บทที่ 622 หลบซ่อนอย่างมิดชิด
“เพราะเหตุนี้ ฝ่าบาทจึงออกจากเมืองในช่วงข้ามคืน”
กุ่ยเม่ยเอาป้ายที่ห้อยอยู่ที่เอวที่เป็นของกู้อ้าวเวยส่งให้ทหารรักษาประตูเมือง กู้อ้าวเวยยังแง้มม่านออกเพื่อให้ตรวจดูอย่างใจกว้าง ในนั้นก็มีแค่เช่ออี้จื่อ และเหล้ายาเลือดมังกร (ต้นหญ้า) ที่กุ่ยเม่ยส่งคนไปเอากลับมา และถุงน้ำดีหงส์ (ต้นหญ้า) ที่ไม่เคยถูกใครค้นพบมาก่อน
อีกทั้งยังรวมกับยาสมุนไพรอื่นๆ และตำราโบราณหลายเล่ม ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว
องครักษ์ส่งป้ายพกคืนให้ “ฝ่าบาท บัดนี้เป็นช่วงเวลาค่ำคืน นอกเมืองป่าเขา…..”
“หนทางลำบากเป็นเรื่องปกติ หากเป็นกังวล ส่งคนไปรายงานกับเสด็จพ่อก็ได้ บอกเขาว่าข้าสบายดีทุกอย่าง เพียงแค่มีเรื่องที่ต้องเร่งรีบจากไปจัดการ” กู้อ้าวเวยโบกมือขึ้น เป็นการบอกพวกเขาว่าไม่ต้องส่งคนตามไป หลีกเลี่ยงการถูกคนจับได้เมื่อถึงเวลา
องครักษ์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก กลับเพียงแค่เอาอาหารแห้งและพรมมาให้มากขึ้นอีก
“ขอบคุณฝ่าบาทที่ทิ้งใบยาเอาไว้” พวกองครักษ์สั่งคนให้เปิดประตูเล็ก ส่งพวกเขาให้ออกไป
รอจนจากไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ป่าเขาสงบเงียบเหงา ล้อรถที่ถูกลมหิมะเกิดมีเสียงดังเสียดสีกันขึ้น
นางจึงจุดตะเกียงโคมไปที่พกมา เอาไม้ก้านหนึ่งเสียบเข้าไปด้านข้างเพียงพยุงโคมเอาไว้ ยืมแสงของโคมนี้ จากนั้นนางก็เห็นเส้นแปลก ๆ ที่ไต่ขึ้นไปทั่วทั้งแขนอย่างชัดเจน
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน พิษนี้กัดกร่อนร่างกายของนางอย่างรวดเร็วหลายเท่านัก
“เจ้ายังสบายดีใช่ไหม ร่างกายมีปัญหาอะไรหรือไม่” เสียงของกุ่ยเม่ยผสมเข้ากับลมหนาวที่ขมขื่นดังเข้ามา เมื่อผ้าม่านเปิดขึ้นเล็กน้อยและดวงตาก็สะท้อนกับโคมไฟสีแดง
“เช่ออี้จื่อ ที่จริงแล้วบรรเทาอาการพิษได้ แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีแบบนี้” ควักมีดหมอขึ้นมา เฉือนไปบนนิ้วก้อยที่มีรอยนูนออกมาเล็กน้อย เลือดที่เป็นสีม่วงไหลออกมา ถูกนางใช้ขวดหยกเล็กๆ เอาเลือดเก็บใส่ไว้
“นี่เป็นเรื่องดีหรือ”
“หากข้าต้องการจะถอนพิษจริงๆ ยังต้องใช้เช่ออี้จื่อ อีกประมาณหกเม็ด ภายในระยะเวลาร้อยปีก็คงจะหาอีกหกเม็ดที่ยังมีชีวิตสดๆ อยู่ไม่ได้” กู้อ้าวเวยหัวเราะเยาะเย้ยออกมาหนึ่งเสียง รอยยิ้มที่อยู่ใต้ตายิ่งหนักขึ้น “แต่เม็ดนี้ก็เพียงพอแค่ให้ข้าออกลูกมาแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้อีกสองปี”
แววตาของกุ่ยเม่ยดูสลดลง กลับได้เพียงถามนางว่า “คลอดเอาลูกออกมาก่อน ข้าจะไปตามหาเช่ออี้จื่อ อีก”
“นี่ไม่ใช่ภารกิจของเจ้า เจ้าจะต้องมีชีวิตเพื่อตัวเอง” กู้อ้าวเวยดับแสงสว่างจากเทียนที่อยู่ในโคมแดงลง พูดออกมาท่ามกลางลมหิมะ “ข้าจะไปหาเอง อีกทั้งอาจจะได้เจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดระหว่างทางด้วย ลองใช้ของอย่างอื่นถอนพิษดุบ้าง”
“เจ้าช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก” กุ่ยเม่ยชะเง้อตัวเข้ามาครึ่งหนึ่ง คว้ามุมเสื้อผ้าของนาง “รอให้เจ้าคลอดลูกออกมาก่อน ข้าค่อยบอกเรื่องนี้กับทุกคน เจ้าไม่สามารถไปหาเช่ออี้จื่อ โดยลำพังได้”
กู้อ้าวเวยพยักหน้าอยู่ในความมืด
รอจนกุ่ยเม่ยเร่งรถม้าใหม่อีกครั้ง นางก็กลับลูบคลำไปที่บาดแผลที่นิ้วก้อยอย่างเหม่อๆ
กุ่ยเม่ยกลับไม่รู้เลยว่าเพียงแค่นางคลอดลูกก็อาจจะเอาชีวิตของนางไปเลยก็เป็นได้
พิษเหล่านี้ถูกบีบคั้นออกมาจากในหัวใจ มันจะเป็นภาระให้กับหัวใจมากแค่ไหน นางก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
……
แนวน้ำแข็งภายใต้แสงอาทิตย์มีแสงจ้าเป็นพิเศษ ระฆังแปดเหลี่ยมใต้ชายคาบ้านสองชั้นได้รับการปัดกวาดเช็ดถูอยู่ ปรากฏเสียงที่คมชัดภายใต้ลมหนาวนี้
เยว่สวมใส่เสื้อผ้าที่หนา เดินอ้อมไปทางระเบียงที่ยาวลึกแต่กลับสะอาด ยกสำรับอาหารสำหรับสองที่เดินเข้าไปที่อาคารเล็กๆ สองชั้น ดวงตาจ้องมองไปที่ร่างกายของหญิงสาวที่อยู่ข้างเท้าของผู้ชายเป็นอันดับแรก จากนั้นวางอาหารไว้บนโต๊ะด้านข้างโดยไม่เหล่มอง คุกเข่าคำนับลงบนเบาะ “ฝ่าบาท ลมหนาวฤดูหนาวหนาวเหน็บ เยว่ว่าปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเถอะ”
“อีฉิน ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท จุดเตาผิง” ซ่านเซิ่งหานกลับไม่เงยหน้า
ฉางอีฉินที่พิงอยู่บนตกลืมตาขึ้นอย่างชัดเจน ยืนขึ้นด้วยดวงตาที่อ่อนล้าเพื่อปิดหน้าต่างให้เขา โซ่ตรวนที่เท้ายังคงส่งเสียงที่คมชัด เยว่เห็น โซ่ตรวนนั้นกำลังโทงเทงยื่นออกมาที่ปลายเตียง
แต่เตียงนั้นยังเป็นเตียงใหม่ที่ไม่มีร่องรอยของการหลับนอนมาก่อน
“ฝ่าบาท มีคนคาดเดากันว่าพระชายาองค์ชายสามป่วยตายไปแล้วใช่หรือไม่” เยว่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ในเมื่อเมื่อก่อนท่านให้นางไปติดต่อกับกู้จี้เหยาเพื่อทำเรื่องเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าให้ข้าไม่ต้องไปสนใจนางอีก แต่นี่ก็ไม่ได้ให้ผู้หญิงคนนั้นกลับตัวกลับใจอีกครั้ง…..”
“นางเคยกลับใจ” ในที่สุดซ่านเซิ่งหานก็เงยหน้าขึ้นมาจากในตำรา มองดูตารางงานที่หนาแน่นภายใน ยกมุมปากขึ้น “ความกลัวที่นางมีต่อซ่านจินจื๋อ ความกลัวที่มีต่อการทำผิดซ้ำๆ ล้วนทำให้นางมองย้อนกลับไปได้ตลอดเวลา”
“ฝ่าบาท นี่เป็นรักแรกพบของท่านจริงหรือ” เยว่เงียบขรึมไปชั่วครู่
“มันเริ่มจากรักแรกพบจวบจนตอนนี้ แต่ข้าคิดว่าผู้หญิงเช่นนี้เหมาะสมกับข้า นางสามารถเปลี่ยนแปลงชายและหญิงรอบตัวนาง นางมีความคิดและการกระทำทุกสิ่งอย่างไปข้างหน้า แม้ว่าจะไม่สามารถเอานางไว้ข้างกายได้ แต่ข้าก็ไม่สามารถมอบนางให้กับซ่านจินจื๋อเช่นกัน” ใต้ตาของซ่านเซิ่งหานเหมือนสระน้ำที่ลึกลงไป “นอกจากนี้ นางยังทำให้พวกที่มีตำแหน่งสูงๆ ทั้งหลายลงทุนเพื่อนางอย่างเพียงพอ
อำนาจ ตำแหน่ง รวมถึงการคาดเดาและความรอบรู้ที่มีเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ นางล้วนมีทั้งหมด
ฉางอีฉินกลับไปที่ข้างกายของเขาอีกครั้ง พิงอยู่ที่ขาของนางอย่างเชื่อฟัง “ฝ่าบาท พรุ่งนี้ท่านจะออกเดินทางไปแล้วหรือ อ๋องจิ้งจะไม่แย่งชิงราชบัลลังก์ของท่านไปใช่ไหม”
“ไม่แน่นอน” ซ่านเซิ่งหานลูบหัวของฉางอีฉินไปมา ป้อนผลไม้ที่หวานฉ่ำเข้าปากของนาง พูดต่อว่า “ข้าจะใช้กู้อ้าวเวยมาข่มขู่เขา เพียงแค่ได้กู้อ้าวเวยไป ซ่านจินจื๋อจะต้องยินยอมปล่อยวางทุกอย่างไป”
ฉางอีฉินส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่มีคำพูดใดอีก
เยว่ได้แต่โค้งคำนับตัว “เยว่ยินยอมที่จะไปกับท่าน…..”
“ให้เจ้าไปก่อเรื่องหรือ ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้แค่ครั้งสองครั้ง วันข้างหน้าเจ้าจำเป็นต้องช่วยฉางอีฉินปกปิดความจริงอยู่ที่เมืองเทียนเหยียน อย่าให้ข้าต้องมีชื่อว่าเป็นคนที่ฆ่าเมีย” ซ่านเซิ่งหานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปล่อยให้ฉางอีฉินล้มลงกับพื้น “หากเจ้ายังเอาแต่ใจเหมือนนางเช่นนี้ วันข้างหน้าอาคารเล็กๆ แห่งนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าในอนาคต”
“รับทราบ ฝ่าบาท” เยว่กลืนน้ำลายไปหนึ่งคำ ไม่กล้าพูดอีก
ซ่านเซิ่งหานเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเรียบง่าย มาถึงชั้นสอง สถานที่นี้กลับวางม้วนภาพของกู้อ้าวเวยไว้ไม่น้อยเลย ของใช้ที่วางอยู่บนชั้นหนังสือก็เป็นสิ่งที่กู้อ้าวเวยใช้อยู่ประจำ และไม่ว่านางจะไปเที่ยวที่ใด ทำธุระอันใด ล้วนมีคนหามาให้เขา
ชั้นล่าง เยว่กางพรมนวมวางบนพื้น ให้ฉางอีฉินได้นอนลงไปอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนั้นนางก็ไม่ควรไปยั่วกู้อ้าวเวย ยิ่งไม่รู้ว่าฝ่าบาทแม้แต่คนที่อยู่ข้างกายก็ล้วนโกหกได้
ออกมาจากตำหนักขององค์ชายสาม ซ่านเซิ่งหานก็มาถึงในวัง ซ่านต้วนโฉงแสร้งทำเป็นว่าถูกไข้พิษนอนเอนพิงอยู่แล้วมองเขา “ลูกวันนี้มาเพื่อ……”
“ความทะเยอทะยานของน้องเก้านั้นโจ่งแจ้ง เมื่อวานที่เสนอขอไปด่านชายแดน เกรงว่าอยากหาความร่วมมือกับแคว้นอื่นภายนอก ลูกยินยอมที่จะไปยับยั้งก่อน” ซ่านเซิ่งหานค่อยๆ ยกมือขึ้น
ซ่านต้วนโฉงเลิกคิ้วไปมา “เจ้า……ไม่ยอมจะอยู่ที่เมืองเทียนเหยียนในตอนนี้หรือ”
“ลูกรู้ดีว่าเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องใหญ่หลวงนัก แต่เวลานี้ข้างนอกก่อกวนข้างในวุ่นวาย เรื่องนี้ไม่รีบร้อน กำลังทหารของลูกไม่เพียงพอ หากน้องเก้าทำการใดขึ้นมา ลูกก็ไม่มีทางที่จะจัดการได้ ได้แค่ไปชายแดนเพื่อเฝ้าดูน้องเก้าเอาไว้” ซ่านเซิ่งหานคุกเข่าอยู่บนพื้น เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง