ตอนที่ 378
“ว้า เพื่อนของคุณอา ฉันก็อยากรู้จักด้วย” ปาณีพูด
อย่างตั้งความหวัง
ธามนิธิพูดว่า “ไว้คราวหน้าจะแนะนำให้เธอได้รู้จัก เห็นสองสามวันนี้เธอยุ่งอยู่ จึงไม่ได้ให้เธอไปด้วย
ธามนิธิรู้ดี ปาณีเป็นคนที่เห็นเรื่องของมหาวิทยาลัย สำคัญกว่าเรื่องอื่นใดทั้งหมด
ดังนั้นจึงไม่อยากพาเธอออกไปข้างนอก ให้เสียเวลา ทํากิจกรรมของเธอ
ปาณียิ้ม “เพื่อนของคุณเห็นฉันแล้ว จะหัวเราะคุณ หรือเปล่า?” “หัวเราะเรื่องอะไร?
” ธามนิธิชงชาให้ตัวเอง ปาณีตอบว่า “หัวเราะว่ามีภรรยาที่ไม่รู้เรื่องสักอย่าง เธอรู้ตัวว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่เธอต้องเรียนรู้ ตัวเธอเองในตอนนี้ ความรู้ก็น้อย ทำอะไรก็ไม่ค่อย
เป็น
บางทีแค่กุมมือใครสักคน ก็รู้สึกกังวลใจแล้ว…
ถ้าเกิดเพื่อนของเขามาเจอเธอ คงหัวเราะเยาะคุณ อา เธอกลัวว่าจะทําให้ธามนิธิต้องขายหน้า
ธามนิธิพูดว่า “พวกนั้นไม่กล้าหัวเราะหรอก” ปาณียิ้มออกมา “ก็จริง ฉันมีคุณอาคอยปกป้องอยู่ ทั้งคนนี่นา !”
“.………” เขาเอามือถูไปที่หัวของเธออย่างเอ็นดู “รีบ ทานข้าวเถอะ !”
หลายวันนี้ไม่ได้เจอหน้า รู้สึกคิดถึงเธอมาก
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ปาณีนั่งอยู่ในอ้อมกอดของธา
มนิธิ สองคนนั่งที่ริมหน้าต่าง มองดูต้นคริสต์มาสที่อยู่ด้าน นอก ในห้องไม่ได้เปิดไฟ ต้นคริสต์มาสแลดูสงบนิ่งและดู
ศักดิ์สิทธิ์ ปาณีที่อยู่ในอ้อมกอดของธามนิธิ รู้สึกมีความสุขยิ่ง นัก
สิบแปดปีที่ผ่านมา เธอมักคิดว่า ขอเพียงมีของอร่อย ให้ทานก็มีความสุขแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เธอให้นิยามคำว่าความสุขขึ้นใหม่ นั่นก็ คือ มีเขาอยู่ข้างๆ คอยเอาใจใส่ ให้ความรัก นี่ต่างหากคือ ความสุข
ปาณีรู้สึกว่ามือของเขาอุ่นเป็นพิเศษ เขาดึงมือเธอ เข้ามากุมไว้ในมือ ถามอย่างรักใคร่ว่า “งานแสดงฉลอง คริสต์มาสเป็นยังไงบ้าง?
เอ่ยถามถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกเสียใจของปาณีก็หลั่ง ออกมา “ฉันไม่ได้แสดงค่ะ” ทำไมล่ะ?” ”
พวกเพื่อนๆต่างลือกันว่าฉันท้อง ตอนหลังอาจารย์ก็ ว่าฉันท้องด้วยอีกคน ไม่ยอมให้ฉันแสดง แต่ให้โมรีแสดง แทน” พูดถึงโมรี ในใจของปาณีรู้สึกเสียใจมาก เจ็บใจ มาก
สองวันมานี้นอกจากที่ต้องซ้อมบทกันแล้ว สองคนนี้ก็ ไม่พูดจากันเลย
พอธามนิธิได้ฟัง ก็รู้สึกตกใจ “ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้ ตอนที่โทรคุยกัน? เธอไม่เชื่อฟังฉันแล้วหรือ?”
“เปล่าไม่เชื่อฟังคุณนะคะ” ปาณีตอบอย่างสัตย์จริง “ฉันเชื่อฟังคุณจะตาย !
ธามนิธิวางคางลงบนไหล่ของปาณี ถอนหายใจ “เคย บอกแล้วว่า มีอะไรอย่าปิดบังกัน ถ้าเธอบอกฉัน ฉันคง รีบกลับมาแล้ว”
แต่ปาณีไม่ใช่คนประเภทที่ยอมให้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ มาทําให้เขาต้องเสียการงาน
เธอมองหน้าเขา ยิ้มพลางปลอบโยนว่า “ไม่มีอะไร หรอกค่ะ ฉันก็โตขนาดนี้แล้ว แค่โดนดูถูกนิดหน่อยทำไม จะทนไม่ได้คะ อีกอย่าง วันนี้คุณแม่กับพี่จันวิภาก็ไปหาที่ มหาวิทยาลัยด้วย สั่งสอนอาจารย์เสียยกใหญ่ พวกท่าน โกรธแทนฉันไปแล้วค่ะ”
ธามนิธิถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อว่า “งั้นฉันก็เป็นคน สุดท้ายที่รู้เรื่องน่ะสิ?” ปาณีฟังน้ำเสียงแล้วก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ จึงอธิบายว่า “คุณอาอย่าเพิ่งโกรธค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ และฉันก็ ไม่ใช่เด็กเล็กๆด้วย ที่จะต้องให้คุณอาคอยแก้ปัญหาให้ ทุกครั้ง คนเดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ ชอบพูดนินทาลับ หลัง คนที่สร้างความเดือดร้อนให้ฉันก็มีแค่โมรี….เพราะ เธอชอบเวทัส ฉันนึกไม่ถึงจริงๆค่ะว่า เธอจะเป็นเหมือนติร ยา แทงข้างหลังฉันได้ลงคอ”
พูดถึงตอนนี้ ในตาของปาณี ก็แสดงความเศร้า เสียใจออกมา
“โมรีหรือ?” ธามนิธิขมวดคิ้ว
เด็กผู้หญิงที่เคยมาที่บ้าน ดูสนิทสนมกันดีกับปาณี ปาณีตอบอย่างเสียใจ “ใช่ค่ะ ! คุณอาว่า บนโลกนี้
จะไม่มีคนที่เราสามารถเชื่อใจได้เลยหรือคะ?”