บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 610

ตอนที่ 610

บทที่ 610 ดาบสองคม

เวลาเช้าตรู่ ในเมืองเริ่มมีความคึกคัก

กู้อ้าวเวยเกือบจะถูกปลุกด้วยเสียงร้องจากด้านนอก นางตื่นตกใจรีบปีนลุกขึ้นเนื่องจากคิดว่าเป็นการโจมตีของข้าศึก รีบใส่เสื้อคลุมและออกไปที่ประตู กลับพบเพียงกุ่ยเม่ยที่โผล่หน้าเข้ามา มือข้างหนึ่งลากนางกลับเข้าไป “มีคนวางยาพิษในน้ำใต้ดิน และผสมลงในอาหาร มีทหารโดนไปหลายคนเชียว”

“ข้าอยากไปดูสักหน่อย” กู้อ้าวเวยพูดก้อนที่จะออกไป

“จางเหยียงซานไปดูแล้ว เรื่องนี้น่าแปลกประหลาด แม่ทัพล่ายเสวียนมาที่นี่ขอให้ข้ารั้งเจ้าไว้ และยังให้ข้านำจดหมายนี้ให้เจ้าด้วย ฉีหรัวยังบอกด้วยว่าตอนนี้องค์ชายสี่กลับถึงชายแดนแล้ว กำลังรอให้เจ้ากลับไปแจ้งข่าว” กุ่ยเม่ยจับตัวนางไว้ รู้ว่าเมื่อนางพบเจอเรื่องแบบนี้มักจะไปโยเร็วอยู่เป็นประจำ และเร่งปิดประตู

เมื่อรู้ว่าจางเหยียงซานได้ไปก่อนแล้ว กู้อ้าวเวยก็รู้สึกโล่งใจ รีบเปิดจดหมายออกอ่าน และทำอะไรไม่ถูก “ล่ายเสวียนเป็นคนใจอ่อนเยี่ยงสตรี ข้ารู้ว่าเขาทำให้ข้าลำบากใจต่อหน้าคนอื่น แต่ก็เพียงเพื่อชื่อเสียงของเขาเอง”

คำขอโทษสองสามประโยคในจดหมายนี้ ถูกเขียนขึ้นเหมือนกับเด็กเขียน

เพียงแค่บอกนาง ว่าในเมืองมีสายตาของผู้คนมากมาย และก็ต้องมีใครคนหนึ่งที่ต้องแบกรับความแค้นทั้งหมด เขาได้พูดคุยกับฟ่านเฟิงแล้ว ถ้าหากว่าจะต้องโกรธใครสักคน ควรจะเลือกคนนอกดีกว่า ที่ต้องเลือกกู้อ้าวเวยก็เพราะเป็นความเห็นจากสาธารณชน จึงรู้สึกผิดมาถึงตอนนี้ หวังว่านางจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ และเมื่อสั่งการทุกอย่างเสร็จก็จะจากไป

ในประโยคสุดท้าย เพียงแต่สัญญากับนาง หากเขายังมีชีวิตอยู่ในวันหนึ่ง จะขอตามรับใช้กู้อ้าวเวยแน่นอน

จากนั้นก็ฉีกจดหมายนั้นเป็นชิ้นๆ วางไว้ระหว่างถ้วย จุ่มหมึกสีดำ

“หัวใจของคนก็เป็นเช่นนี้ หากตำแหน่งสูงคือสถานการณ์โดยรวม ความด้อยโอกาสจึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำ” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เนื่องจากจางเหยียงซานไปแก้ไขสถานการณ์แล้ว พวกเราก็ไปดูองค์ชายสี่กันเถอะ”

“ล่ายเสวียนอ่อนแอและไม่ต้องการจะเป็นคนชั่วร้าย เจ้าช่วยนางได้ไหม” กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว

“ถ้าหากเขาจะทำตามใจเพื่อคนนอกอย่างข้า ก็ย่อมเป็นเรื่องอันตรายสำหรับอนาคต หากแม้นว่าตอนนี้ข้าจะเอาชนะพลเมืองดีได้ แต่เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะกลายเป็นคนสองประเทศ” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืน เดินไปยังฉากกั้นแล้วเปลี่ยนเสื้อคลุมตัวหนา กุ่ยเม่ยจึงหลีกตัวออกไปเพื่อเลี่ยงความสงสัย

ล่ายเสวียนได้เตรียมการสำหรับการจากไปของนางเอาไว้แล้ว

ฟ่านเฟิงนำทางพวกเขาออกไปจากประตูเล็ก รถม้าทั้งหมดมีหมอนอ่อนนุ่มสบาย รวมทั้งกล่องไม้ใบเล็ก “กู่เซิงเคยส่งคนไปสอบถามเบาะแสที่อยู่ของเช่ออี้จื่อ เพราะทราบว่าองค์หญิงต้องการ แม่ทัพล่ายเสวียนจึงให้ข้านำมาให้ท่าน หวังว่าองค์หญิงจะเดินทางอย่างราบรื่น เมื่อถึงคราวศึกสงคราม ขอได้โปรดระวังตัวด้วย”

“นี่มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลย….”

กู้อ้าวเวยมองดูเช่ออี้จื่อในกล่องไม้อย่างไม่อยากจะเชื่อ เช่ออี้จื่อและบัวหิมะนั้นแยกแทบไม่ออกต่างกันแต่เพียงไหมสีแดงจางๆ และแหล่งที่อยู่ซึ่งเป็นแก่นแท้

นี่เป็นความคิดที่ผิดพลาด นางปิดฝาลง “เช่ออี้จื่อนี้มาจากไหนหรือ เมื่อกี้นี้ที่บ่อน้ำถูกวางยาพิษทำไมไม่นำไปใช้”

“เช่ออี้จื่อนี้ตอนนั้นเป็นของทาสสองคนที่ขโมยมาจากบ้านของเจ้านายที่พวกเขาหนีออกมา ว่ากันว่าสิ่งนี้สามารถถอนพิษได้ แต่พวกเราชาติกำเนิดไม่ดี คงไม่เหมาะจะนำไปใช้ มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าหากอยู่กับองค์หญิง” ฟ่านเฟิงโค้งคำนับ มองส่งพวกนางออกไป

กู้อ้าวเวยกลับไม่รู้ว่าจะต้องไปมาระหว่างประเทศเหล่านี้อีกกี่ครั้ง แต่วันนี้ นางเพิ่งรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของแผ่นดินใหญ่นี้จริง ๆ จากนั้นก็ยกปากขึ้นพูด “แม้พวกเขาจะมีความรู้เพียงเล็กน้อย การเป็นคนก็ใช่ว่าจะกลมกล่อม แต่บังเอิญว่าคนแบบนี้ มาเพื่อวางรากฐานให้ประเทศ น่าสนใจโดยแท้”

“เหตุผลที่เจ้าพูดออกมาจากปากมันมากพอแล้ว” กุ่ยเม่ยมองนางอย่างช่วยไม่ได้ “วันนี้หากเจ้ารีบออกมา อาจจะต้องพบกองคาราวานสินค้าของฉีหลินบนท้องถนน”

“ไปที่กองคาราวานของแคว้นเอ่อตานหรือ” กู้อ้าวเวยลดม่านบนรถม้าลง ถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ออก และเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องนอนที่หนาขึ้น

“ฉีหรัวพูดไว้ก่อนแล้ว ช่วงหลายวันนี้ต้องนำสิ่งของจากแคว้นชางหลานส่งไปยังแคว้นเอ่อตาน เขาควรจะใช้ประโยชน์จากช่วงที่ยังไม่เกิดสงคราม เมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น กลัวว่าแคว้นเอ่อตานและแคว้นชางหลานจะไม่สู้รบ แต่กองคาราวานก็คงจะไม่สามารถเข้าออกได้ตามอำเภอใจ “กุ่ยเม่ยยื่นหมอนบรรจุสมุนไพรแสนนุ่มให้นางกอด และพูดเพิ่มไปอีก “จางเหยียงซานบอกว่า เจ้าไม่สามารถทานยาได้ แต่การดมกลิ่นก็เป็นประโยชน์”

ใช้มือลูบหมอนนุ่มๆที่เต็มไปด้วยยาสมุนไพรในอ้อมแขน กู้อ้าวเวยพยักหน้า “หากเป็นแบบนี้ บังเอิญว่าข้าก็อยู่ด้วย ส่งจดหมายไปบอกพ่อกับแม่ดีกว่า”

“ไม่ไปพบหน้าหน่อยเหรอ” กุ่ยเม่ยรู้สึกงุนงง

“ถึงเวลาค่อยว่ากัน” กู้อ้าวเวยไม่พูดอะไรต่อ นิ่งเงียบเคร่งขรึม

กุ่ยเม่ยถอนหายใจ ราวกับว่าจะเข้าใจความรู้สึกของฉูหลี่ก่อนหน้านี้ว่าทำไมถึงไม่เข้าถึงความรู้สึกในคำพูดของนาง

เพียงออกเดินทางออกไม่ถึงสองชั่วโมง ก็หยุดทุกคนที่พบเจอบนถนน วันรุ่งขึ้นนางก็ได้เรียนรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับน้ำใต้ดิน และตกใจเล็กน้อย “มีแม่น้ำอยู่หลายสายตรงแนวชายแดน มีแผนที่หรือไม่”

กุ่ยเม่ยส่ายหน้า เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับน้ำใต้ดิน

กู้อ้าวเวยทำอะไรไม่ถูก แต่กลับสามารถคิดได้ด้วยตัวเองว่ากำลังได้เรียนรู้ในสิ่งที่คล้ายคลึงกับตอนแรกหรือไม่ แต่น่าเสียดายที่มีความชำนาญในทักษะของนาง เทียบไม่ได้เลยกับนักโบราณคดีที่ข้ามเวลามาจากบรรพบุรุษ

ตลอดทางที่เดินทางมา คอยไต่ถามคนที่หนีความลำบากมาหรือบรรดาพ่อค้าอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้

ในตอนค่ำวันนั้น ในที่สุดทั้งสองก็ได้พบกับกองคาราวานของฉีหลิน กู้อ้าวเวยก็ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอคนรู้จัก แปลกใจเล็กน้อย “เจิ้งฉิงคุนหรือเปล่า”

ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนนั้นหันกลับมา นายพรานในตอนนั้นบัดนี้มีหนวดเครา กำลังสั่งให้ผู้คนพักผ่อน หลังจากหันไปตามที่มาของเสียง ก็ได้พบกับกู้อ้าวเวย ได้แต่พูดขึ้น “ไม่นึกเลยว่าจะได้พบองค์หญิง”

มีคนในกองคาราวานหันมามอง กู้อ้าวเวยกลับห่อตัวเองแน่น แล้วเดินมุ่งไปหาเขา กุ่ยเม่ยเดินร่วมไปกับกองคาราวานเพื่อหาสถานที่พักผ่อน

“ทำไมเจ้าถึงได้มาทำงานกับฉีหลินล่ะ” กู้อ้าวเวยคิดว่าเจิ้งฉิงคุนยังคงอยู่ช่วยฉีหลินดูร้านในเมืองเทียนเหยียน และดูแลคนบนถนนสายเล็ก ๆ

“เดิมทีข้าก็แค่ช่วยดูร้าน แต่นายท่านบอกว่าในกองคาราวานยังไม่มีคนรู้วิทยายุทธ์มากนัก ดังนั้นจึงไม่ไว้ใจหากจะหาคนจากข้างนอก ข้าจึงไปขอให้พี่น้องสองสามคนมาช่วยด้วย ตอนนี้ก็เกือบจะสองปีแล้ว” เจิ้งฉิงคุนนั่งขัดสมาธิบนพื้นเพื่อจุดไฟ เอาเบาะอีกชิ้นวางไว้ข้างๆ เพื่อให้นางนั่งลง

“เป็นแบบนี้นี่เอง” กู้อ้าวเวยนั่งลง ถูปลายนิ้วที่เย็นของตนเอง และยื่นจดหมายถึงครอบครัวที่นางเขียนขณะพักผ่อนอยู่ระหว่างทางให้กับเขา “หากเป็นไปได้ รบกวนฉีหลินให้ช่วยส่งมันให้ครอบครัวข้าด้วย”

เจิ้งฉิงคุนนำจดหมายมาไว้ในอ้อมแขน จุดไฟตรงหน้าเขา และท้องฟ้าค่อยๆมืดลง

“องค์หญิงรู้หรือไม่ ตอนที่ข้าออกมาจากเมืองเทียนเหยียน องค์ชายสามยังไม่ได้รับตำแหน่งรัชทายาทเลย” เจิ้งฉิงคุนยื่นอาหารเสียบไม้ให้นาง

“ทำไมหรือ”

“เพราะเจ้า” เจิ้งฉิงคุนเคาะท่อนไม้ในมือลงบนพื้น ประกายไฟสองสามจุดกระเด็นขึ้นมา ดวงตาของเจิงฉิงคุนก็ลุกโชติช่วง “หลายคนบอกว่าเจ้าทำตัวไม่ถูกในฐานะขององค์หญิงเอ่อตาน แคว้นชางหลานมีความแข็งแกร่งและมั่งคั่งอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการแต่งงานขององค์ชายกับ…. อีตัวเช่นเจ้า”

แม้ว่าสองคำสุดท้ายจะพูดเสียงเบา แต่เมื่อกู้อ้าวเวยได้ยินเข้าจริง กลับทำอะไรไม่ถูก “ข้าไม่ได้คาดหวังกับสิ่งนี้ แต่บุตรบุญธรรมของข้าก็เป็นลูกของอ๋องจิ้ง และเขาก็จะเป็นรัชทายาทในอนาคต ฟังแล้วเหมือนว่าจะมีอะไรผิดปกติ”

“เจ้าไม่โกรธหรือ” เจิ้งฉิงคุนค่อนข้างไม่พอใจ

“โกรธอะไรกันหรือ” กู้อ้าวเวยตอนนี้ได้แต่เพียงหยิบกิ่งไม้บาง ๆโยนเข้ากองไฟ เปลวไฟในดวงตาไม่ได้ถูกจุดซ้ำ “พวกเขาต้องการให้ข้าเป็นมือดาบ แต่กลับไม่อยากให้ข้าเป็นดาบที่ เป็นดาบสองคม”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท