บทที่780 บีบบังคับถึงชีวิต
ขนมร้านอาหารป่ายเว่ย งานเลี้ยงของไท่ไป่จู คนรับใช้ทั้งสองทำความเคารพ บนโต๊ะเต็มไปด้วยคนที่น่ารังเกียจ
มันเหมือนตอนที่ถูกกักขังในตำหนักอ๋องจิ้ง แต่ในตอนนี้กลับรู้สึกเฉยชา ก่อนที่จะหยิบขนมดอกบัว พลางยิ้มแล้วหันไปถามหญิงสาวที่กำลังเก็บกล่องอาหารของร้านอาหานป่ายเว่ย “ที่นี่ยังมีหม่านเทียนซิงหรือไม่?”
“ตอนนี้แทบจะไม่ค่อยได้ทำ องค์หญิงรู้ด้วยหรือเจ้าคะ?” นางมองกลับไปยังประหลาดใจ
นางจำไม่ได้ว่าตัวเองไม่ใช่พระชายาอ๋องจิ้งตั้งนานแล้ว
เมื่อนางกำลังตกตะลึง เด็กสาวคนนั้นก็ถูกเร่งให้นำกล่องอาหารออกไป จากนั้นกู้เฉิงก็ข่มขู่ไม่ให้นางพูดมากจนเกินไป ขนมดอกบัวที่อยู่ในปากกลับไร้รสชาติขึ้นมาทันที จากนั้นก็หยิบเค้กพุทราที่อยู่ด้านข้างใส่ปากโดยไม่ได้ เงยหน้าขึ้น “ไปเอาหนังสือซักสองสามเล่มมาให้ข้า”
ซ่านต้วนเฟิงกำถ้วยแน่น ไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยต้องการทำอะไร
คนใช้ที่อยู่ข้างข้างถามอย่างละเอียดว่านางต้องการอ่านหนังสือประเภทใด ทว่ากู้อ้าวเวยกลับเลิกคิ้ว จากนั้นก็กินเค้กพุทราพลางคิดสักครู่แล้วส่ายหน้า “ ไม่ต้องแล้ว เจ้าช่วยไปซื้อท่อนไม้ให้ข้าหน่อย”
“ท่อนไม้?”
“เป็นไม้ที่ง่ายต่อการขัดเงาและทำเป็นของเล่นเด็ก” กู้อ้าวเวยครุ่นคิดแล้วให้คำตอบ
นางและซ่านจินจื๋อควรทำหน้าที่ของตอนเอง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความเป็นอมตะของเมืองเทียนเหยียน ไม่ต้องคำนึงถึงชีวิตและโชคชะตาของญาติพี่น้องได้มากกว่ากว่านี้ แต่เมื่อมีเวลาว่างไม่สู้ทำของเล่นให้ชิงจือดีกว่า
สาวใช้มีเหงื่อที่หน้าผาก ทว่าใบหน้ากลับยังมีรอยยิ้ม “ทาสจะไปหาผ้าไหมกับด้ายไหมให้ท่าน สามารถทำกระเป๋าเงินใบเล็กๆของเด็กได้…….”
“แม้ว่าจะหามาให้นาง แต่เกรงว่ามันจะไม่มีประโยชน์” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางประตู
สายตาของซ่านต้วนเฟิงและกู้เฉิงมองไปยังชายที่เพิ่งจะกล่าวโทษซ่านจวนฮ่าวและซ่านเซิ่งหาน แต่ชายตรงหน้าก็ยังมีทีท่าเย่อหยิ่งและก้าวร้าว ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมองคนอื่นเลย เช่นเดียวกันกับไม่กี่วันที่ผ่านมา เขานั่งลงข้างๆกู้อ้าวเวยอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นการเล่นพินกู่ฉิน หมากล้อมเขียนพู่กัน วาดภาพหรือการเย็บปักถักร้อยเจ้าเคยทำได้ด้วยรึ?”
กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างเย็นชา พลางกินเค้กพุทราที่เหลือลงท้องไป จากนั้นนางก็กำลังจะกินขนมอื่นๆแต่ทว่าชายที่มีใบหน้าเยือกเย็นกลับยื่นมือมาห้าม และมองนางอย่าเงียบๆ “ขนมไม่ควรกินเยอะยังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดสิบแปดงั้นรึ?”
“เจ้าร่วมมือกับกู้เฉิง” กู้อ้าวเวยดึงมือกลับมา พลางมองซ่านจินจื๋อที่ตักซุปวางไว้ด้านหน้าตนเอง
“ซ่านเซิ่งหายและซ่านจวนฮ่าวถูกชี้ขาดในข้อกล่าวหาแล้ว เพราะจุดอ่อนของพวกเขา ข้าจึงไม่ยอมแพ้ มีเพียงหยวนเอ๋อที่คิดว่าตระบัดสัตย์คืนคำ…..”
“เรื่องอายุยืนยาวข้าก็แก้ปัญหาอย่างดีแล้ว” กู้อ้าวเวยพูดขัดซ่านจินจื๋อ พลางยกชามตรงหน้าขึ้น ทว่าสายตากลับจ้องไปที่ซ่านจินจื๋อ “ดังนั้นครั้งนี้ที่จะเจ้ามาก็เพื่อโยนข้าทิ้ง?”
เหมือนถูกตอกหน้าหงาย
ซ่านจินจื๋อมองกู้อ้าวเวยด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยคิดว่ากู้อ้าวเวยจะเป็นคนที่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง
ทว่าดวงตาที่งดงามกลับปนเปื้อนไปด้วยไอน้ำบางอย่างแม้กระทั่งหัวใจของเขาที่ถูกปิดผนึกด้วยน้ำแข็งยังประเปื้อนไปด้วยความชื้น
“ขอโทษ” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นปลายนิ้วก็เลื่อนจากหางตาไปที่หูของนาง “ข้ายังคิดว่าเจ้าเป็นคนใจอ่อน”
“เช่นนั้นรึ” กู้อ้าวเวยยิ้มพลางเลิกคิ้ว
“ให้เจ้าเอาหม่านเทียนซิงกลับไปด้วย ตอนนี้ที่ร้านอาหารป่ายเว่ยไม่ค่อยทำแล้ว” ซ่านจินจื๋อเหน็บผมที่หลุดลุ่ยที่หูของนาง พลางมองไปที่เส้นด้ายยุ่งเหยิงและเสื้อผ้าที่เลอะเทอะของนาง จึงกระซิบบอกเฉิงซานที่เดินถือหม่านเทียนซิงเข้ามา “เอาเสื้อผ้าของเวยเอ๋อออกมา”
คราวนี้กู้อ้าวเวยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เปิดกล่องหม่านเทียนซิงออก และวางขนมก้อนโตไว้บนขอบโต๊ะอย่างไม่เป็นระเบียบ กู้เฉิงและซ่านต้วนเฟิงที่อยู่ร่วมโต๊ะแทบจะไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนา แต่เมื่อถึงเวลา กู้เฉิงแสร้งไอสองครั้ง “อ๋องจิ้ง เราควรพูดถึงเรื่องอายุยืนยาวใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่สนใจเรื่องอายุยืนยาวและข้าก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างมั่นใจ ดวงตาเยือกเย็นของกู้เฉิงทำให้เสียวสันหลัง จากนั้นเขาสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างๆย้ายขนมทั้งหมดไปด้านหลัง “กินข้าวกันก่อน”
“หม่านเทียนซิงที่เจ้าเอามา!” กู้อ้าวเวยพูดเสียงเบา
“กินข้าวก่อน” ซ่านจินจื๋อกดหลังมือของนางในขณะที่สาวใช้รอบๆทำความสะอาด และซ่านต้วนเฟิงก็ยังไม่ได้พูดอะไร กู้อ้าวเวยยิ้มเล็กๆจากนั้นก็หันไปจูบริมฝีปากบางของซ่านจินจื๋อด้วยดวงตาแดงก่ำ ปลายนิ้วเรียวจับที่ข้อมือของเขา และดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยกับความเร่าร้อนนี้ของกู้อ้าวเวย
ฝ่ามือและปลายนิ้วประสานกันและมืออีกข้างก็โอบล้อมต้นคอพลางพูดไม่ชัดว่า “มีคนแอบดู”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนเก็บอารมณ์?” กู้อ้าวเวยขยับออกไปเล็กน้อยผมของนางกระพือเบาๆ เพราะศีรษะที่เอียงของนางจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อตัดสินใจที่จะร่วมมือ เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่ารึ?”
“ไม่ ถ้าหากพวกเจ้าสองคน……”
กู้เฉิงยังไม่ทันจะพูดจบ กริชแวววาวก็จ่อที่คอของซ่านจินจื๋อ มือของกู้อ้าวเวยที่วางอยู่บนไหล่ของซ่านจินจื๋อตอนนี้ได้อ้อมไปอยู่ด้านหลังศีรษะของเขาแล้ว และก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะตอบโต้ นางดึงผมของเขาให้เอียงคอเล็กน้อย เพื่อให้คอรับกับกริชอย่างสมบูรณ์
ความอ่อนโยนในดวงตานั้นหายไปจนหมดสิ้น มีเพียงสายตาที่ดุดันมองไปยังซ่านจินจื๋อ
เป็นครั้งแรกที่ซ่านจินจื๋อถูกจับโดยวิธีนี้ แต่เมื่อเขาเห็นการจ้องมองที่น่ากลัวของกู้อ้าวเวย เขากลับหัวเราะออกมาและการเคลื่อนไหวเบาๆของเขานั้นทำให้มีเลือดซึมออกมาที่คอของเขา จากนั้นก็พูดว่า “พวกเราถูกคนอื่นควบคุมแล้ว”
กู้เฉิงไม่ยอมจำนน ดูเหมือนตั้งแต่ให้ทั้งสองคนได้พบกัน…… ไม่ บางทีอาจจะร่วมมือกับซ่านจินจื๋อ ทั้งหมดนี้มันคือความผิดพลาด
เสียงทุบโต๊ะไม่ได้ทำให้กู้อ้าวเวยตกใจเลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงอุทานของสาวใช้ นางโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วนั่งลงบนตักของซ่านจินจื๋อ โดยหันไปด้านข้างเล็กน้อยและจ้องไปที่ซ่านต้วนเฟิง “เจ้าเลือกเอง”
กู้อ้าวเวยเป็นเบี้ยที่ทำลายสันติภาพแคว้นชางหลานของซ่านต้วนเฟิง แต่ซ่านจินจื๋อกลับเป็นกุญแจสำคัญในการก่อกวนองค์ชาย เขาไม่สามารถเปิดเผยความทะเยอทะยานให้กู้เฉิงรับรู้ ในขณะที่ตนเองสูญเสียกุญแจสำคัญทั้งสอง
เขากำหมัดแน่น ใบหน้าที่แท้จริงกำลังปรากฏขึ้น
ในเวลาต่อมา มือของซ่านจินจื๋อจับที่เอวของนางเบาๆ และกอดกู้อ้าวเวยที่เกือบจะตัดคอของเขาไว้ในอ้อมกอด กริชที่ควรจะอยู่ที่เอวก็ได้เปลี่ยนทิศทาง แม้แต่กู้อ้าวเวยก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“จะเอาหยกที่สูงค่าไปเผารวมกับหินได้อย่างไร?”
“เจ้าร่วมมือกันจริงๆ” ใบมีดในมือของกู้อ้าวเวยยกค้างของซ่านจินจื๋อขึ้นเบาๆ ไหล่ก็กดลงที่คอของเขาและเสียงของซ่านจินจื๋อก็ตามมา “ตอนนี้ใครเป็นคนของใครก็ชัดเจนแล้ว พิษกู่ ของเจ้าซ่อนอยู่ในความมืดห่างจากดวงอาทิตย์กี่ก้าว? แต่องค์ชายเก้าที่เจ้าปกป้องเขาทุกหนทุกแห่งในตอนนี้กลับหัวเดียวกระเทียมลีบ”
กูอ้าวเวยที่อยู่ในอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อกระซิบ “ชิงจือและท่านตาเจ้าก็ส่งกลับไปแล้ว หากตายจะเป็นอะไรไป?”
กู้เฉิงตกใจจนหน้าซีดเผือด
สองคนนี้ทำตามสัญญาเมื่อไหร่กัน?