บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 609

ตอนที่ 609

บทที่ 609 สวดมนต์ขอพร

“ชนะในการต่อสู้คราวถัดไปโดยใช้จำนวนคนให้น้อยที่สุด นี่คือสิ่งที่เจ้าควรจะทำ เจ้าไม่ใช่ผู้นำของทาส แต่เป็นนายพลของผู้คน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะต้องเอาชนะให้ได้ และคนที่จะเป็นคนชูธงจะต้องเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างกู่เซิงและผู้ที่เคลิ้มตามให้ทำ”

ล่ายเสวียนมองไปยังนางและเงียบอยู่นาน จากนั้นก็พูดไป “ทุกครั้งที่พบเจ้า เจ้านี่ช่างอวดดีจริง ๆ”

ฉีหรัวและพวกเขาทั้งหมดหัวเราะขึ้นมาเบาๆ กู้อ้าวเวยพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ข้าก็ได้แต่พูดสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ออกมา สิ่งที่ควรจะทำจริง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับสมองและวิธีการของเจ้า”

“ข้อเสนอของเจ้ามันเป็นไปไม่ได้” ล่ายเสวียนพูดร่วมขึ้นมา ยังคงเฉยเมย “ตั้งแต่เจ้ารู้เรื่องข้ากับแคว้นเจียงเยี่ยน มาช่วยกันแก้ปัญหาเล็กน้อยพวกนี้ ข้าไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้”

“ข้าเป็นคนของแคว้นเอ่อตาน” กู้อ้าวเวยตัวแข็งทื่อ

“เจ้าเป็นคนชอบสาระแน และมีน้ำเสียงหนักแน่น” ล่ายเสวียนมองดูนาง “เรื่องอะไรที่ทำตอนนั้น ก็ต้องขอบคุณเจ้า ตอนนี้เจ้าต้องให้ข้ายืมสถานะของเจ้าในการออกคำสั่ง ก็จะสามารถทำเรื่องได้”

กู้อ้าวเวยรู้สึกถึงความรักของผู้คนก็รู้สึกดีไม่ใช่น้อย

การแสดงออกบนใบหน้าของล่ายเสวียนทำให้นางรู้สึกขยะแขยงถึงขีดสุด บางทีนางนำชีวิตมนุษย์เปรียบได้กับเงิน กัดกรามแน่น แต่สิ่งที่พูดออกมายังคงมีเหตุผล ถึงกัดกัดฟันเล็กน้อยเพื่อจะดึงนางเข้าร่วมสถานการณ์นี้

“งั้นก็ได้” นางค่อยๆถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงชีวิตเพื่อนมนุษย์เสมอ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีวิธีอื่น”

ก่อนที่ข้าจะหยุดปากของเจ้าไว้ ให้คำแนะนำกับข้า และตักเตือนข้า แบบนี้ก็เพื่อครอบครัวของผู้คนจำนวนมาก” ล่ายเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยคำเตือน

กุ่ยเม่ยยืนนิ่งอยู่ข้างกายกู้อ้าวเวย “ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าก็รู้นะ นางพูดถูก”

ล่ายเสวียนมองไปยังกุ่ยเม่ย เดินออกจากกระโจมค่ายไปโดยไม่หันมามอง

กู้อ้าวเวยได้แต่เดินตามไปช้า ๆ โดยมีกุ่ยเม่ยคอยติดตามไม่ห่าง และหลังจากนั้นก็มีคนอื่นเข้ามาพูดคุยกับฉีหรัวเกี่ยวกับเรื่องของเงินพวกนี้ จางเหยียงซานไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งออกไปด้วยกันกับฉีหรัว เมื่อตอนที่ไปตรวจนับอาหารสัตว์ เขาจึงพูดขึ้น “กู้อ้าวเวยเป็นคนสุดโต่งมาตลอด”

“ยังไงนะ” ฉีหรัวเงยหน้าขึ้นมองเขา

“คนที่รักนางก็มักจะให้นางเป็นคนสนิท และคนที่ไม่ชอบนาง ก็จะปฏิเสธที่จะไม่มอบสิ่งดีอะไรให้นางเลย” จางเหยียงซานทำหน้าเศร้า

ฉีหรัวรู้ว่าเขาเป็นแบบนี้เมื่อคิดถึงพี่สาวผู้ล่วงลับของเขา ฉีหรัวพูดว่า “เจ้าคิดว่าเพื่อนอย่างพวกเรารักนางจริงหรือ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ” จางเหยียงซานถาม

“นางมีเพื่อนสนิทเพียงสองคนคือชิงต้ายและกุ่ยเม่ย เจ้าครึ่งหนึ่งก็เป็นเหมือนศิษย์ของนาง และข้า เป็นเพียงเพื่อนที่มีแนวทางเดียวกัน พวกเราทุกคนกำลังเดินไปในทิศทางของตนเอง แต่นางก็มีความยุติธรรม คอยให้คำปรึกษา รอให้เจ้าตัดสินใจเอาเอง หรือให้ออกคำสั่งมาก่อนแล้วค่อยจากไป” ฉีหรัวส่ายหน้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “พวกเราไม่ได้รักนาง แต่เรารักในเหตุผลและความช่วยเหลือของนาง”

จางเหยียงซานครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และขมวดคิ้วขึ้น “แต่ข้ามีแต่เป็นห่วงนาง”

“ดังนั้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจึงเป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนเสมอ” ฉีหรัวหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชื่นชอบนาง บางคนอาจจะรู้สึกสดชื่นชั่วขณะ ไม่ว่านางจะทำเรื่องไว้มากน้อยเพียงใด ก็เป็นแค่เพียงแขกที่ผ่านเข้ามา คุณงามความดีทั้งหมดก็ล้วนผ่านนางไป แต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่านางเป็นผู้สนับสนุนคอยขับเคลื่อนผู้คน บางทีมันอาจเป็นการขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ด้วย”

“บางทีเจ้าก็อาจจะพูดถูกนะ” จางเหยียงซานยังคงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

ในเวลาเดียวกัน การมาถึงของกู้อ้าวเวยก็สร้างความวุ่นวายไปทั่วในหมู่แม่ทัพ พวกเขาทั้งหมดมาจากเมืองที่เคยถูกทาไปด้วยเลือด ชีวิตของผู้คนเหล่านั้นก็ให้เกิดความสามัคคีและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และก็ให้เกิดความโหดร้ายและฝันร้ายเช่นกัน  

แต่กู้อ้าวเวยกลับไม่หยุดที่จะทิ่มแทงมีดเข้าไปยังหน้าอกพวกเขา อย่างไร้ความปรานี

“พวกเจ้าฆ่าคนเพื่อสิ่งที่เรียกว่าอิสรภาพ แต่อันที่จริงเป็นเพียงแค่เพราะผลประโยชน์ของตนเอง ตอนนี้เจ้าก็ต้องใช้ชีวิตของตนเองและทหารในมือ เพื่อแลกกับการลูกหลานรุ่นหลัง แลกกับชีวิตของพ่อแม่และภรรยาของพวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้ากลับบอกกับข้าว่าไม่สามารถจะประนีประนอมได้” กู้อ้าวเวยวางมือทั้งสองไว้ที่ขอบโต๊ะ

ผู้เป็นทาสเหล่านี้เริ่มจะหวงแหนชีวิตของตน แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาชีวิตไว้ คิดว่าเปลี่ยนแปลงได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ก็ฝันว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และยังใช้ชีวิตภายใต้ชื่อของผู้บังคับบัญชา

“ไม่แปลกใจที่ขาอีกข้างของเจ้ายืนอยู่กับซ่านจินจื๋อ เจ้าก็เป็นเพชฌฆาตเหมือนกับเขา!”

มีแม่ทัพตะโกนมาด้วยความโกรธ

“ถ้าเขาเป็นเพชฌฆาต ทำไมหลังจากเขารบชนะ จึงไม่มีใครสักคนกล้าไปวุ่นวายที่ชายแดน ตลอดแนวทะเลทรายและป่าไม้ระหว่างประเทศเหล่านี้ ยังต้องส่งทหารมาคุ้มกันอีก!” กู้อ้าวเวยทุบโต๊ะเสียงดัง พูดตะโกนเสียงดังออกไปด้วยความโกรธ “ถ้าหากว่าข้าเป็นเพชฌฆาต หรือล่ายเสวียนเป็นเพชฌฆาต พวกเจ้าจะมีชีวิตอยู่แล้วมาตะโกนใส่ข้าอยู่ตรงนี้ไหม”

“พวกเจ้าตั้งคำถาม แต่กลับไม่แก้ปัญหา พวกเจ้าเสนอมาก็แค่ต้องการทำเพื่อผู้ใต้บังคับบัญชา แต่กลับไม่คำนึงถึงญาติมิตร เจ้ายืนอยู่ในค่ายนี้ก็เพื่อชีวิตของตัวเองแล้วมาพูดให้เกิดความชอบธรรม ทำไมไม่ไปยืนบนกำแพง แล้วถามทหารพวกนั้น ว่ายินดีที่จะใช้ชีวิตตัวเองเพื่อรักษาความปลอดภัยของครอบครัวและคนที่เขารักไหม!”

เสียงแผ่วเบาลง บรรยากาศภายในค่ายเงียบลงอย่างประหลาด

ล่ายเสวียนกล่าวขึ้นมาในตอนนี้ “ใครก็ได้มานี่หน่อย เรียกทหารทั้งหมดมารวมพลกันที่สนามฝึก ถามพวกเขาดูว่ายินดีหรือไม่”

“ท่านแม่ทัพ! ท่านยอมฟังคำของหญิงต่างด้าวผู้นี้หรือ….”

“แต่ที่นางพูดมาก็ถูกนะ” ล่ายเสวียนขัดจังหวะเขา ด้วยสายตาที่แหลมคม “สิ่งที่ข้าต้องการ คือการต่อต้าน และเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้! คนของแคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นซินมาถึงหน้าประตูกันแล้ว ใครไม่มีวิธีอะไรที่จะช่วยได้ก็ถอยออกไป”

ทุกคนไม่กล้าพูดอะไร

กู้อ้าวเวยที่หน้าแดงขึ้นด้วยความโกรธ ในตอนนี้เริ่มจะสงบลง นางได้แต่ดื่มน้ำอยู่อย่างเงียบๆ แล้วก้มหน้าลง “กู่เซิงต้องการจะยึดที่แห่งนี้ พวกเจ้าต้องเตรียมพร้อมความร่วมมือให้ดีไม่ใช่มัวแต่นั่งจมก้มหน้า นี่เป็นจุดที่สำคัญที่สุดซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ที่มีเหมืองอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นหากพวกเขาโจมตี….”

ไม่ทันจะฟังว่าผลลัพธ์ด้านนอกเป็นเช่นไร กู้อ้าวเวยก็ได้จัดวางแผนที่ของแคว้นเจียงเยี่ยนไว้อย่างละเอียดระมัดระวัง

แม้ว่าท่านซูจะมอบแผนที่อันจะใช้งานได้ให้กับตนเอง แต่นางก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับคนอื่น แม้แต่ซ่านจินจื๋อและกู่เซิงก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้กลับให้ข้อมูลชั่วคราวของแต่ละสถานที่มาปรับใช้ในแผนการ แม้ว่าล่ายเสวียนยังคงมีข้อสงสัยในตัวนาง

แต่ก็ไม่อาจจะซ่อนไว้ในเรื่องที่จริงจังเป็นทางการได้

เสียงตะโกนโห่ร้องที่ดังมาจากภายนอกประตูไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง เมื่อถึงเวลาแม่ทัพต่างมีความกังวล นางได้ทำเครื่องหมายด้วยสิ่งของหลายอย่างบนแผนที่ ทั้งหมดก็ต่างคาดเดา แต่ทุกสิ่งล้วนมีเหตุผลทั้งสิ้น

นางรู้จักภูมิประเทศของแคว้นเจียงเยี่ยนดีกว่าแม่ทัพหลายคนในตอนนี้

จนกระทั่งยามค่ำ กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนขอบเตียงด้วยความเจ็บปวด กลับได้ยินเสียงของฉีหรัว “จดหมายของอ๋องส่งถึงชายแดนแล้ว”

“มีอะไรด่วนไหม” กู้อ้าวเวยเรียกนางเข้ามาใกล้

ฉีหรัวเปิดประตูออก ทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย “เขาบอกว่าเขาหาชัยภูมิที่ดีในการฝังศพชิงต้ายแล้ว และยังเชิญเจ้าอาวาสแห่งอารามไป๋หม่ามาสวดมนต์อธิษฐานให้นางด้วย ขอให้เจ้าวางใจได้”

กู้อ้าวเวยไม่พูดอะไรสักคำ ยังคงนิ่งอยู่กับที่ ฉีหรัวเพียงแต่วางจดหมายไว้ แล้วพาตัวเองถอยออกไป

ชิงต้ายนั้นแท้จริงแล้วอยู่ตรงไหนในหัวใจนาง ฉีหรัวก็ไม่อาจรู้ได้

เพียงแต่จำได้ว่าคืนนี้ กู้อ้าวเวยนอนไม่หลับทั้งคืน

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท