บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 642

ตอนที่ 642

บทที่ 642 สัมปทาน

“วิธีการนี้มาจากแคว้นเอ่อตาน แต่กลับถูกเก็บรักษาไว้โดยตระกูลหยุน และข้าเคยได้ค้นดูหนังสือโบราณ ข้าได้พบว่ามีคนรู้ว่าเลือดเนื้อตระกูลหยุนสามารถรักษาโรคได้ ก็เมื่อทรราชผู้นั้นจากโลกนี้ไปแล้วเป็นร้อยปี และได้กล่าวไว้ว่า ลูกหลานของทรราชนั่นถูกทิ้งไว้ที่แคว้นเอ่อตาน” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง

ตอนนั้นทรราชนั่นยังไม่สามารถทำขั้นสุดท้ายให้สำเร็จได้ แต่กลับต้องมีชีวิตมากมายต้องมาสังเวย

จากนั้นก็กล่าวถึงเรื่องที่เลือดเนื้อตระกูลหยุนสามารถรักษาโรคได้ ตอนนั้นเป็นปีที่เกิดสงครามขึ้นด้วย ต่อจากนั้นตระกูลหยุนก็ถูกคุ้มครองจากราชวงศ์ ในช่วงหลายปีมานี้มีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ทุกรัชสมัยของฮ่องเต้มีภัยพิบัติและโรคต่าง ๆน้อยลงไปมาก หรือทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่

ซางนิงนั่งลง มือข้างหนึ่งเคาะลงบนโต๊ะ “ถ้าตอนนั้นเจ้าทรราชนั่นได้ฝึกวิชาอะไรสักอย่าง เปลี่ยนแปลงกายภายในของตน อย่างนั้นก็เป็นไปได้ยากที่ร่างกายของคนรุ่นหลังจะแตกต่างกัน”

“หากเป็นอย่างที่พูดมา อย่างนั้นวิธีการจะเป็นอมตะก็มีแนวโน้มจะเป็นจริงขึ้นมาแล้วสิ”

ซ่านจินจื๋อเลิกคิ้วข้างหนึ่ง หันไปสบตากับซางนิง ทั้งสองต่างทำสายตาที่น่ารังเกียจ

“หากอยู่ได้นานขนาดนี้ ผลของมันก็ต้องทำให้อยู๋คนเดียวไปสิ” ซางนิงหัวเราะเยาะ “ลองนึกถึงคนคนหนึ่งที่ไม่มีวันตายนั่งครองบัลลังก์ฮ่องเต้ ต้องตามัวไปด้วยความมั่งคั่งและอำนาจมหาศาล และหากมีลูกหลาน และคิดจะฆ่าเขา หากเป็นแบบนี้ ในที่สุดเขาก็จะไม่ได้อะไรเลย”

“ผู้อาวุโสพูดถูกต้อง” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า “ตอนนั้นหากไม่ได้ท่านยื่นมือมาช่วยปกป้องเสด็จแม่ และเสด็จพี่ ตอนนี้ครอบครัวของข้าทั้งสามคนก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกแล้ว ตอนนี้ยังให้ท่าน….”

“ไม่เป็นไร ข้าก็กำลังจะมาดู ว่าผู้หญิงแบบไหนกันที่ทำให้เจ้าหลงจนยอมกลับตัว” ซางนิงยิ้มและลุกขึ้นยืน พูดด้วยเสียงต่ำ “เจ้าสาวน้อยนั่นไม่ชอบให้เจ้าอยู่ข้างกาย ช่วงนี้ข้าจะทำให้ตามติดไม่ไปไหนเลย”

เมื่อพูดถึงกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อก็ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างประนีประนอม

เมื่อออกมาจากห้องหนังสือของซ่านจินจื๋อ ซานนิงแสร้งทำเป็นไม่พอใจและเดินไปยังห้องของกู้อ้าวเวย ท่ามกลางความมืดมิดอาจจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีกก็ได้ โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ปล่อยให้กู้อ้าวเวยพักผ่อนเพียงลำพังแน่นอน จึงได้แหวกม่านสองชั้นออกแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ กลับได้พบกับหญิงรับใช้สองคนเดินถือหนังสือเข้ามา แสดงความเคารพเขา “ใต้เท้าซางหนิง ของพวกนี้เป็นสิ่งของของคุณหนู…”

“เอามาให้ข้าดู” ซางนิงสนใจอยากรู้จึงให้คนนำหนังสือที่ซ้อนกันเหล่านั้นมาวางบนโต๊ะ ส่วนของอย่างอื่นก็ใส่ไว้ในชั้นเล็ก ๆข้างเขา

ในกองม้วนหนังสือที่หนักนี้ ยังคงมีใบสั่งยาจำนวนไม่น้อยที่กู้อ้าวเวยเขียนด้วยตนเองเก็บซ่อนอยู่ แต่ด้วยจำนวนที่มากมาย ในฐานะที่ซางนิงเป็นผู้ศึกษาวิทยายุทธ์เขามองไม่ออกเลยว่ามันถูกหรือผิด ท้ายที่สุดก็จดจ่ออยู่ม้วนหนังสือไม่กี่เล่มที่เกี่ยวข้องกับพงศาวดารท้องถิ่น

จนกระทั่งตกกลางคืน จึงได้จุดเทียนในห้อง

กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นด้วยความหิว ดูเหมือนจะแปลกใจกับเรื่องที่มีคนเฝ้าดูอยู่ในห้อง เพียงแต่ห่มเสื้อคลุมแล้วเดินออกมา โดยเคลื่อนไหวอย่างไม่ให้รบกวนซางนิง เพียงแค่ต้องการดื่มน้ำสักแก้วเพื่อให้ชุ่มคอ แต่กลับถูกซางหนิงแย่งเอาแก้วไป “มานี่เร็ว เอาน้ำอุ่นกับอาหารมา”

แม้ว่าจะไม่พอใจที่ถูกคนแย่งแก้วไป กู้อ้าวเวยกลับยังคงนั่งลงอย่างน่าเอ็นดู เปิดดูหนังสือสองเล่มที่ยังอ่านไม่จบจากกองหนังสือ เกลื่อนอยู่บนโต๊ะ แล้วถามซางนิง “เขากลับไปแล้วหรือ”

“เจ้าคิดถึงเขาแล้วหรือ รอสักหน่อยเดี๋ยวให้เขามาอยู่เป็นเพื่อน” ซางนิงเริ่มรู้สึกสนใจพวกเรื่องผีสางเทพเจ้าเหล่านี้ จึงไม่เงยหน้าขึ้นมา

“ไม่ต้อง….” กู้อ้าวเวยพูดไม่ออกเล็กน้อย เพียงแต่รอให้คนรับใช้นำอาหารมาให้ และยังนำเสื้อผ้ามาสวมให้นางอีกสองชิ้น

กู้อ้าวเวยเองก็ขี้เกียจจะให้ความสนใจ เมื่อถูกคนจับตามอง กลัวว่าถ้าออกพ้นประตูไปคงจะมีคนเป็นจำนวนมากตามมา จึงได้แต่กินและอ่านหนังสืออย่างสงบเสงี่ยม และเพิ่งจะถามสาวใช้ขึ้นมา “เอาสมุนไพรกลับมาหรือยัง”

“นำกลับมาเรียบร้อยแล้วค่ะ” สาวใช้รีบตอบกลับ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไปตามใต้เท้าคนที่อยู่กับซางนิงท่านนั้นมาหน่อย แล้วเอาผ้าเนื้อละเอียดชุบน้ำมาด้วยนะ ถ้าให้ดีที่สุดไปที่โรงเหล้าอีกครั้งว่ามีเหล้าหรือเปล่า ถ้ามีก็หยิบมาด้วย” กู้อ้าวเวยด้านหนึ่งก็ออกคำสั่ง อีกด้านหนึ่งก็ใช้มือหยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมาจากสมุด แล้วส่งให้กับซางนิง “ซางนิง รบกวนเจ้าช่วยดูแผนที่ที่วาดง่ายๆพวกนี้หน่อย แล้วเปรียบเทียบกับหนังสือพงศาวดารท้องถิ่นเล่มที่สองในมือของเจ้า ลองหาดูว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรแล้วบอกข้าด้วย”

ซางนิงตกใจเมื่อถูกจับได้ จากนั้นจึงรีบนำกระดาษปึกหนึ่งมาวางทับไว้ พลางถามพลางมองไป “เจ้าไม่เรียกแม้แต่ชื่อของเขาด้วยซ้ำ จะเรียกเขามาทำไม”

“แม้ว่าข้างกายจะเป็นคนที่เจ้าพามาด้วยตนเอง แต่จะละทิ้งความใส่ใจไปไม่ได้” กู้อ้าวเวยเอาตะเกียบคีบอาหารเข้าปากโดยไม่เงยหน้ามามอง เมื่อกินเสร็จหนึ่งคำจึงพูดด้วยเสียงต่ำ “ข้าได้กลิ่นคาวเลือด ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้เขาจะมียางอายไม่มาให้ข้าพันแผลให้”

ผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งจริง ๆ

ซางนิงหัวเราะสองสามครั้ง แล้ววาดภาพนั้นอย่างว่าง่าย

เมื่อซ่านจินจื๋อเข้ามา บนร่างกายยังคงอยู่ในชุดที่ใส่กลางวัน ฝุ่นบนใบหน้านั้นยังไม่ได้รับการทำความสะอาด ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้พักผ่อนเลยสักนิด และดูจะตกใจเล็กน้อยเมื่อได้พบกับซางนิง แต่ก็ยังคงเดินไปยังด้านข้างของกู้อ้าวเวย “คิดถึงข้าหรือ”

“กลัวเจ้าจะตายนะสิ” กู้อ้าวเวยพูดออกไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า กินอาหารที่เหลือจนหมด จากนั้นก็ผลักสิ่งของออกไปให้สาวใช้จัดการเก็บกวาด

ซ่านจินจื๋อเพิ่งจะนั่งลง มืออันคล่องแคล่วของกู้อ้าวเวยได้ขยับเข้ามา ถอดเสื้อผ้าท่อนบนของเขาออกต่อหน้าซางนิง ผ้ามัสลินและผ้าอื่นจำนวนมากถูกผสมอยู่ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ซ่านจินจื๋อถูกตามฆ่า

กู้อ้าวเวยไม่มีแม้แต่จะขมวดคิ้ว ได้แต่เอาผ้ามัสลินทั้งหมดนั้นออกให้เขาอย่างเงียบๆ และเปลี่ยนยาให้เขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็แต่งบาดแผลให้เขาใหม่ ดันจอกสุราเลิศรสที่สาวใช้นำมาไปยังมือเขา “อบอุ่นร่างกาย แล้วไปนอนหลับพักผ่อนสักสองสามชั่วโมง”

เมื่อตอนที่ได้พบกันในตอนกลางวัน มือที่ปกติเคยอบอุ่นกลับกลายเป็นเย็นยะเยือกจนน่ากลัว

ไม่ว่าซ่านจินจื๋อจะเก่งกาจแค่ไหน สุดท้ายก็ยังคงเป็นคนที่มีเลือดมีเนื้อ

ซางนิงวาดภาพไปโดยไม่เหล่ตามอง หลังจากซ่านจินจื๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ ได้แต่หยั่งเชิงอยู่สักพักหนึ่งแล้วเข้ามาใกล้ มือข้างหนึ่งวางบนเอวของกู้อ้าวเวย “เจ้ายังหงุดหงิดกระวนกระวายอีกไหม”

“ตื่นขึ้นมาก็ดีขึ้นบ้างแล้ว” กู้อ้าวเวยสูดหายใจ “ข้าได้กลิ่นเลือดแล้วอาจจะอาเจียนใส่เจ้าได้”

ซ่านจินจื๋อรีบเดินออกไป ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยได้ระวังมาก่อน และมองไปยังท้องน้อยของนางด้วยความกังวล “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว…..”

“เมื่อกลางวันข้าหลับไปแล้ว กลางคืนจึงสดชื่น เด็กสามขวบเท่านั้นแหละที่ต้องการให้คนนอนเป็นเพื่อน!” โบกมือให้เขาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อจะดึงมือกลับ ในครั้งนี้ทำให้รู้สึกตึงเครียดมาถึงไหล่

ดึงมือกลับมา ซ่านจินจื๋อหยุดล้อเล่น เขาเพียงแต่สั่งกับคนคุ้มกันที่หน้าประตูให้หาสาวใช้สองคนมาผลัดเปลี่ยน ส่วนตนเองเดินไปหลังฉากกั้นเพื่อถอดเสื้อผ้า ไม่นานเมื่อกลับไปที่เตียง ก็หลับสนิทไปแล้ว

ตลอดทางมานี้มีแต่นอนกลางดินกินกลางทราย ค่ำคืนนี้เป็นการนอนหลับที่ดีที่สุด

ภายใต้แสงเทียน ซางนิงกลับประกายแวววาวดุจคริสทัลในดวงตาของกู้อ้าวเวยได้ชัดเจน

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท