บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 308

ตอนที่ 308

บทที่ 308 ฤดูใบไม้ร่วงอันแสนมากเรื่อง

คนที่อยู่ข้างประตูอันตรธานหายไปในทันที

กู้อ้าวเวยค่อยๆ ขยับร่างลุกขึ้นมาครึ่งหนึ่งอย่างช้าๆ “ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนั้นจะเอาโลงศพของท่านแม่ข้าไป มีแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว มิน่าท่านถึงได้รีบกลับมา”

แต่ซ่านจินจื๋อไม่ได้พูดถึงเนื้อความในจดหมาย และไม่รู้ว่าเขาเห็นแก่ตนถึงไม่พูด หรือว่าไม่เชื่อนางเลยสักนิดกันแน่

นึกถึงเชือกทวงชีวิต กู้อ้าวเวยยังคงแสร้งทำเป็นเหลือบไปที่ข้อมือของตนแวบหนึ่ง

ซ่านจินจื๋อกุมข้อมือของนางไว้ เอ่ยเสียงทุ้ม “เขาเอาไปก็ดี เป็นแบบนี้แล้ว ขอเพียงแย่งโลงศพของหยุนหว่านฮูหยินกลับมาได้ เรื่องเชือกทวงชีวิตนี้ ก็ยังพอผลักภาระไปให้พวกโหวเซ่อได้ คนในยุทธภพพวกนั้นคงไม่อาจนั่งนิ่งดูดายโดยเด็ดขาด จะต้องออกไปค้นหาแน่นอน”

เลิกคิ้วขึ้นมา กู้อ้าวเวยนอนแผ่กลับไปเหมือนเดิมเอาดื้อๆ “มิน่าจากทักษะของพวกท่านแล้ว ยังช่วงชิงกลับมาจากพวกโจรนั่นไม่ได้”

“เจ้าไม่โทษที่ข้าปล่อยโจรที่ทำร้ายเจ้าไป?” ซ่านจินจื๋อมองดูบาดแผลเป็นเรือนกายนาง สายตาดูเฉียบคมขึ้นมากนัก

“เอาภาพรวมเป็นสำคัญ ข้าก็ไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย” กู้อ้าวเวยปัดมือที่วางบนหัวไหล่ตนของซ่านจินจื๋อออกมา ก่อนลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง คราวนี้จึงค่อยตื่นตัวหน่อย

ดูท่าไม่ว่าไทเฮาจะพูดเรื่องนี้อย่างจริงจังแค่ไหน แต่ทุกสรรพสิ่งย่อมมีทางออกเสมอ ซ่านจินจื๋อปราดเปรื่องกว่าฮ่องเต้เป็นไหนๆ อย่างน้อยซ่านจินจื๋อก็ได้แก้ไขปัญหาอย่างสมเหตุสมผลแล้ว ส่วนฮ่องเต้ตอนนั้นกลับทำได้เพียงกักบริเวณนาง ซ้ำยังให้นางเป็นเหยื่อล่ออีกต่างหาก

ย้อนคิดดู คราวนี้นางจึงคิดถึงเรื่องที่ลืมไปแล้ว “แย่แล้ว ข้าปล่อยกู้จี้เหยาไว้ในวังหลวง”

กล่าวจบก็จะลงจากเตียง ซ่านจินจื๋อกดนางกลับลงไปที่เตียง เพิ่งคิดจะให้นางนอนราบลง กุ่ยเม่ยและเฉิงซานก็ได้เดินเรียงแถวเข้ามาเสียแล้ว

“ท่านอ๋อง เมื่อครู่เรือนหลักเกิดไฟไหม้ ดูเหมือนจะถูกโจรโจมตี แม่นางซูหมดสติไปเพิ่งฟื้น”

“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ตอนพระชายารองมาปวดท้องเหลือทนนัก ข้าน้อยได้เรียกหมอของจี้ซื่อถางไปดูแลแล้ว”

มิน่ากุ่ยเม่ยถึงไม่ได้ตามมาเสียที!

กู้อ้าวเวยหมายจะหยัดตัวลุกขึ้นโดยฉับไว ซ่านจินจื๋อพอได้ยินชื่อของซูพ่านเอ๋อก็พลันเปลี่ยนสีหน้า รีบพาเฉิงซานกลับไปอย่างรวดเร็ว กลางใจของกู้อ้าวเวยกลับเปี่ยมด้วยความหดหู่

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” กู้อ้าวเวยหยัดตัวขึ้นและไม่สามารถสวมเสื้อผ้ามากชิ้นขนาดนี้ได้อีก กุ่ยเม่ยทำเพียงปลดเสื้อนอกของตนมาคลุมหัวไหล่ให้นาง เห็นนางบาดเจ็บ ก็รีบอุ้มคนแบกขึ้นหลัง

อยู่บนแผ่นหลังของกุ่ยเม่ย ความหดหู่ในใจของกู้อ้าวเวยกลับยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

นางสะกดกลั้นความริษยากลางใจพวกนั้น ก่อนจะเอ่ยต่อไป “คืนวานมีชิงต้ายกับเจ้าคอยเฝ้า ควรจะไม่เป็นปัญหาสิถึงจะถูก”

“ในวังมีการคุ้มกันกวดขัน ย่อมไม่อาจเกิดเรื่องอยู่แล้ว อีกอย่างชิงต้ายบอกว่าระหว่างทางกลับมา จู่ๆ ก็ไม่สบาย….”

“ของบนรถม้าตรวจสอบหมดแล้วหรือยัง” กู้อ้าวเวยปั้นหน้าขรึมลงมา ในใจยังคงอดกลั้นไม่ได้ แต่ถึงแม้นางจะเชี่ยวชาญด้านยา แต่ในเรื่องการคลอดนี้กลับไม่คุ้นเคยเลย หากคลอดก่อนกำหนด นั่นก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากไม่คลอดเก่อนกำหนด สารรูปอย่างนางในตอนนี้ควรจะทำอะไรได้กันนะ

กลับมาถึงวังอ๋องจิ้ง ในตอนนี้แม้แต่ฮ่องเต้ยังส่งคนมาเป็นการเฉพาะ

องครักษเกราะเงินหน้าประตูพอเห็นกู้อ้าวเวย ก็ทยอยคารวะ สายตาหลายคู่กลับจ้องนางอย่างเอาตาย กลัวว่านางมีทีท่าจะวิ่งหนี

กู้อ้าวเวยลูบหัวไหล่ของกุ่ยเม่ย มองไปยังวิหารเฟิ่งหมิงอีกครั้ง เห็นว่าในเรือนนอกจากชิงต้ายแล้ว ก็มีสาวใช้คนรับใช้จำนวนไม่น้อยเพิ่มมาด้วย ต่างยืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้างๆ คนรับใช้ที่เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “พระชายาจิ้ง ฮ่องเต้ทรงมีบัญชากักบริเวณ ซ้ำท่านยังบาดเจ็บ พวกเรา…”

“ออกไปด้านนอก” กู้อ้าวเวยโบกมือเต็มแรง กุ่ยเม่ยรีบแบกนางเข้าไปอย่างรวดเร็ว

บรรดาสาวใช้คนรับใช้ทยอยออกไปด้านนอก ในตอนนี้วิหารเฟิ่งหมิงที่ห่างจากเรือนหลักไกลที่สุดยังคงได้กลิ่นไหม้เกรียมบางส่วนลอยมา กู้อ้าวเวยนอนราบลงบนเตียง ขับกุ่ยเม่ยออกไป ทำเพียงเรียกชิงต้ายมาเฝ้าข้างกายเท่านั้น

เห็นรอยแผลบนน่องข่า นางจึงนึกขึ้นได้

คนชุดขาวผู้นี้มาหาตนมักจะพกพัดทรงกระดูกมาด้วยเสมอ กลัวว่าตนจะมองไม่เห็น แต่ขอเพียงมีคนนอกอยู่ด้วย สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือจะเป็นดาบยาวทันที นึกถึงตรงนี้ นางพลันจำได้ว่าบนพัดกระดูกมีหินยกสีฟ้าหนึ่งอัน

ถ้าหากสามารถเกาะติดพัดกระดูกนี้ได้ ไม่แน่ว่ายังพอรู้ชื่อแซ่ของคนชุดขาวนี้ว่าเป็นใครได้บ้าง ซ้ำยังรู้ด้วยว่าเขาเป็นวรยุทธ์หยินหยางอีกด้วย

นางนั่งอยู่บนเตียงเพียงลำพัง สีหน้าราบเรียบ

ส่วนเมืองเทียนเหยียนแห่งนี้กลับเริ่มตื่นตระหนก

เรือนหลักของซูพ่านเอ๋อถูกไฟห่าใหญ่เผาจนเตียนเกลี้ยง ไม่ต้องพูดถึงการสำลักควัน แม้แต่เหล่าข้าทาสของเรือนหลักต่างได้รับบาดเจ็บ บนขาของจิ่นซิ่วถูกถากเป็นแผลปากกว้าง พอดีเป็นโอกาสเหมาะมาหาซ่านจินจื๋อเพื่อขอออกจากวังอ๋อง หลังจากซูพ่านเอ๋อฟื้นขึ้นมาก็รัดซ่านจินจื๋อแน่นอย่างเอาตาย

และเมื่อถึงยามฟ้ามืด ชิงต้ายรีบถือกล่องข้าววิ่งเหยาะๆ เข้ามาอย่างกระหืดกระหอบ “คุณหนู ท่านรีบไปที่วิหารชิงเฟิงสักหน่อยเถิด สถานการณ์ของคุณหนูรองดูเหมือนจะไม่ค่อยดีแล้วเจ้าค่ะ”

กู้อ้าวเวยจนปัญญา ทำเพียงปีนป่ายขึ้นมา ให้กุ่ยเม่ยพาตนไปที่วิหารชิงเฟิงสักเที่ยว

เท้าของกุ่ยเม่ยเพิ่งจะเหยียบลงพื้น ก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหวกเหวกบาดแก้วหูดังออกมา ส่วนหมอของจี้ซื่อถางมองกู้อ้าวเวยแวบหนึ่ง ทำเพียงประสานมือคารวะเบาๆ “ข้าไร้ความสามารถยิ่งนัก เด็กคนนี้…มิอาจรักษาไว้ได้แล้ว”

กู้อ้าวเวยช้อนสายตาขึ้น บัดนั้นหัวใจเหมือนถูกมีดกรีดแทง

ในวังอ๋องแห่งนี้ มีดวงวิญญาณของทารกเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว

“ไปเรียกท่านอ๋องมา” เพิ่งสิ้นเสียงของกู้อ้าวเวย ก็เห็นพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าด้วยกัน พลางเอ่ยอย่างจนปัญญา “ข้าส่งคนไปแจ้งท่านอ๋องแล้ว แต่เวลานี้ท่านอ๋องกำลังปลอบประโลมแม่นางซูอยู่…”

“หรือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขายังเทียบไม่ได้กับ…” เอ่ยได้ครึ่งประโยค กู้อ้าวเวยกลับไม่มีความมั่นใจเสียแล้ว

ในหัวใจของซ่านจินจื๋อ ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าซูพ่านเอ๋ออีกแล้ว

นึกถึงข้อนี้ นางทำได้เพียงรับฟังเสียงร่ำร้องจากด้านในอย่างเงียบๆ สูดลมหายใจหนักๆ หนึ่งเฮือก ก่อนถามท่านหมอ “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

“มีคนวางยาพิษไว้บนหมอนอิงในรถม้าของแม่นางกู้” ท่านหมอเอ่ย ให้สาวใช้ด้านในเอาหมอนอิงเล็กๆ ออกมา มันถูกห่อด้วยผ้า

กุ่ยเม่ยช่วยกู้อ้าวเวยใช้เข็มเงินทดสอบพิษ กู้อ้าวเวยสูดดมอย่างถี่ถ้วนเล็กน้อย กลับถูกหมอคนนั้นปัดออกอย่างรวดเร็ว “ห้ามดมเด็ดขาด มันเป็นพิษร้ายแรง”

“ถูกต้อง” กู้อ้าวเวยพยักหน้านิ่งๆ “ปริมาณมากขนาดนี้ ต่อให้ไม่สัมผัสผิวหนัง สำหรับแม่ตั้งครรภ์ได้กลิ่นนี้เข้าก็จะเป็นพิษร้ายแรงได้”

ท่านหมอกุลีกุจอวัดชีพจรให้กู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ย หยิบยาเม็ดมาฝนให้พวกเขาสองคน

กู้อ้าวเวยยังคงอยากจะถามอะไรต่อสักหน่อย แต่ซ่านจินจื๋อที่ควรจะอยู่ข้างกายซูพ่านเอ๋อกลับเดินมายังข้างกายของนาง ดึงนางเข้าสู่อ้อมอกของตนจากแผ่นหลังของกุ่ยเม่ย มองทางพ่อบ้านด้วยสายตาเย็นเยียบ “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”

“เด็ก…รักษาไว้ไม่ได้แล้วขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยอึกอัก ท่านหมอเล่าเรื่องหมอนอิงให้ฟังโดยสังเขป

ซ่านจินจื๋อได่ยินเพียงครึ่งเดียว ก็ช้อนกู้อ้าวเวยขึ้นอุ้ม รับน้ำหนักเบาๆ “เรื่องนี้ อย่าพูดเชียว”

พ่อบ้านหยิบถุงเงินใบหนึ่งโยนใส่มือของหมอคนนั้นอย่างรู้งาน กู้อ้าวเวยในตอนนั้นมีสีหน้าเย็นชา ยังไม่ทันเอ่ยคำ ซ่านจินจื๋อกลับมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบเสียแล้ว “อย่าพูดเชียว”

กู้อ้าวเวบรับคำหนึ่งที ขย้ำปกเสื้อของเขาแน่นอย่างเอาตาย

ทำทุกอย่างเพื่อซูพ่านเอ๋อได้โดยไม่สนใจใยดีอะไร นี่สิถึงจะเป็นซ่านจินจื๋อตัวจริง

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท