MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม – ตอนที่ 876-880

ตอนที่ 876-880

ตอนที่876 ของขวัญที่คาดไม่ถึง
  ชยรพเตือนอย่างไม่วางใจอีกครั้ง “โมรี เธอห้ามบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด เข้าใจไหม? ไม่งั้นฉันเละเป็นโจ๊กแน่!”
  เมื่อเห็นว่าโมรีมองตัวเองอย่างงงงัน เขาก็พูดแทนเวทัสที่โทรหาเขาและคำกำชับจากนภันต์ออกมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
  “ดังนั้น ตอนนี้ถ้าลุงธามนิธิหรือคนอื่นรู้ที่อยู่ของปาณี ฉันก็จะหลายเป็นคนทรยศชื่อเสียงของฉัน นั่นคือความซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ ทุกอย่างจะจบสิ้นลงเข้าใจไหม?”
  เมื่อมองดูชยรพที่มีท่าทีจริงจัง โมรีก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยได้ แต่พอนึกถึงปาณี เธอก็ถอนหายใจออกมา “ปาณี เกือบจะถูกแทงทีนาร์แทง มาตอนนี้กับเกิดเรื่องขึ้นมาอีก ชีวิตของเธอทำไมถึงทุกข์ทนขนาดนี้? เธอช่างน่าสงสารจริงๆ! ”
  ”อะไรนะ? เดี๋ยวนะ ใครถูกใครแทง? มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไร ทำไมฉันถึงไม่รู้?” เมื่อชยรพได้ยินคำพูดของแฟนสาว เขาก็รียขัดจังหวะและเอ่ยถามอย่างใจจดใจจ่อ
  โมรีขยี้หัวและเอ่ยคร่ำครวญ “เมื่อสองวันก่อน ตอนฉันกลับไปที่หอพัก ฉันเห็นทีนาร์รีบพุ่งเข้าไปหาปาณีพร้อมๆกับมีด โชคดีที่เธอตกใจฉันกดถอยหลังกลับไปซะก่อน … แต่จนถึงตอนนี้ ฉันยังใจสั่นอยู่เลย! ทีนาร์หยุดเรียนไปแล้วเช่นกันเพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้! ตอนนี้ในฉันถูกทิ้งไว้ในหอพักตามลำพัง!”
  ฝั่งชยรพพอฟังจบ ก็รู้สึกร้องไห้ไม่ออกขึ้นมา ด่อนจะเอ่ยไปยังโมรีที่เข้าใจว่าเขากล่าวโทษเธออยู่และเอ่ย “อย่าคร่ำครวญอีกเลย ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี? ฉันไปหาปาณีดีไหม? ตอนนี้เธอต้องกำลังเสียใจอยู่แน่? ในเมื่อคุณอาที่เธอรักที่สุดขอหย่ากับเธอ….”
  ทันใดนั้นชยรพรู้สึกว่าหัวของเขาเหมือนจะระเบิดและตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าสมควรจะจัดการกับเรื่องที่ซับซ้อนนี้ยังไง
  ในเวลานั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขายื่นมือถือไปให้โมรีแทน “เธอช่วยฉันรับหน่อยสิ ถ้าหากบอกว่าหาฉัน ให้บอกว่าฉันไม่อยู่”
  โมรีมองเขาที่หลบหลีกสุดชีวิตอย่างขำขัน “เฮ้อ สวัสดีค่ะ ชยรพไม่อยู่ค่ะ….”
  “ไม่อยู่? นั่นโมรีใช่ไหม? นี่ฉันเองเวทัส!”
  “…….”
  “โมรี เธอฟังอยู่ไหม? โมรี?”
  โมรีทำแค่ยืนโทรศัพท์ไปให้ชยรพ หลังจากนั้นจึงเดินหันหลังออกไป แต่ก่อนที่จะเดินจากไปเธอยังเอ่ยขึ้นมากับเขา “เป็นสายของเวทัส!”
  ชยรพมองโมรีด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะรับโทรศัพท์อย่างเสียไม่ได้ “เวทัส ฉันพูด!”
  “ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามบินชยุต ตอนมารับฉันหน่อย! อ้อใช่ ห้ามให้คนที่บ้านฉันรู้หล่ะ เข้าใจไหม?”พูดจบ เวทัสก็วางสายไป
  ชยรพยังคงตะโกนใส่ไมโครโฟน “เฮ้ อะไรนะ เวทัสนายกลับมาแล้วหรอ … ”
  มองดูโทรศัพท์มือถือที่ถูกตัดสายไปและเดินไปที่ประตูโรงเรียนอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “จริงเลย ทำไมทุกคนในครอบครัวนี้ต้องมาคอยรบกวนอยู่อย่างนี้?”
  ในอพาร์ทเมนต์ของชยรพ เขามองดูพี่สาวของเขาที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและอาเจียนอยู่นาน และกล่าวอย่างเศร้าใจว “พี่ พี่โอเคจริงๆหรือ? ฉันว่าพี่ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม? หรือจะให้แม่มา … ”
  ปาณีทรุดตัวลงอย่างอ่อนแอบนพื้นห้องน้ำ และหันกลับมาอย่างอ่อนแอและพูดว่า “ไม่! อ้อใช่ นายห้ามบอกแม่เกี่ยวกับฉันเด็ดขาด! ถ้านายบอก เราไม่ต้องเป็นพี่เป็นน้องกันอีกต่อไป… โอ้ก! ”
  ก่อนที่เธอจะพูดจบ ความรู้สึกอยากอาเจียนก็พุ่งขึ้นมาและเธอยังฝังตัวอยู่ในห้องน้ำอาเจียนและอาเจียนต่อไป
  นภันต์ผู้ซึ่งเป็นทุกข์แทนพี่สาวของตน เดินออกไปเทน้ำอุ่นๆ แก้วหนึ่งและยื่นมันให้เธอ “นี่ ดื่มน้ำร้อนหน่อย เผื่อพี่จะรู้สึกดีขึ้น”
  จากนั้นเธอจึงยืดตัวขึ้นอย่างไม่เต็มใจและดื่มน้ำอุ่นๆ และเธอรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย จากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากน้อยชาย เธอมานั่งที่ที่โซฟาและพูดกับนภันต์อย่างอ่อนแรงว่า “ฉันหิว ไปซื้อขนมปังและนมมาให้ฉันหน่อยสิ”
  แต่นภันต์ไม่วางใจให้เธออยู่บ้านคนเดียว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามด้วยเสียงเบาๆว่า “พี่ พี่อยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม ไม่งั้นฉันจะขอให้คนอื่นไปซื้อให้ฉัน?”
  ปาณีส่ายหัว “ ไม่ต้องหรอก นายไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันจะไปพักผ่อน”
  ไม่มีทางเลือกอื่น นภันต์จึงได้แต่ออกไปข้างนอก พอคิดถึงใบหน้าของพี่สาวที่ตอนนี้ซีดเซียวอย่างมาก ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างมากและเอาแต่มองไปที่ชั้นบน “จริงๆเลย ไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะเป็นไปอีกนานแค่ไหน? ฉันควรบอกแม่หรือไม่นะ? ฉันคนเดียวจะรับมือได้ยังไง!”
  แต่เมื่อคิดถึงลักษณะที่ดื้อรั้นของพี่สาวเขาก็ล้มเลิกความคิดอีกครั้ง “อย่าเลยดีกว่า เกิดเธอโกรธขึ้นมา มันคงแย่กว่านี้แน่… ”
  ปาณีพยายามเดินไปที่เตียง มือของเธอแตะที่ท้องซึ่งยังไม่ป่องขึ้นมา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เด็กดี จะต้องเป็นเด็กซุกซนแน่นอนเลยสินะ ถึงได้แกล้งแม่แบบนี้”
  นึกถึงของขวัญชิ้นนี้ที่ได้มาโดยความประหลาดใจ เธอก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เธอสัมผัสหน้าท้องเบา ๆ แล้วบ่นว่า “ลูกรัก ลูกเป็นของขวัญจากพระเจ้าถึงแม่! เดิมแม่คิดว่าตัวเองคงจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เป็นเพราะลูก แม่ถึงรู้สึกมีกำลังขึ้นมา แม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทั้งโลกใบนี้! ต้องขอบคุณลูกจริงๆ”
  ความคิดของเธอกระจัดกระจายออกไป และอดนึกถึงในวันนั้นที่เธอเห็นหนังสือหย่าตอนกลับไปที่บ้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
  ในตอนนั้น เธอหมดหวังอย่างมากและนั่งอยู่คนเดียวบนโซฟาที่เขาซื้อและเอาแต่มองดูบ้านอันอบอุ่นในอดีต เธอซึมเศร้าถึงขีดสุด
  กาลครั้งหนึ่ง เธอเคยถามธามนิธินับครั้งไม่ถ้วน “ลุงอา จะมีวันนั้นที่คุณไม่ต้องการฉันแล้วไหมคะ?”
  เธอยังคงจำมันได้ดี ว่าเขาตอบเธอกลับมาว่า “นอกเสียจากว่าเธอจะไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันไม่มีทางไปจากเธอ!”
  แต่ในครั้งนี้ ไม่ทันรอให้ตนไม่ต้องการเขา เขาก็ไม่ต้องการเธอเสียแล้ว สัญญาในอดีตเหล่านั้นทำให้เธอเจ็บปวด
  เธอจำไม่ได้ว่าเธอออกจากบ้านได้อย่างไร เธอจำได้ว่าเดินบนถนนด้วยความว่างเปล่า ในเวลานั้นเธอหมดหวังอย่างยิ่ง ถึงขั้นคิดถึงความตายเพื่อยุติชีวิตที่น่าสังเวชของเธอ
  แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ชัดเจนถึงบางอย่างในท้องของเธอ ความรู้สึกลึกลับนั้นทำให้เธอหมอบลงด้วยความเจ็บปวดและนั่งหมอบลงบนท้องถนน
  ในตอนนั้นเธอถึงคิดได้ว่าเธอไม่ได้ตัวคนเดียว ในท้องของเธอยังมีสายใจรักของพวกเขาอยู่ ในเมื่อคุณอาไม่รักเธอแล้ว แต่เธอยังมีของขวัญที่เขามองให้เธออยู่ ของขวัญที่เธอคาดไม่ถึง
  ในวินาทีนั้น เธอลุกขึ้นมา ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ ยังมีความเมตตาจากพระเข้าที่มองให้เธอหลงเหลืออยู่
  ดังนั้นเธอจึงพยายามขึ้นไปบนรถแท็กซี่ แต่เธอไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน จะกลับไปที่เมืองชลธี เธอก็ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับใบหน้าที่ขมขื่นของฝนสิริ เพราะถ้าฝนสิริรู้ว่าเธอท้อง เธอจะต้องไปสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของคุณอาอย่างแน่นอน
  แต่นอกเหนือจากเมืองชลธีและสวนจตุจักรแล้ว เธอไม่รู้อีกแล้วว่าตนสมควรไปที่ไหน
  ดังนั้นเธอจึงนึกถึงนภันต์ขึ้นมาได้ เขาอยู่ในอพาร์ทเม้น ดังนั้นสมควรที่จะให้เธอพักอยู่ได้ช่วงหนึ่ง
  คิดได้ดังนั้น เธอจึงไปที่ที่อยู่ของนภันต์ มองดูน้องชายของเธอที่กำลังประหลาดใจ และเปิดเผยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
  หลังจากนั้น เธอจึงอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นเวลานานกว่าสิบวันแล้ว และเธอก็ค่อยๆคุ้นเคยกับชีวิตหลังจากการหย่าแล้ว สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือเด็กน้อยในท้องของเธอกลับเอาแต่ก่อกวนเธออยู่ไม่หยุด!

ตอนที่877 หลังคาที่รั่วฝน
  ดังนั้นแม้ว่าการตั้งครรภ์และการอาเจียนจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ปาณียังคงยืนหยัดต่อไป แม้ว่าเธอจะกินและอาเจียนออกมา แต่เธอก็ยังต้องบังคับตัวเองให้กินมากเพราะเธอต้องการให้ลูกตัวน้อยเติบโตอย่างมีสุขภาพแข็งแรง และเธอไม่กลัวความลำบากใดๆ ในเมื่อเด็กน้อยคนนี้เป็นหลักฐานความรักระหว่างเธอและคุณอา!
  นึกถึงลูกน้อย ใบหน้าของเธอก็มีสีหน้าแห่งความรักออกมาอย่างไม่รู้ตัว นึกถึงเมื่อก่อนยามที่เธออ่านบทความเหล่านั้น เอ่ยว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนจะเปล่งประกายของความเป็นมารดาออกมา จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่นิตยสารและพูดกับคุณอาว่าว่า “คุณดูสิ พวกนี้เป็นเรื่องโกหกเกินไป! เปล่งประกายของมารดา? ไร้สาระ! ”
  แต่ตอนนี้เมื่อเธออยู่ในสถานการณ์นี้ เธอรู้สึกว่าทุกวันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และทุกๆวันเธอชอบพูดคุยกับเด็กน้อยที่ยังไม่แม้กระทั่งมีรูปร่างในท้องของเธอ
  แม้ว่าเธอจะตั้งท้องและอาเจียนเป็นครั้งคราว ทำเอาเธออยากคายทุกสิ่งในท้องของเธอออกมา แต่หลังจากอาเจียนแต่ละครั้งเธอจะบังคับตัวเองให้กินอาหารเข้าไปบ้าง เพราะสารอาหารที่เพียงพอเท่านั้นที่จะรับประกันคุณค่าทางโภชนาการที่ตัวน้อยๆจะต้องได้รับ
  ในด้านของมหาลัย เธอได้ขอให้นภันต์ช่วยไปพักการเรียนให้เธอ ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้ เธอยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับคำถามของเพื่อนร่วมชั้นและครูของเธอได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้วิธีเผชิญหน้ากับคุณอาของเธอ!
  เมื่อนึกถึงผู้ชายที่ไม่รักษาสัญญาคนนั้น จิตใจของปาณีก็หดตัวอย่างรุนแรง แม้ว่าเธอจะพายามเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ตราบใดที่เธอพูดถึงหรือคิดถึงเขา หัวใจของเธอก็มักจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
  เธอยืนขึ้นอย่างช้าๆ มองดูพระอาทิตย์ที่ไม่รู้ว่าขึ้นไปบนท้องฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่และคิดกับตัวเองว่า “ลุงอาพบคนที่ใช่แล้วใช่ไหมคะ?”
  แม้ว่าจะเป็นแค่ความคิด แต่หัวใจของเธอยังคงเศร้าขึ้นมา แต่เธอก็ยังหวังอย่างจริงใจว่าคนๆนั้นจะดีต่อเขาตลอดไป!
  และผู้ชายที่เธอคิดถึงคนนั้น ตอนนี้ปรากฏตัวอย่างกังวลใจในห้องนั่งเล่นของตระกูลเพิ่มสิน ด้วยสายสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทำให้แม่ของชยรพปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี “อะไรนะ? ชยรพควรวางสายโทรศัพท์ของคุณหรือ? ฉันจะโทรหาเขาให้เขากลับมาแล้ว! ธามนิธิรอสักครู่”
  พูดจบก็หันไปต่อสายหาชยรพ
  ธามนิธินั่งบนโซฟาอย่างกระวนกระวายและกำลังรอชยรพ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรของพระเจ้าหรือเปล่า หลังจากนั้นไม่นานประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก: “แม่! มีแขกมาที่บ้าน! ออกมาเร็ว!”
  โดยไม่ยกหัวขึ้น เขาถอดรองเท้าออก แต่ทันใดนั้นเขาก็ตกใจเมื่อเห็นแขนถูกจับแน่นโดยใครบางคน เมื่อเขาเห็นคนที่จับแขนเขาเอาไว้อยู่เขาก็ตกตะลึงไป “ธาม ธาม ลุงธามนิธิ… ”
  อย่างไรก็ตาม ธามนิธิไม่สนใจความตื่นตระหนกของชยรพ เขาเอ่ยพึมพำ “ปาณี อยู่ที่ไหน นายต้องรู้แน่ว่าเธออยู่ที่ไหน ใช่ไหม? ”
  ชยรพมองดูธามนิธิที่กำลังร้อนลน และกระซิบว่า “ฉันขอโทษครับคุณลุงธามนิธิ ผมไม่รู้ … ”
  พูดจบ ก็เห็นคนตรงหน้าเสยผมของตน และเอ่ยเสียงต่ำ “ชยรพ ฉันรู้ว่านายรู้ดีว่าปาณีอยู่ที่ไหน? ขอร้องหล่ะนายบอกฉันเถอะ ฉันอยากหาเธอให้เจอจริงๆนะ ฉันกลัว กลัวมากจริงๆ…”
  นี่เป็นครั้งแรก ที่ชยรพเห็นธามนิธิขอร้องเขาแบบนี้ แต่พอนึกถึงเวทัสที่อยู่ด้านนอก เขาก็ลำบากใจอย่างยิ่ง
  ด้านหนั้งคือเพื่อนที่เขานับถือเป็นพี่น้อง อีกด้านคือคนที่เขาชื่นชมนับถือ ชยรพไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนเองจะมีวันนี้ วันที่เขาต้องเลือก
  ในตอนที่เขาลังเล ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากระเบียง เขาหันหลังกลับและตะโกนออกไปอย่างไม่ต้องคิด “นั่น คุณลุง ธามนิธิ… ”
  เสียงนั้นหยุดลงชั่วคราวเช่นกัน จากนั้ชยรพก็รีบไปเข้าไปหาธามนิธิและดึงเขาไปที่ห้องนั่งเล่น เขาตะโกนออกมาเป็นครั้งคราว “คุณลุงธามนิธิ คุณนั่งลงก่อน ดื่มน้ำก่อน… ”
  จนกระทั่งได้ยินเสียงประตู “คลิก” และประตูถูกปิดลง เขาถึงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
  จากนั้น เขาก็ชาไปทั้งศีรษะและมองดูธามนิธิ ที่มีสายตาขุ่นเคืองด้วยความความกลัว หัวใจของเขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงเอ่ยกระซิบว่า “ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าปาณีอยู่ที่ไหน ลุงธามนิธิ ลุงเชื่อผมเถอะ ถ้าผมรู้ผมจะบอกคุณ! คุณก็รู้ว่าผมเป็นแฟนตัวยงของคุณ! และเป็นผู้ปกครองหมายเลข 1 ของปาณีในมหาลัยอีกด้วย ”
  เมื่อได้ยินคำพูดที่จริงใจของชยรพ ธามนิธิก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เขาลุกขึ้นอย่างเงียบๆและพูดบางอย่างกับชยรพ “ถ้านายเห็นหรือรู้ข่าวของปาณีโปรดติดต่อฉันด้วย!”
  พูดจบหลังจากนั้นเขาเดินช้าๆไปที่ประตู
  ชยรพยืนขึ้นแล้วส่งเขาไปที่ประตู เขาดูชยรพที่ราวกับว่าแก่ขึ้นมาเป็นสิบปี และถอนหายใจอย่างลึกซึ้งก่อนจะพูดอย่างมีอารมณ์ “ความรักเป็นเรื่องอันตรายจริง ๆ … ”
  ก่อนที่คำพูดจะจบลง ศีรษะของเขาก็โดนเกาลัดกระแทกลงบนหัวของเขา เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจและเห็นดวงตาที่โกรธของแม่กำลังจ้องอยู่ที่ตนเอง ทันใดนั้นเขาก็สงบลงแล้วพูดว่า “แม่ ผมเพิ่งจำได้ว่ามีเรื่องต้องทำที่มหาลัย ผมกลับไปก่อนนะ!”
  พูดจบ เขาก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองสักนิด
  แม่ของชยรพยืนอยู่ที่นั่นอย่างเศร้าใจ มองดูลูกชายที่แยกกันอยู่และคิดอย่างเศร้าใจ “เขายังโกรธฉันอยู่หรือเปล่า? โมรีคนนั้นดีจริงๆหรือ? ดีจนแม้กระทั่งแม่ของตนเองก็ไม่ต้องการแล้วหรือ?”
  ทุกบ้านช่างมีเรื่องให้คิดเป็นของตนเองเสียจริง!
  ที่นั่น ธามนิธิที่ออกมาจากบ้านของชยรพก็เดินมุ่งหน้าไปยังที่รถ เป็นเวลานับสิบวันแล้วที่เขายังหาปาณีไม่เจอ คิดถึงเด็กขี้แยคนนั้นที่ไม่รู้ตอนนี้ไปร้องไห้อยู่ที่ไหนแล้ว หัวใจของเขาก็บีบรัดแน่นด้วยความเจ็บปวด
  เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังท้องฟ้า อดพึมพำกับตนเองไม่ได้ “ปาณี เธออยู่ที่ไหน? คุณอาผิดไปแล้ว คุณอาเสียใจแล้วจริงๆ เธอให้โอกาสคุณอาสักครั้งได้ไหม?”
  ที่บ้านวิสิทธิ์เวช ทั้งบ้านกำลังตกอยู่ในหมอกแห่งความเศร้าโศก ฐิติพรโกรธจนล้มป่วย เธอนอนอยู่บนเตียงและส่งเสียงอย่างไม่พอใจ ในอีกด้านหนึ่ง จันวิภากำลังกังวลเกี่ยวกับร่างกายของแม่ แต่อีกด้านเธอก็เป็นห่วงปาณีและธามนิธิที่ไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาหลายวัน!
  นพรุจยื่นมือถือให้กับจันวิภา “จันวิภา เวทัสเจ้าเด็กนั่นอยู่ไหม? ผมโทรหาเขามีเรื่องจะคุยด้วย ว่าเจ้าเด็กนี่จริงๆแล้วกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?”
  ”เวทัส? เข้าอยู่เมืองนอกไม่ใช่หรือคะ?” จันวิภาสับสนนไปหมด “นพรุจ อะไรกันคะ? หรือว่าเวทัสก่อเรื่องอีกแล้ว?”
  นพรุจเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กนั่นดรอปเรียนไปแล้ว! เธอคิดว่ามีเหตุผลไหมล่ะ! รอผมกลับไป ผมจะต้องสั่งสอนเขาสักยก โมโหจะตายแล้ว!”
  ”ดรอปเรียน? คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ? เมื่อวันก่อนฉันยังสิดีโอคุยกับเขาอยู่เลย เขายังอยู่มหาลัยดีๆอยู่เลยนะคะ ทำไมจู่ๆถึงดรอปเรียนหล่ะ? ยังมีอีก นพรุจ ท่าทีแบบนี้ของคุณไม่ช่วยแก้ปัญหาได้หรอกนะคะ! คุณทำแบบนี้ เวทัสมีแต่จะแข็งกร้าวยิ่งขึ้น”
  หลังจากที่พยายามสงบอารมณ์ของนพรุจลง จันวิภาก็ถูกทำให้ตกใจขึ้นอีกครั้ง “เวทัสกลับมาแล้ว? เป็นเพราะได้ยินเรื่องของปาณีรึเปล่าคะ? โอ้ย หัวฉัน! ทำไมถึงปวดสมองแบบนี้นะ? ไม่ได้การ ฉันจะต้องหาตัวเวทัสให้เจอ ก่อนที่ความวุ่นวายจะเพิ่มเข้าไปอีก!”
  ส่วนทางด้านเวทัสที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกจับได้ว่ากลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ที่ชั้นล่างของอพาร์ทเม้นที่นภันต์อาศัยอยู่ เขากำลังลังเลว่าจะขึ้นไปดีหรือไม่
  พอนึกถึงท่าที่ปาณีปฏิบัติกับตนในครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่กล้าเดินขึ้นไป แต่ก็เป็นห่วงเธออย่างยิ่ง อยากเห็นด้วยตาว่าเธอนั้นสบายดี

ตอนที่878 หัวขโมย
  ในขณะที่เวทัสกำลังลังเลอยู่นั่นเอง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขากดรับสายและได้ยินเสียงของชยรพลอยออกมาอย่างร้อนลน “เวทัส นี่นายไม่ได้โดนคุณลุงธามนิธิจับได้ใช่ไหม? ฉันสรรหาวิธีมาตั้งมากมายถึงได้ไล่เขากลับไปได้! จริงๆเลย! ฉันเหนื่อยจะแย่แล้ว! ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วจริงๆว่าคำว่าพอพูดโกหกครั้งหนึ่งคือตลอดไปมันเป็นยังไง!”
  ”ขอบใจนายมาก ชยรพ!”เวทัสไม่ได้เอ่ยคำอื่นใดออกมา นอกจากคำนี้
  ส่วนทางด้านชยรพนั้นกลับชะงักไป ก่อนจะเอ่ยหัวเราะ “ขอบใจอะไรกัน? พวกเราเป็นพี่เป็นน้องกันนะ! แม้ไม่ใช่สายเลือดก็เหมือนสายเลือดเดียวกัน!”
  เวทัส “……..”
  ชยรพรออยู่สักครู่ ก่อนจะเอ่ยถามเขาอย่างลังเล “เวทัส นี่นายยังไม่ลืมปาณีใช่ไหม?”
  ครั้งนี้ เวทัสใช่เวลาตอบกลับเขาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น “ใช่! ฉันไม่เคยลืมเธอได้เลย!”
  ครั้งนี้กลับเป็นตาของชยรพที่ตาค้างไป “…….”
  ไม่ทันรอให้ชยรพได้ตอบกลับ สายก็ถูกตัดลงไป
  ชยรพยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างมีอารมณ์ “ความรักช่างบาดลึกทำร้ายผู้คนจริงๆ! เวทัสเป็นแบบนี้ ฉันเป็นแบบนี้! ก็เพราะไม่มีใครที่มีความรักที่สมบูรณ์แบบได้!”
  ส่วนเวทัสที่ยังคงยืนอยุ่ชั้นล่างของอพาร์ทเมนต์ก็ยังคงละล้าละลังว่าตนสมควรที่จะขึ้นไปดีหรือไม่ เขากำลังกลัว กลัวว่าจะเห็นสายตาอันเกลียดชังจากปาณี ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงต้องเจ็บลึกเข้าไปถึงกระดูกแน่
  แบบนั้น เขาจึงเอาแต่ยืนอยู่ข้างล่าง และอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานเกือบชั่วคืน
  เช้าวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ส่องแสง วันนี้นภันต์จะต้องเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นจึงต้องตื่นแต่เช้าตรู่ เขามองดูพี่สาวที่ยังคงกอดชักโครกเอาไว้ เขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง “หรือผมจะอยู่ที่นี่ดีวันนี้ เห็นพี่อาเจียนแบบนี้ ผมอดเป็นห่วงไม่ได้?”
  ปาณีที่ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลำบาก ส่ายหน้าปฏิเสธและเอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่! วันนี้เป็นวันแรกที่นายลงแข่งอย่างมืออาชีพ ถ้าหากนายไม่ไป ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของนายไม่ใช่ว่าสูญเปล่าหรือหรือ? ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่คลื่นไส้นิดหน่อยเท่านั้น! นภันต์ นายไปเถอะ ถ้าไปสายจะไม่ดี!”
  ”แต่ พี่ พี่….” นภันต์ยังคงเป็นห่วง
  สุดท้าย เขาก็ถูกพี่สาวผลักออกมา “ถ้าวันนี้นายไม่กลับมาพร้อมกับชัยชนะ! ฉันจะไม่นับถือว่านายเป็นน้องชายของฉัน!”
  เขาส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ก่อนจะตะโกนย้ำเตือนปาณี “ถ้างั้นผมไปก่อนนะพี่! พี่อยู่บ้านคนเดียวระมัดระวังด้วย ถ้ามีอะไรฝห้โทรหาผม เข้าใจไหม?”
  ด้านในประตูมีเสียงดังออกมา “รู้แล้ว! สายแล้วนะ รีบไป!”
  ไม่นานนัก ด้นหลังประตูก็ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ปาณีพิงผนังประตูเอาไว้ ก่อนจะรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เธอรีบเอามือปิดปากและรีบเดินไปยังห้องน้ำ “แหวะ….” และอาเจียนออกมาอีกครั้ง ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำความสะอาดตัวเอง ก็รีบลุกขึ้นมาและวิ่งไปยังห้องครัว
  เธอเทน้ำให้กับตัวเองแก้วหนึ่งและยังคับให้ตัวเองดื่มลงไป ควาทรู้สึกคลื่นไส้เหล่านั้นคล้ายว่าจะจางหายไปเล็กน้อย เธอยิ้มอย่างขมขื่นและลุบลงไปยังหน้าท้องที่เรียบแบนของตัวเอง “เจ้าเด็กน้อย รู้ไหมว่าทำแบบนี้แม่ลำบากนะ? อ้วกจนฉันกินอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้อยากกินอะไรเปรี้ยวๆ ไปดูในตู้เย็นดีกว่า?”
  ดังนั้นเธอจึงค่อยๆลุกยืนขึ้นก่อนจะเดินไปยังตู้เย็นในห้องครัว
  ”ไม่ได้ ไม่ใช่แค่ตัวฉัน แต่จะต้องคิดถึงสุขภาพของเด็กในท้องด้วย! ฉันไปร้านค้าซื้อผักผลไม้มาสักหน่อยดีกว่า!”
  ปาณีเดินไปด้านนอกประตู พอออกไปหน้าประตู ก็รู้สึกได้ถึงสายลมเย็นที่ปะทะเข้ามา ทำให้เธออดที่จะจามขึ้นมาเสียไม่ได้ กุญแจห้องในมือของเธอตกลงไปที่พื้น เธอจึงพยายามใช้แรงหยิบมันขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าทำไม ลมกลับพัดกุญแจปลิวออกไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้เธอต้องเดินตามไปอย่างช้าๆและก้มตัวจะเก็บมันอีกครั้ง
  ทันใดนั้น รองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งก็ปรากฏในสายตาของเธอและช่วยเธอเก็บกุญแจขึ้นมา ปาณีเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง “ขอบคุณค่ะ!”
  แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนๆนั้น จู่ๆเธอก็หยุดลงและนืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่งม
  เวทัสไม่คิดว่าพวกเขาจะได้เจอกันอีกครั้งในสภาพแบบนี้ เขามองดูใบหน้าของปาณี ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปด้านล่างและหยุดลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบแบนของเธออยู่เนิ่นนาน
  ปฏิกิริยาแรกของเธอที่เอามือขึ้นมาปกป้องหน้าท้องอย่างทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “เวทัส! นายกลับมาได้ยังไง? คุณน้าของนายรู้หรือเปล่า?”
  เวทัสกลับไม่เอ่ยอะไรและเอาแต่จ้องดูเธอ
  อาจเป็นเพราะสายตาที่ร้อนแรงของเขา หรือเหตุผลอะไรสักอย่าง จู่ๆปาณีก็รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ฉันมีธุระ ไปก่อนนะ!”
  พูดจบ แขนของเธอก็ถูกเขายึดเอาไว้จนเธอร้องเสียงหลงขึ้นมาและเงยหน้ามองเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเวทัสเข้าให้ “เธอมช้ชีวิตแบบนี้หรือไง? เธอเลือกคุณน้า แต่ตอนนี้เขากลับไม่ต้องการเธอแล้ว นี่คือสิ่งที่เธอต้องการหรือไง?”
  ปาณีสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนจะสบัดเขาออกอย่างแรง และเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “นี่เป็นเรื่องของฉัน!
  พูดจบ ก็เดินไปทางประตูเล็ก แต่เวทัสกลับยังไม่ยอมปล่อยเธอไป และดึงเธอเข้ามาไง้ในอ้อมแขน ไม่ว่าปาณีจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ไม่ปล่อยไป และใช้กำลังกอดเธอเอาไว้ เขาเอ่ยเสียงต่ำ”ปาณี ฉันรักเธอ! ฉันยังรักเธออยู่! เธออย่าเป็นแบบนี้เลยนะ ในเมื่อเธอหย่ากับคุณอาแล้ว พงกเราก็สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่าเปิดเผย! ฉันจะดูแลเธออย่างดี! ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปอีก!”
  ปาณีดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของเขาและเวทัสยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไป
  ทั้งคู่กอดกันแน่น ในสายตาของคนนอกแล้วออกจะดูแปลกประหลาดเล็กน้อย
  ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงสังเกตว่าปาณีไม่ดิ้นรนอีกต่อไป เวทัสยิ้มและเอ่ยกระซิบเสียงเบาข้างหูเธอ “เธอออกมาข้างนอกจะไปไหน? ฉันไปกับเธอ?”
  ปาณีเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ไปร้านค้า! ตอนนี้นายปล่อยฉันได้แล้วยัง!? ถึงแม้จะไม่อยาก แต่เวทัสก็ค่อยๆปล่อยตัวเธอออก ชั่วขณะที่ปาณีออกไปจากอ้อมแขนของเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาในหัวใจ
  เขาเอ่ยคำราม “เธอมันยัยหัวขโมย!”
  คำพูดที่จู่ๆก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้ปาณีงุนงงอย่างยิ่ง เธอหันมาถามเขา “อะไรนะ?”
  เวทัสมองดูท่าทีซื่อบื้อของเธอแล้วหัวเราะ ก่อนจะเอ่ย “ฉันบอกว่าเธอคือหัวขโมย นั่นเพราะเธอขโมยหัวใจของฉันไปอย่างไม่รู้ตัว….”
  คำพูดนี้ออกมา ทำให้เขาเห็นเธอหน้าแดงขึ้นมาทั้งหน้าได้อย่างสำเร็จ ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างพอใจ “ปาณี! ฉันรักเธอ!”
  ปาณีที่ถูกทำให้ตกใจ ปฏิกิริยาแรกคือหันซ้ายหันขวาเนื่องจากกลัวว่าจะมีใครมาเห็น พอเห็นว่าไม่มีใคร เธอจึงเอ่ยดุเขาเบาๆ “นายหุบปากเดี๋ยวนี้!”
  หลังจากนั้นก็หันหลังและเดินออกจากประตูเล็กไป
  เวทัสนิ่งไป หลังจากนั้นก็วิ่งตามเธอไป “เธอจะไปซื้อของที่ไหน? เธอผอมเกินไปแล้ว กอดแล้วไม่เต็มที่เลยสักนิด!”
  ปาณี “…….:

ตอนที่879 สำนึกผิดชอบชั่วดี
  ไม่กี่วันถัดมา เวทัสก็มารายงานตัวที่อพาร์ทเมนต์ของนภันต์ทุกวัน หลังจากแรงต่อต้านอันหนักหน่วงของปาณีในช่วงเเรกๆ บัดนี้กลับค่อยๆอ่อนลงๆเรื่อยๆ ถึงเเม้ว่าสีหน้าท่าทางของเธอจะยังดูไม่ดีนัก เเต่ก็ไม่ถึงกับชักสีหน้าโกรธถมึงทึงใส่เหมือนเเต่ก่อน
  แรกเริ่มเดิมที เวทัสก็ชอบหน้าด้านมาอาศัยกินข้าวฟรีบ้านนภันต์ จนมาถึงตอนนี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งบนโต๊ะอาหารไปโดยปริยาย ซึ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก วันๆก็ดูสุขสำราญเบิกบานใจ ไม่ทำตัวเย่อหยิ่ง เย็นชา ขวางโลกเหมือนสมัยก่อนๆ ราวกับว่าเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ !
  อย่างน้อยๆในสายตาของปาณีที่มองดูเวทัส ณ ขณะนี้ เธอก็รู้สึกราวกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไปเเล้วจริงๆ ไม่ใช่กัปตันทีมผู้เย่อหยิ่งจองหองอีกต่อไป แต่กลับดูเหมือนตาทึ่มคนหนึ่ง ที่วันๆเอาเเต่ยิ้มหัวเราะไม่หยุดหย่อน
  ส่วนพี่สาวเขาเอง ก็เหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนด้วยเช่นกัน ท่าทางที่เเสดงออกต่อเวทัสก็ไม่ค่อยจะยินดียินร้ายสักเท่าไหร่ เเต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาดี !
  นภันต์ทำท่ากัดตะเกียบ ตาก็มองไปที่เวทัสกับปาณีที่กำลังเเย่งชิงลูกชิ้นเนื้อกันอยู่ เขาหันไปมองทั้งคู่แบบซ้ายทีขวาทีด้วยความอึดอัดใจ
  ” เอาวางลงเลยนะ !นั่นฉันเป็นคนซื้อมานะ !” ปาณีพูดด้วยน้ำเสียงที่กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
  เวทัสก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ” ฉันเป็นคนช่วยเธอถือมานะ !ดังนั้นฉันก็ควรจะได้กินเยอะขึ้นด้วยซ้ำ ”
  ” ปล่อยเดี๋ยวนี้ !”
  ” ไม่ปล่อย เธออ่ะสิปล่อย !”
  ” ฉันบอกให้นายปล่อย !”
  ” ฉันไม่ปล่อย !เธอนั่นแหละปล่อย !”
  ……
  ในที่สุด นภันต์ก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ในขณะที่สองคนนั้นกำลังยื้อเเย่งกันอยู่ จู่ๆเขาก็ยื่นตะเกียบออกไป เเล้วก็คีบเอาลูกชิ้นเนื้อลูกสุดท้ายใส่ปาก ก่อนจะกลืนกินลงท้องไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหันไปสบตากับสองคนนั้น ที่กำลังทำหน้าตาขมึงทึงใส่เขา เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบใจเย็นออกไปว่า ” ก็เห็นแย่งกันไปแย่งกันมาอยู่ได้ ฉันก็เลยหยิบมากินเอาดื้อๆนี่แหละ พวกนายจะได้ไม่ต้องเเย่งกันเเล้วยังไงล่ะ !”
  เวทัสหันไปจ้องเขาตาเขม็ง จากนั้นจึงหันไปบอกกับปาณี ” ถ้าเกิดฉันพลั้งมือฆ่าน้องชายเธอขึ้นมา เธอจะโกรธฉันมั๊ย ?”
  ปาณีเองก็แกล้งทำท่าโมโหโกรธาใส่นภันต์ด้วย ” ฉันก็อยากจะอัดเขาให้น่วมอยู่เหมือนกัน !”
  สองคนหันมาสบตากันเเล้วก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็จัดการเอาตะเกียบไปเคาะหัวนภันต์ ” โป๊กๆๆๆๆ ”
  ขณะที่เคาะหัวไป ปากก็บ่นไปด้วย ” นี่แน่ะๆ ใครใช้ให้แกขโมยลูกชิ้นเนื้อของฉัน !”
  นภันต์โดนสองคนนั้นรุม จนต้องถือชามอพยพหนีจากโต๊ะกินข้าว ไปหลบมุมทำท่าน่าสงสารยืนกินข้าวที่เหลืออยู่ในชามตาปริบๆอยู่ตรงมุมห้องแทน
  เวทัสกับปาณีหันมาสบตาแล้วก็ยิ้มให้กัน ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
  ระยะนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่อาการแพ้ท้องของปาณีก็หายแล้ว เเต่เธอในตอนนี้ สิ่งแรกที่คิดถึงเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ก็มีแต่เรื่องกิน !
  แต่ก็ยังดีหน่อยที่ช่วงนี้เวทัสมักจะมาหาเธอทุกวัน พร้อมกับอาหารการกินถุงเบ้อเริ่ม ยิ่งไปกว่านั้น บางวันเขายังพาเธอไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ต บางทีก็ไปตลาดสด เเล้วยังช่วยเธอเดินเลือกซื้อกับข้าวกับปลาอีกด้วย
  แน่นอนว่าปาณีเป็นคนซื้อ ส่วนเขาน่ะเป็นคนถือกลับมา !
  นภันต์เห็นสองคนนั้นกลับมาเป็นปกติเเล้ว ในใจก็อดนึกถึงพี่เขยไม่ได้ยิ่งนึกยิ่งไม่สบอารมณ์ ก่อนจะแอบคิดเงียบๆคนเดียวในใจ ” ไม่รู้ว่าพี่เขยจะเป็นยังไงบ้าง ?ฉันควรจะไปคุยกับเขาสักหน่อยดีไหมนะ ?”
  เเต่เเล้วเขาก็เลิกล้มความคิดนี้ในทันทีเมื่อเขานึกไปถึงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่อาการแพ้ท้องของพี่สาวกำลังสำแดงฤทธิ์เดชอย่างหนัก อ้วกแตกอ้วกแตนตลอดทั้งวัน ตั้งเเต่วันนั้น ธามนิธิก็ไม่ได้เป็นไอดอลของเขาอีกต่อไป !
  เพราะในเวลาอันเลวร้ายที่สุดของพี่สาวเขา ธามนิธิกลับพูดเรื่องขอหย่ากับเธอ !
  ด้วยเหตุผลนี้ นภันต์จึงสูญสิ้นความเคารพศรัทธาในตัวธามนิธิไปอย่างสิ้นเชิง !
  แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็หันไปมองที่เวทัส ที่เพิ่งจะจบศึกแย่งลูกชิ้นกับพี่สาวตัวเองไปหมาดๆ ใจหนึ่งก็รู้สึกลังเลเพราะเวทัสเป็นหลานชายของธามนิธิ เเละเมื่อมองในมุมของความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้เเล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะไล่เวทัสไปเสียให้พ้นๆ !
  แต่อีกมุมหนึ่ง เวทัสก็เป็นกัปตันของทีมของเขา ซึ่งเขาก็รู้สึกยกย่องศรัทธาในตัวเวทัสอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาคงไม่มีทางที่จะผลักไสไล่ส่งเวทัสไปได้ !
  นภันต์อดไม่ได้ที่จะเผลอส่ายหัวออกมาเบาๆ ยิ่งคิดก็คิดลำบากใจ ควรจะลืมๆมันไปเสียดีกว่า ” ช่างมัน ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก !ฉันจะมามัวคิดมากให้ปวดหัวอยู่ทำไมล่ะเนี่ย !”
  พอนึกมาถึงตรงนี้ นภันต์ก็ก้มหน้าลงกินข้าวของเขาต่อไป
  ทางด้านของธามนิธิ ในช่วงเวลาเพียงสิบกว่าวัน เขาดูผ่ายผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้เห็นธามนิธิซูบผอมซีดเซียวลงไปมาก ก็พาลให้แม่ของเขาก็ล้มป่วยลงไปด้วย ส่วนจันวิภาก็ต้องคอยดูเเลคุณแม่ เเละคอยตามหาเวทัส เจ้าลูกชายตัวดีที่ลาออกจากโรงเรียนที่ต่างประเทศเเล้วหนีกลับมา เเต่ก็ยังไม่ยอมกลับเข้าบ้านสักที !
  ส่วนตัวธามนิธิเอง ก็อยู่ในโหมดพึ่งพาไม่ได้เช่นกัน เพราะเขายังคงดั้นด้นตามหาปาณีที่กำลังตั้งท้องเเล้วดันมาหนีออกจากบ้านไป !
  ต่อให้มีสภาพร่างกายอันเเข็งแรงเข้มเเข็งแค่ไหน หากต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ยากที่จะทัดทานได้ แล้วยิ่งต้องมาอดตาหลับขับตานอนด้วยความกังวลใจอยู่แบบนี้นานวันเข้า จันวิภาก็ทรุดตามไปด้วยอีกคน
  ” น้องพี่ เธอช่วยพี่ตามหาเจ้าเวทัสด้วยนะ !พี่ล่ะเป็นห่วงกลัวเขาจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ตอนไปเมืองนอกก็ยิ่งไม่เต็มใจที่จะไปอยู่ด้วย …… ” จันวิภาที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย พูดกับธามนิธิด้วยเสียงแผ่วเบา โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่าธามนิธินั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดไหน
  ธามนิธิชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบพี่สาวกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ” วางใจเถอะครับพี่ ผมให้ไวยาตย์ออกไปตามหาแล้วครับ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะได้ข่าวของเวทัส ระหว่างที่พี่กับแม่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็ดูเเลรักษาตัวเองดีๆนะครับ ผมยังมีธุระที่ต้องสะสาง ขอตัวก่อนนะครับ !”
  จันวิภาถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นจึงเอนกายนอนลงด้วยความกังวลใจ
  เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ก็พลันได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ธามนิธิอดไม่ได้ที่จะหวนนึกไปถึงวันวาน ทันใดนั้น ภาพของปาณีที่เเวบเข้ามาในสมองเขา ฉากนั้นเป็นตอนที่เธอเเละเขากำลังเดินเล่นอยู่ด้วยกันในที่แห่งหนึ่ง
  เธอในตอนนั้น กำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส แววตาใสซื่อบริสุทธิ์นั้นกำลังบ่งบอกถึงความรักอันลึกซึ้งที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ ” คุณอา เราสองคนจะจับมือซึ่งกันเเละกันไว้เเน่นๆแบบนี้ เเละเดินเคียงข้างกันแแบบนี้ตลอดไป ใช่มั๊ยคะ ?”
  จำได้ว่าตัวเองในตอนนั้น ต้องตอบกลับไปแน่นอนว่า ” ใช่สิ !”
  หลังจากนั้น ยังไม่ทันที่ปาณีจะแสดงท่าทีตอบกลับมา เขาก็พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ ” นี่เธอยังคิดจะจูงมือผู้ชายคนอื่น เเล้วเดินจากฉันไปอย่างนั้นเหรอ ?”
  เเต่ยังไม่ทันได้คำตอบจากเธอ เขาก็กระชากตัวหญิงสาวมากอดรัดเอาไว้เเน่น ก่อนจะประกบจูบลงบนริมฝีปากเธออย่างเร่าร้อน จนเมื่อทั้งคู่ผละออกจากกันพร้อมด้วยเสียงหอบกระเส่าจากรสจูบอันร้อนแรง ชายหนุ่มเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว ” ถ้าเธอกล้าทิ้งฉันไป ฉันจะต้องเป็นบ้าเเน่ๆ !”
  ในตอนนั้น ปาณีดูมีความสุขมาก เธอหัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุดเลยทีเดียว
  แต่ทว่าตัวเขากลับเป็นคนที่กังวลกับเรื่องนี้เสียเอง เพราะปาณียังสาวยังเเส้ อีกทั้งยังเป็นเด็กสาวที่ดูสดใสมีชีวิตชีวา ……
  คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่เป็นฝ่ายปล่อยมือเธอก่อน กลับกลายเป็นตัวเขาเอง !
  เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ธามนิธิรู้สึกโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก เขาตบหน้าตัวเองเข้าอย่างแรงไปหลายที ” นี่ผีห่าซาตานที่ไหนมาเข้าสิงให้ฉันทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ลงไปได้ ยังไม่ได้ทันได้คำฟังอธิบายจากปาณีเลยด้วยซ้ำ กลับเอาไปมโนเป็นตุเป็นตะว่านั่นมันจะดีกับตัวเธอเอง !ซึ่งเธอก็กำลังท้องลูกของฉัน !”
  เขาเองที่เป็นคนผลักไสเธอผู้เป็นที่รักไปให้กับชายอื่น ทั้งๆที่ในท้องของเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของพวกเขาแท้ๆ ลูกพ่อ !ลูกที่เขาเฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน ในที่สุดมีมาให้เขาได้ชื่นใจ แต่ไอ้หน้าโง่อย่างเขา กลับผลักไสให้ลูกเมียไปจากชีวิตเขาเสียได้ !
  ” เพี๊ยะ !” ธามนิธิตบฉาดเข้าที่หน้าตัวเองอย่างเเรง จนรอยฝ่ามือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
  เเละเมื่อเขากำลังเงื้อมือจะฟาดลงบนใบหน้าตัวเองอีกครั้งนั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อก้มลงไปมองก็ได้เห็นสายเรียกเข้าจากไวยาตย์ เขารีบกดรับสายในทันที ” อะไรนะ ?เจอตัวเวทัสเเล้วเหรอ ?อยู่ที่ไหน ?ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ !”
  ทันทีที่พูดจบ เขาก็รีบพุ่งไปที่รถในทันที
  หลังจากรถแล่นทะยานฝ่าไปแดงไม่รู้กี่แยกต่อกี่แยก ในที่สุดธามนิธิก็ขับรถมาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ไวยาตย์ที่มารออยู่ที่นี่ก่อนเเล้ว รีบเดินเข้ามาหาเขา ” เวทัสอยู่ข้างในนั้นเหรอ ?”
  ไวยาตย์พยักหน้าเบาๆ ” อืม มีคนเห็นเขาอยู่ที่นี่ก็เลยมาบอกผมน่ะครับ ผมยังไม่คอนเฟิร์ม !”
  ยังไม่ทันที่ไวยาตย์จะพูดจบ ธามนิธิก็สาวเท้ายาวๆมุ่งหน้าไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตทันที ไวยาตย์ยืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบวิ่งตามเขาไป
  ด้านในของซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ มีคนมาเดินไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เเต่ด้วยความที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นใหญ่โตกว้างขวางมาก จนยากที่จะทำให้ธามนิธิเเละไวยาตย์หาตัวของเวทัสเจอได้ในพริบตาเดียว
  ธามนิธิหันไปบอกกับไวยาตย์ ” พวกเราแยกกันออกตามหาเถอะ !”
  จากนั้นเขาก็รีบออกเดินตามหาทันที เเละไม่รู้ยังไง ธามนิธิถึงได้ตั้งใจมุ่งไปที่แผนกขายอาหารเป็นพิเศษมันเหมือนมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาคิดว่า คนที่เขากำลังตามหา น่าจะอยู่ตรงนั้นเเน่ๆ เเต่ระหว่างที่เดินไปแผนกอาหารนั้น เขาก็ไม่วายที่จะสอดส่ายสายตามองหาไปทั่วทุกทิศทาง

ตอนที่880เจอกันด้วยความบังเอิญ
  เมื่อเดินมาถึงแผนกขายอาหาร ธามนิธิกวาดสายตามองดูไปรอบๆ เเต่ก็ไม่เห็นแม้เเต่เงาของเวทัส
  รอบกายเขากลับมีเเต่ชั้นวางผลิตภัณฑ์อาหาร เรียงรายอยู่เต็มไปหมด เป็นอีกครั้งที่ธามนิธิต้องพลาดกับการมองหาคนที่เขาต้องการตามหา
  และเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างเฉียบพลันธามนิธิหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเวทัส
  เมื่อปลายทางมีสัญญาณตอบรับว่าโทรติด ธามนิธิยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดกับปลายสาย ก็ได้ยินเสียงดังลอดมาจากด้านหลังของชั้นวางของที่อยู่ตรงกันข้าม ซึ่งเป็นเสียงเรียกเข้าที่เเสนจะคุ้นเคย
  เสียงเพลงของสายเรียกเข้านั้น ธามนิธิคุ้นเคยกับเพลงนี้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นเพลงโปรดของเวทัสที่เขาชอบมากที่สุดสมัยที่เขาเล่นเกม ” King of Glory ” เเละนี่ก็คือเหตุผลที่แต่ไหนแต่ไร เวทัสก็ไม่ยอมเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือสักที ซึ่งก็เป็นเพราะเขาชอบเพลงนี้เอามากๆ นั่นเอง!
  ดังนั้น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคร่าตาอีกฝ่ายหนึ่ง เเต่ธามนิธิก็มั่นใจในทันทีเลยว่า คนๆนั้นต้องใช่เวทัสเเน่นอน เเต่ถึงกระนั้นเขาก็อยากจะเดินไปดูให้เห็นเองกับตา ว่านั่นใช่เวทัสจริงๆหรือไม่ !
  ธามนิธิเดินผ่านชั้นวางของไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินผ่านชั้นวางของนั้นมาได้ ก็ได้เห็นร่างๆหนึ่งที่กำลังยืนหันหลังให้เขา คนๆนั้นดูไม่คล้ายเวทัสสักเท่าไหร่ ธามนิธิเดินดุ่มๆเข้าไปด้วยใบหน้าโกรธถมึงทึง ก่อนจะคว้าคอเสื้อของคนๆนั้นเอาไว้ในขณะที่คนๆนั้นกำลังทำท่ากดวางสายโทรศัพท์อยู่พอดี
  ธามนิธิเริ่มหน้าเข้มถมึงทึงขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงอันสุขุมนุ่มลึก ” เวทัส !แกกล้าดียังไงมาวางหูใส่ฉัน ?แถมแกยังบังอาจลาออกจากโรงเรียน เเล้วหนีกลับมาบ้านโดยพลการอีกอย่างนั้นรึ ?”
  เมื่อสิ้นสุดประโยคนั้น เขาก็ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจอย่างสุดขีดของเวทัส เขายืนนิ่งตัวเเข็งทื่อเมื่อได้หันมาเผชิญหน้ากับธามนิธิ ” เอ่อ น้า …… น้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงฮะ ?”
  เวทัสขยับก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว เหมือนเขากำลังปิดบังอำพรางอะไรบางอย่างเอาไว้
  ธามนิธิไม่สนใจมองไปทางอื่นเลย เเละยิ่งไม่ทันได้สังเกตว่าด้านหลังของเวทัสมีอะไรตุงๆนูนๆอยู่ เขาได้เเต่พูดอย่างเย็นเยียบออกไปว่า ” แม่กับยายของแกนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แกกลับมาเเล้วแต่ทำไมยังไม่ยอมกลับบ้านสักที แกรีบไปที่โรงพยาบาลกับฉันเดี๋ยวนี้ แม่แกเค้าร้อนใจมาก ตามตัวแกให้ควั่กไปหมด …… ”
  ยังไม่ทันได้พูดจบ เวทัสก็รีบชิงถามสวนกลับมา ” แม่กับยายนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอครับ ?ตั้งเเต่เมื่อไหร่กันฮะ ?ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ?”
  เมื่อพูดถึงตรงนี้ เวทัสนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันร้อนใจ ” ถ้างั้น พวกเรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะครับ ”
  ธามนิธิหันหลังเดินกลับไป ในขณะที่เขาออกเดินไปแล้วหลายก้าว เเต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่จะเดินตามมา เขาจึงหยุดนิ่งก่อนจะหันกลับไปถามเวทัส ” แกมัวแต่ชักช้ายืดยาดอยู่ทำไม ?”
  เวทัสรีบหันกลับมาเผชิญหน้ากับน้าชายของเขา จากนั้นก็รีบโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่ ” ผมยังมีของที่ต้องซื้ออีกอย่างครับน้า น้าเดินไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไป ”
  เเต่ครั้งนี้ ธามนิธิได้เห็นเเล้วว่าเขากำลังซ่อนใครบางคนเอาไว้ข้างหลัง เขาหรี่ตามองด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆหมุนตัวกลับมา เดินกลับไปหาเวทัส
  เล่นเอาเวทัสว้าวุ่นใจทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว เขารีบโบกมือให้น้าชาย ประหนึ่งว่าให้น้าชายของเขาออกไปจากตรงนั้นเสีย ” น้าธามนิธิ น้ารีบไปเหอะ เดี๋ยวผมตามไป จริงๆนะครับ น้า น้าอย่าเข้ามา …… ”
  เเต่คิดว่าธามนิธิจะไม่รู้เหรอว่าเวทัสกำลังโกหกเขาอยู่ ใบหน้าเขากลับมาเย็นชานิ่งเข้มอีกครั้ง จากนั้นจึงๆค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปหาเวทัส ” ใครอยู่ข้างหลังแก ?ให้เขาเปิดเผยตัวออกมาซะ อย่าให้ฉันต้องลงมือเอง !”
  ยังไม่ทันสิ้นเสียงของธามนิธิ เวทัสรีบตะโกนบอกกับคนข้างหลัง ” รีบหนีเร็ว !”
  ก่อนที่ตัวเขาเองจะรีบวิ่งไปกอดน้าชายเอาไว้เเน่น ปากก็ตะโกนบอกกับคนข้างหลัง ” รีบหนีไปเร็ว !”
  เเววตาของธามนิธิเริ่มฉายแววเกรี้ยวกราดดุดันออกมา จากนั้นจึงพูดกับเวทัสด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัว ” เวทัส !ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ !”
  ทว่าคนที่เอาแต่ใจตัวเองมาตั้งเเต่เด็กอย่างเวทัส กลับยืนนิ่งไม่ยอมขยับ เขายังคงกอดธามนิธิเอาไว้เเน่นไม่ยอมปล่อยมือ ทำให้ธามนิธิถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เเต่ครั้งนี้ ธามนิธิไม่ยอมให้เวทัสมาทำตัวเหลวไหลไร้สาระใส่อีกแล้ว เขาออกเเรงทุ่มเวทัสไปสุดแรง เวทัสยังไม่ทันได้ตั้งหลักตอบโต้เลยด้วยซ้ำ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนธามนิธิทุ่มลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นเสียเเล้ว
  จากนั้นธามนิธิก็รีบสาวเท้าก้าวยาวๆวิ่งตามร่างเล็กๆ ที่เพิ่งหนีกระเจิงไปตรงสุดทางเดินของชั้นวางของในทันที
  เวทัสไม่ได้สนใจอาการเจ็บปวดที่หลังของตัวเองเลยแม้เเต่น้อย เขาพยายามยันกายลุกขึ้นจากนั้นก็รีบออกวิ่งตามไปทันที
  หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เห็นภาพที่ธามนิธิกำลังจับร่างเล็กๆนั้นไว้ได้พอดี เวทัสยืนนิ่งชะงักงันกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า !
  แรกเริ่มเดิมที ปาณีกำลังนั่งยองๆเลือกของอยู่ข้างหลังเวทัส เเต่เเล้วจู่ๆก็กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเข้า ทำให้เธอต้องหยุดชะงักลงทันที จากนั้นทั่วทั้งร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่
  ความรู้สึกในตอนนั้นมันยากที่จะอธิบายได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร ในขณะนั้น เธอรู้เเค่เพียงว่า เธอจะต้องหนีไปให้พ้นจากสายตาของเขาให้จงได้
  เมื่อตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาจากอีกฝั่งหนึ่ง ปาณีไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดี จนมาถึงตอนที่เขาเดินจากไปเเล้วจู่ๆก็วกกลับมา ในตอนนั้นเเหละที่เธอรู้สึกว่าเธอจะต้องหนีเขาอย่างสุดชีวิต
  แต่ในที่สุด เธอก็หนีเขาไม่พ้น
  หลังจากที่ปาณีรวบรวมความเข้มเเข็งของตัวเองได้เเล้ว เธอจึงค่อยๆฝืนยิ้มออกมา เธอกำลังเผชิญหน้ากับอดีตสามีผู้เคยเป็นที่รักยิ่งของเธอ เธอส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับพูดว่า ” สวัสดีค่ะ !คุณธามนิธิ !”
  ธามนิธิเองก็ไม่กล้าที่จะคิดด้วยซ้ำว่า คนที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังของเวทัส จะกลายเป็นคนที่เขาคอยเฝ้าคร่ำครวญหาอยู่ทุกคืนวัน อีกทั้งยังหมดสิ้นเงินทองไปมากมายในการทุ่มเทความพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะตามหาเธอ ” ปาณี ” !
  เเละที่คิดไม่ถึงไปกว่านั้นก็คือ ปาณีกลับเป็นสาเหตุที่เวทัสต้องหนีกลับมา แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น !จริงๆก็ไม่ควรจะพูดว่าคิดไม่ถึง เพราะพวกเขาทั้งคู่เคยมีช่วงเวลาดีๆร่วมกันมาก่อน ความทรงจำแห่งรักเเรกยังไงล่ะ !
  เเต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้มันก็ยังไม่ใช่จุดสำคัญ เพราะจุดสำคัญก็คือหลังจากที่ปาณีได้พบเขา ปฏิกิริยาแรกของเธอกลับไม่ใช่การยิ้มทักทาย เเต่กลับพยายามที่จะวิ่งหนีเขาต่างหาก
  ธามนิธิไม่รู้ว่าตัวเขาเองในตอนนี้ ควรจะหัวเราะหรือร้องไห้กันเเน่ เเต่ที่เเน่ๆเขากำลังมองดูปาณีกับเวทัสด้วยเเววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็คว้าตัวของคนที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า มากอดไว้อย่างเเนบเเน่นในอ้อมเเขนของเขา !
  เเล้วรอยยิ้มแรกในรอบสิบกว่าวันของธามนิธิ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ” ยินดีต้อนรับกลับมาสู่อ้อมอกของฉัน !สุดที่รักของผม !”
  ปาณียืนตัวเเข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดของธามนิธิ ที่บัดนี้ได้โอบรัดตัวเธอเอาไว้แน่นด้วยความถวิลหา แต่ทางฝ่ายของเวทัสกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง มองดูทั้งคู่ที่กำลังกอดกันอยู่ตรงหน้า วินาทีนั้นเวทัสรู้สึกปวดร้าวปานหัวใจจะแตกสลายเสียให้ได้ !
  มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ปาณีกำลังเริ่มยอมรับในตัวเขาเเล้วเเท้ๆ เเต่เมื่อน้าชายเขาโผล่มา เธอก็เหมือนจะเริ่มเปลี่ยนใจ ……
  ท่ามกลางความสลับซับซ้อน สับสนวุ่นวาย ของเราสองสามคนในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงของไวยาตย์ก็ดังเเว่วเข้ามา เเละเมื่อเขาได้เห็นปาณีก็ถึงกับตะลึงงันไปอีกคน สองคนนั้นก็กำลังประคองกอดกัน ส่วนอีกคนก็กำลังเหมือนจะใจสลายไวยาตย์ได้เห็นสถานการณ์อันวุ่นวายสับสนนี้เเล้วก็ถึงกับส่ายหัวเลยทีเดียว เขาเดินเข้าไปหาเวทัสเเละดึงตัวเขามายืนเคียงคู่กับตัวเอง ” คุณชายเวทัส !”
  เวทัสไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าถูกไวยาตย์ดึงตัวไป สายตาเขาได้เเต่จับจ้องไปที่สองคนที่กำลังกอดกันอยู่ตรงนั้น จ้องเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว !แววตาของเขาในตอนนั้น เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นขุ่นเคือง เขาไม่ยอมที่จะให้มันเป็นแบบนี้ ……
  ไม่กี่อึดใจต่อมา ยังไม่ทันที่ปาณีจะตอบสนองขานรับกับการจู่โจมของธามนิธิ จู่ๆตัวเธอก็เหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศ เธอเหวี่ยงเเขนขึ้นไปโอบรอบคอเขาเอาไว้แน่น
  ธามนิธิค่อยๆเผยอยิ้มออกมา ก่อนจะกระซิบบอกคนที่กำลังยืนนิ่งเป็นตอไม้อยู่ในอ้อมเเขนของเขา ” พวกเรากลับบ้านกันเถอะ !”
  เพียงคำพูดง่ายๆเพียงประโยคเดียว กลับเรียกปฏิกิริยาของปาณีให้สะท้อนคืนกลับมาได้ หญิงสาวกัดเข้าไปที่คอของธามนิธิอย่างเต็มแรง ก่อนจะบังคับตัวเองให้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงอันก้าวร้าวเเละเย็นชา ” คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ !คนสารเลว !ฉันบอกให้ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ …… ”
  พูดจบ คนที่กำลังเกรี้ยวกราดคนนั้น กลับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ปากก็ร้องไห้ไป มือก็ออกแรงทุบไปที่ชายหนุ่ม ” คุณมันคนเลว !เลวที่สุด !ฉัน ฉัน !ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว !ไม่ใช่สิ คุณต่างหากที่ไม่ต้องการฉันเเล้ว ! คุณใจร้ายกับฉันมาก คุณทำฉันร้องไห้จนเกือบตายเลย รู้บ้างไหม !……”
  เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้โฮของหญิงสาว หัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบจนเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมาทันที เขาก้มหน้าลงไปจุมพิตลงบนริมฝีปากของเธอเบาๆ เเล้วเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรเปียกๆเค็มๆ ไหลเข้าไปในปากตัวเอง ราวกับว่ารสชาตินั้นมันจะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาหรือแม้เเต่ในเลือดของเขาเอง ……
  เพราะนั่นคือน้ำตาของผู้หญิงที่เขารัก ถึงแม้จะไม่อยากเห็นเธอต้องร้องไห้ แต่การที่ได้สัมผัสเเละรับรู้ถึงความรู้สึกของหญิงสาว ที่อยู่ในอ้อมเเขนของเขาในตอนนี้ จะว่าไปมันก็เป็นความรู้สึกที่ โคตรดีเลย !

MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม

MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม

Status: Ongoing

เผชิญกับความบีบบังคับของครอบครัว การทรยศของเพื่อน สนิท และการบอกเลิกของแฟน ปาณีเลยเลือกแต่งงานกับธา มนิธิ ผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งพิการจากนั้นไป เขาเป็นที่พึ่งของเธอ เธอเป็นผู้รักษาจิตใจอันโดนทำลายของเขา…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน