่าวมาเช่นนี้ โจว๋หยุนถิงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าปฏิบัติต่อผู้ใต้บัญชาอย่างมีเมตตาอารี ก็รีบตกปากรับคำขอของหานอย่างรวดเร็ว

รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดโบกอยู่ด้านนอก โจว๋หยุนถิงตั้งสติทำสมองให้ปลอดโปร่ง เขาเป็นกังวล คนที่กังวลใจก็เป็นคนในครอบครัวทั้งหมด มิใช่คนเพียงคนเดียว จู่ๆ ก็ค่อนข้างสับสน เขาเป็นถึงนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ ก่อร่างสร้างจักรวรรดิกิจการนี้ขึ้นมาได้ แต่กลับแก้ไขปัญหาอีกหลายๆ เรื่องไม่ได้เลย

“ฮ่องเต้โปรดทรงวินิจฉัย แม่นางซินเหยาถูกเว่ยโก๋กงกักขังอยู่ในห้องนั้นตลอด จากนั้นจึงถูกลากออกไป อีกทั้งตอนนั้นประจวบกับเป็นวันรำลึกของสองฮูหยิน วันนั้นห้องๆ นั้นเป็นห้องพำนักของแม่นางซินเหยาพอดี”

“เรียกเว่ยโก๋กงมาให้ข้า ข้าจะฆ่าเขาเสีย” ฮ่องเต้มีพระพักตร์เคร่งขรึมผุดแววต้องการสังหารเว่ยโก๋กงในบัดดลออกมา

คนผู้นั้นเห็นว่าฮ่องเต้ดูฮึกเหิมปานนั้น จึงทรุดตัวคุกเข่าลงกล่าวต่อฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ไม่ได้โดยเด็ดขาด พระองค์ไม่ทรงทราบว่าตอนนี้ยังแตะต้องเว่ยโก๋กงไม่ได้เชียวหรือ”

“บูม!” ครั้นฮ่องเต้ได้ฟังลูกน้องเอ่ยเช่นนี้ ก็ซัดฝ่ามือออกมา โต๊ะตัวนั้นก็ถูกหักเป็นสองท่อน

“ออกไป ให้ข้าได้สงบเสียหน่อย ตอนนี้กิจการของเขาไม่ได้ถูกริบหมดแล้วหรอกหรือ นั่นก็ดีเลย พวกเจ้าให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติความขมขื่นเสียหน่อย”

ขณะที่ฝ่าบาทเอ่ยวาจานี้ เส้นเลือดแทบจะปูดทะลุออกมา

เมื่อคนผู้นั้นได้ยินฮ่องเต้วางแผนแล้วจึงเตรียมตัวทูลลา จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ฉุกคิดอะไรได้ขึ้นมา “ไปตามหาคนให้ข้าต่อด้วย”

เขาต้องการตามหาคนๆ นั้นให้พบ คิดจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน เขามาช้าไปเสียแล้วหรือ ใช่ วันนั้นถ้าไม่ใช่สุนัขทาสคนนั้นต้องการให้ตนพักประชุม เขาก็คงไม่คลาดกับนางหรอก

ครั้นนึกถึงชิ้นส่วนกระจัดกระจายบนเตียงนั่น เขาก็สาบานว่าจะฉีกทึ้งทำลายร่างเว่ยโก๋กงให้เป็นชิ้นๆ!

ซินเหยาออกมาจากจวนของโจว๋หยุนถิง นางก็มีแผนการของตนเองเรียบร้อยแล้ว อันดับแรกนางมีของมีค่าหลายชิ้นที่เอามาจากจวนโจว๋หยุนถิงออกไปจำนำโก่งราคาที่โรงรับจำนำ จากนั้นก็หนีออกจากโรงรับจำนำด้วยความรวดเร็ว ต่อมานางก็นึกถึงร้านค้าหลายแห่งที่ตนเปิดบริการ

กิจการนั้นล้วนมีเครื่องหมายที่นางสร้างเอาให้ทั้งหมด ขอเพียงนางแค่บอกรหัสลับถูกต้อง เช่นนั้นก็สามารถทำให้คนพวกนั้นจำเจ้านายได้แล้ว นี่คือสาเหตุที่นางมอบทุกสิ่งให้หานจัดการอย่างวางใจ

แต่ว่า ครั้งนี้นางมิอาจไปพบเว่ยโก๋กงด้วยสถานะในตอนนี้ นางสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ จากนั้นจะค่อยๆ สูบเลือดของเว่ยโก๋กงทิ้งทีละนิดทีละหน่อย

อาศัยกลุ่มคน ซินเหยาเข้าไปในร้านแป้งน้ำแต้มชาดแห่งหนึ่งอย่างระแวดระวัง

“แม่นางต้องการแป้งน้ำแต้มชาดแบบไหนดี เชิญชมตามสบายนะ” เถ้าแก่เข้ามาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นอย่างผิดปกติ ใบหน้านั้นยิ้มแป้นแล้นออกมา

ซินเหยาไม่เอ่ยวาจา ทำเพียงมองสำรวจเถ้าแก่แวบหนึ่งอย่างเย็นชา จากนั้นจึงชี้ไปที่สิ่งของหลายกล่องนั่น

เถ้าแก่คนนั้นก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาด เห็นว่าซินเหยามีจุดประสงค์เช่นนี้ ก็ไม่พูดมากความ กวักมือเรียกเด็กในร้านของตนมาห่อหีบสิ่งของที่ซินเหยาต้องการอย่างว่องไว

ซินเหยารับสิ่งของที่เถ้าแก่ยื่นมาให้ จากนั้นจึงล้วงเงินพวงหนึ่งออกมา ไม่พูดมากความ โยนให้เถ้าแก่แล้วก็เดินหนีไป แน่นอนนางก็ไม่ได้คาดหวังจะให้เถ้าแก่พูดพล่ามอะไรด้วย

เถ้าแก่คนนั้นมองเงาหลังของซินเหยาแวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าและออกไปทักทายลูกค้าคนอื่นอย่างหน้าชื่นตาบาน

แต่ว่ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่คาดหวังให้เรื่องใดเกิดขึ้น กลับถูกชนกระแทกเข้ามาอย่างจัง ซินเหยาระวังอย่างมากแล้ว ออกไปไม่ทันไร ก็ถูกคนสองคนชนเข้าให้

“ขออภัย” สองคนเอ่ยหนึ่งประโยคอย่างส่งๆ และปาดไหล่เดินผ่านซินเหยาไป ซินเหยาเองก็ไม่ได้ใส่ใจ นางคิดแต่จะหาเรือนพักแขกไว้อาศัยสักหน่อย จากนั้นจึงแต่งหน้าแปลงโฉม แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวการโอ้อวดอะไรแล้ว

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

Status: Ongoing

ซินเหยาเป็นสายลับผู้อัจฉริยะ แต่ในการทำภาจกิจครั้งแรกกลับล้มเหลวแล้วได้ข้ามภพตกลงบนเตียงของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้อำมหิตที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ต้องหยุดลง ซินเหยาที่โดนวางยาโป๊นึกว่าฮ่องเต้เป็นคนขายบริการพิเศษ หลังเสร็จเรื่องก็ทิ้งเงินไว้แล้วจากไป ซึ่งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกความมีเกียรติของเขาถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้วไหม แต่สำหรับนางแล้วฮ่องเต้อำมหิตคืนคนที่เอาไว้มาทรมาน เงินเอาไว้มาใช้ วรยุทธเอาไว้มารังแกผู้อ่อนแอ ส่วนความสวยนั้นก็เอามายั่วผู้ชายสิ…..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน