บทที่ 425 เผยสื้นท่าทางฉาวโฉ่(5)
เช็ดหยดน้ำบนใบหน้าออก ซ่านเซิ่งหานที่อยู่ข้างกายกางร่มให้นาง ใช้อาภรณ์สะอาดห่อตัวนางไว้
หยุนหว่านถูกเหล่าหญิงสาวล้อมรอบดูแลอย่างดี
“ข้ามิได้อ่อนแอขนาดนั้น” กู้อ้าวเวยมองการกระทำของซ่านเซิ่งหานอย่างเกรงใจ
“กุ่ยเม่ยให้ข้าดูแลเจ้าอย่างดี อีกทั้งถึงอย่างไรพวกเจ้าแม่ลูกก็ทำงานให้ข้า” ซ่านเซิ่งหานยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากนางเบาๆ เห็นอาภรณ์สีขาวบนร่างนางเปรอะโคลน เพียงขมวดคิ้วแล้วอุ้มนางไปในรถม้าที่อยู่ด้านหน้า: “แสดงงิ้วจบแล้ว ต่อจากนี้ก็ให้ข้าจัดการเถอะ”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า หยุนหว่านที่ด้านหลังโดนติดตามเป็นกลุ่มขึ้นรถม้าอีกคันหนึ่งเปิดม่านรถม้าออก: “ต่อให้สิ่งนี้จะเป็นแค่ความฝัน กู้เฉิงย่อมไปตรวจสอบอ๋องจิ้ง แต่ว่าองค์ชาย จริงๆ แล้วท่านต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”
สำหรับคำถามนี้ซ่านเซิ่งหานเพียงแค่ยิ้ม ซึ่งมิได้แสดงถึงความนัย
ขณะนี้กู้อ้าวเวยเองก็เดาไม่ออก อ๋องจิ้งกับกู้เฉิงล้วนกุมจุดอ่อนของกันและกัน คงไม่มีทางกลับกลายเป็นอริกันจริงๆ เพียงเพราะในครั้งนี้มีสิ่งลี้ลับจับต้องไม่ได้หรอก
แต่นางก็เชื่อว่าซ่านเซิ่งหานจะไม่หาเหาใส่หัว จึงเพียงเช็ดผมอย่างเงียบๆ
ผ่านไปชั่วครู่ รอจนกุ่ยเม่ยนำกู้เฉิงส่งกลับไปดูภายในเขา ซ่านเซิ่งหานถึงได้ตามขึ้นมาบนรถม้าคันเดียวกับกู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ย ได้ยินกู้อ้าวเวยส่งเสียงจามจึงถอดเสื้อคลุมบนร่างตนเองคลุมบนไหล่ของกู้อ้าวเวย
“ในช่วงนี้กู้เฉิงน่าจะทำการสืบหาร่องรอยของฮูหยินหยุนหว่านอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าอยู่ที่ตำหนักข้าพลางๆ ไปก่อนน่าจะดีกว่า ให้ฮูหยินหยุนหว่านหลบซ่อนไปสักพักก่อน” สุ้มเสียงของซ่านเซิ่งหานมักแฝงความอ่อนโยนอยู่เสมอ
“ควรต้องหลบซ่อนจริงๆ แต่ว่าเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนี้ ข้าเพิ่งกลับถึงเทียนเหยียนเจ้าก็เรียกมารดาข้ามาแสดงงิ้ว” กู้อ้าวเวยเสียงแผ่วลง เพียงคิดว่าเขายังไม่ไว้วางใจมารดาของตนอย่างเพียงพอ
ทั้งนี่ยังเป็นความจริง การปรากฏตัวของฮูหยินหยุนหว่านนั้นเป็นไปเพื่อกู้อ้าวเวย ทว่าซ่านเซิ่งหานมิมีความจำเป็นที่จะไว้วางใจเพียงเพราะกู้อ้าวเวย
เพียงแค่มองดวงตาอันแสนจริงจังของกู้อ้าวเวย ซ่านเซิ่งหานก็ไม่มีความคิดที่จะปิดบัง: “กู้เฉิงมีความอดทนยิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้”
“ดูท่าว่าเจ้าอยากยืมมือกู้เฉิงทำลายซ่านจินจื๋อ” กู้อ้าวเวยเข้าใจชัด แม้ว่าจะมีจุดที่แตกต่างจากความคิดของตน แต่จุดที่เหมือนกันของทั้งสองนั้นเหมือนกันอย่างไม่คาดคิด
พูดคุยไม่กี่คำกู้อ้าวเวยก็เข้าใจความคิดของเขา เพียงจุดนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกดีใจ
ในเมื่อรู้ถึงจุดประสงค์แล้วกู้อ้าวเวยก็พยักหน้าตอบรับ ทว่ายังคงเคารพความคิดเห็นของซ่านเซิ่งหาน ไม่บอกเรื่องนี้แก่หยุนหว่านในตอนนี้ สร้างความไม่พอใจให้แก่หยุนหว่าน “ข้าเป็นถึงมารดาเจ้า หากไม่มีข้าคอยดู เจ้าก็คงไม่ยอมกินข้าวดีๆ อีก”
กู้อ้าวเวยร้อนตัว: “ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแน่นอน ท่านแม่ย่อมเป็นคนใกล้ชิดที่สุด แต่ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ”
ในเมื่อบุตรีเป็นผู้กล่าว หยุนหว่านย่อมไม่ถามมากความ เร่งรีบพาคนจากไป ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างลับๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กู้อ้าวเวยกลับมาถึงเรือนสองชั้นภายในตำหนักขององค์ชายสามอีกครา หลายวันมานี้นางนอกจากช่วยออกความคิดเห็นกับซ่านเซิ่งหานอยู่เป็นนิจแล้วก็ไม่มีอะไรทำอีก เพียงคิดว่าตนเองจะหาโอกาสกลับไปในช่วงฤดูล่าสัตว์ได้หรือไม่ พาเด็กๆ ตระกูลหยุนไปเที่ยวเล่น
การคาดการณ์ของซ่านเซิ่งหานนั้นแม่นยำ
ไม่เกินสองวันกู่เซิงก็ส่งคนออกสืบหาทั้งในและนอกเทียนเหยียนอย่างโจ่งแจ้ง ดูเหมือนว่าต้องการหาไม่ร่างของกู้อ้าวเวยก็ของหยุนหว่านให้พบ ทว่าโลงศพของกู้อ้าวเวยอยู่ภายใต้นามของอ๋องจิ้ง เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว เพียงพอที่ซ่านเซิ่งหานจะทำกลอุบายไว้ภายใน อีกทั้งก่อนหน้านี้โลงศพของหยุนหว่านโดนแอบขุด ต่อให้กู้เฉิงหาโลงศพไม่เจอก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
แต่ทว่ากู้เฉิงก็ยังหาไม่เจอ จนกระทั่งผ่านไปค่อนฤดูร้อน ซ่านจินจื๋อถึงได้ตามเสด็จไทเฮาและฮ่องเต้กลับมา เพิ่งกลับถึงตำหนักอ๋องจิ้งก็ได้รับสารจากกู้เฉิง: “หวังว่าจะได้เข้าพบท่านอ๋อง”
“เกิดอะไรขึ้น?” ซ่านจินจื๋อมองกู้จี้เหยาที่อยู่ข้างกาย
ทว่ากู้จี้เหยาและฮัวลี๋เองก็ไม่รู้ว่ากู้เฉิงต้องการทำสิ่งใด จึงเพียงส่ายศีรษะ
วันต่อมากู้เฉิงมาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตู นี่คือครั้งแรกที่มาที่นี่หลังจากที่เขาหลบหนี กู้เฉิงยังคงท่าทางองอาจ ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับมิได้ดูตื้นเขินเช่นก่อนหน้า
พูดคุยไม่กี่ประโยคกู้เฉิงก็เอ่ยปาก: “ได้ยินมาว่าท่านอ๋องได้รับตำรับยาเล่มหนึ่งของตระกูลหยุนจากเวยเอ๋อ?”
ซ่านจินจื๋อชะงักกิริยา มุมปากยกขึ้น: “ใช่ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร”
“ไม่รู้ ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่” ดวงตาของกู้เฉิงวาววับขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนเช่นกู้เฉิงในยามปกติซ่อนเร้นความสามารถได้ แต่กลับไม่มีความอดทนแม้เพียงนิดเมื่ออยู่ต่อหน้าความปรารถนา
เพียงแค่ได้รับตำรับยาอายุวัฒนะ สักวันเขาจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่กว่าทุกวันนี้ แม้กระทั่งชางหลานก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ
“เพราะเหตุใด?”
“เพียงแค่ท่านอ๋องมอบตำรับยานี้ให้ข้า วันหน้าข้าจะให้กู่เซิงรับใช้ท่านเป็นอย่างดีแน่นอน ทั้งจะไม่นำองค์หญิงหลิงเอ๋อร์…”
เสียงพูดยังไม่จบ ประโยคนี้ก็โดนสายตาอันคมกริบของซ่านจินจื๋อหยุดไว้
เฉิงซานรีบนำตำรับยานั้นเข้ามา ความจริงแล้วขอเพียงแต่ไม่มีถุงน้ำดีหงส์กับต้นเลือดมังกร ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งไร้สาระ พวกเขาย่อมไม่ตระหนี่
กู้เฉิงเปิดตำรับออก มองเห็นถุงน้ำดีหงส์กับต้นเลือดมังกรก็ขมวดคิ้ว ทว่าหลังจากนั้นก็คลี่เปิดอีก กล่าวถวายความจงรักภักดีแล้วก็รีบร้อนจากไป
“ส่งคนคอยตามเขา” สีหน้าซ่านจินจื๋อนิ่งสงบ: “กู้เฉิงนั้นปล่อยไว้ไม่ได้ ไปบอกกู่เซิง กำจัดกู้เฉิงแล้วข้าจึงจะให้ความไว้วางใจเขาเต็มที่ รอจนได้ขึ้นครองราชย์บัลลังก์ในวันหน้า เขาจะยังเป็นเฉิงเสี้ยงเหมือนเดิม พี่น้องของเขาล้วนจะมีที่ทางที่ดี”
เงาดำสายหนึ่งรีบร้อนตามไป
ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ด้านนอกประตูกลับยกของเข้ามาด้วยสีหน้าซีดขาว สองมือสั่นไม่หยุด “ท่านพี่จื๋อ เรื่องของหลิงเอ๋อร์ท่าน…”
“ข้าสูญเสียหลิงเอ๋อร์ไปแล้ว จะสูญเสียเจ้าอีกไม่ได้” ซ่านจินจื๋อมองซูพ่านเอ๋ออย่างเย็นชา ทว่ากลับปิดบังความอ่อนโยนในสายตานั้นไม่มิด
ซูพ่านเอ๋อน้ำตาคลอเบ้าในทันใด ทั้งอยากเข้าไปใกล้ข้างกายซ่านจินจื๋อ แต่ถูกซ่านจินจื๋อจ้องอยู่: “ตอนก่อนหน้านี้ที่กู้เฉิงใช้สิ่งนี้ขู่ข้า ข้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าเจ้าเพื่อที่จะสลัดทหารไล่ล่าทิ้ง ได้ให้หลิงเอ๋อร์ไปเป็นคนรับเคราะห์แทน”
ฝีเท้าของซูพ่านเอ๋อชะงักลงอีกครา: “ข้า…เป็นเพราะข้าเองก็จนปัญญา…กระวนกระวายไปชั่วขณะข้าถึงได้…”
“เจ้าควรไปสารภาพบาปกับหลิงเอ๋อร์ ช่วงนี้ก็ให้กู้จี้เหยามาคอยปรนนิบัติแล้วกัน” ความอ่อนโยนในสายตาของซ่านจินจื๋อสลายไปในชั่วพริบตา
ซูพ่านเอ๋อคับข้องใจ แต่ก็รู้ความผิดของตนเองมาโดยตลอด
ซ่านหลิงเอ๋อร์เป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ ทั้งเป็นคนสนิทที่เหลือเพียงไม่กี่คนของซ่านจินจื๋อ หลายวันก่อนเขาถึงจะเพิ่งได้รู้ว่าซ่านหลิงเอ๋อร์ถูกนางผลักใส่คมมีด ในใจจะไม่พอใจย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
นางถึงกับดีใจกับเรื่องนี้ ท่านพี่จื๋อกลัวนางจากไปอีกคน ฉะนั้นต่อให้รู้ความจริงก็จะช่วยปกปิด
รอจนหลังจากที่ซูพ่านเอ๋อจากไป ซ่านจินจื๋อถึงได้คลึงขมับอย่างทุกข์ใจ
หากว่ากู้อ้าวเวยยังอยู่ เขาไม่มีทางจะมีความรู้สึกชอบพอใดๆ ต่อซูพ่านเอ๋ออีก เขาจำได้ตลอดว่าหลายวันก่อนหน้าเฉิงซานนำข่าวมาด้วยสีหน้าขาวซีดราวเถ้าถ่าน แจ้งเขาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่: “จุดอ่อนที่กู้เฉิงรู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์”