บทที่ 966 ตัวนำยาเรื่องเก่า
เรื่องที่เห็นนั้นไม่ใช่เรื่องที่นางเคยประสบมากับตัว
และนางไม่เชื่อเรื่องอดีตชาติและเรื่องชาติเกิดพวกนี้ ในความฝันที่เห็นนั้น ก็คือแขนเสื้อของหญิงสาวที่ปักด้วยนกกระเรียนสีทอง ลายผ้านั้นเหมือนกับของสูงส่งของราชวงศ์ชางหลาน และชายคนนั้นร่างกายกำยำ แต่กลับดูน่ากลัวมาก และทำให้คนรู้สึกว่าชีวิตสั้นลง
พอตื่นขึ้นมา สายตาดูชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อน และยังคงเลือนรางไม่ชัดเจน แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนก็ชัดเจนขึ้นมาก
จางเหยียงซานกลับมองดูดวงตาสีเทาของนางอย่างอึ้งๆ และเนื้อก็หายไปในระหว่างรูม่านตา ดวงตาที่ควรมีสีดำ ตอนนี้กับสีอ่อนลง แต่ก็ชัดเจนและโปร่งใสไปด้วย
“ดวงตาเจ้า……”
“ชัดเจนขึ้นมาก” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นจากเตียง ดวงตานางเห็นลักษณะสีหน้าของจางเหยียงซานไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ มีแต่ดวงตาลูกท้อของนางที่เลิกขึ้นมามอง น้ำเสียงก็ดูเหมือนยังงัวเงียเพราะพึ่งตื่น
มองดูท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างที่มืดแล้ว กู้อ้าวเวยไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่
“กลับไปสิบเอ็ดชั่วโมงกว่า เพราะด้านนอกมีฝนตกจึงเป็นบรรยากาศแบบนี้ มองแสงบนท้องฟ้าไม่ออก” จางเหยียงซานขยี้ตาและลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปข้างๆนาง: “เจ้าฝันใช่ไหม?”
“ทำไมถามแบบนี้?” กู้อ้าวเวยนวดขมับอย่างไม่เข้าใจ เฉิงซานที่อยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามา
“ก็ตอนที่เจ้าใกล้จะตื่น พูดอยู่คำหนึ่งที่ชัดเจนมาก”
“อะไรเหรอ?” อึ้งเล็กน้อย กู้อ้าวเวยกลับไม่เข้าใจอย่างมาก
“ร้อยปีหลัง ทั้งโลกมีแค่เราสอง” จางเหยียงซานพูดคำนี้ใหม่อีกครั้ง
ตัวสั่นเบาๆ กู้อ้าวเวยนึกย้อนอย่างละเอียดว่าในฝันตัวเองอยู่ที่ใด แต่กลับเห็นแค่สองมือที่กลายเป็นเถ้าถ่าน ชุดแต่งงานสีแดงดูแดงกว่าวันนั้นที่เกิดภัยพิบัติจากฟ้า
“ดูแล้วความฝันที่ข้าพูดถึงคงมีเหตุมีผล ในโลกนี้จะมีเรื่องอมตะได้ยังไง ชาติก่อนตอนนี้” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเลิกแขนเสื้อ ลุกขึ้นจากเตียงเหมือนปกติ แต่ดวงตานั้นกลับมีแสงสีแดงอยู่
จางเหยียงซานทำหน้าเคร่งขรึมกดไหล่นางไว้ ไม่ให้นางลุกขึ้น
“อย่าขยับ ข้าดูตาเจ้าสิ” จางเหยียงซานโน้มตัวลงมองอย่างละเอียด กลับเห็นนัยน์ตาถ้าสังเกตดีๆ ก็มีความเป็นสีดำถ่านมีเส้นขาวๆปนอยู่ในนั้น ตอนนี้ถูกไฟแดงระบายจนเป็นสีแดงไปเลย ดูแล้วเหมือนปีศาจมาก
กู้อ้าวเวยกลับกระพริบตา: “เป็นอะไรน่ะ?”
“สายตาเจ้าดูเหมือนปีศาจไปนะ” จางเหยียงซานกระตุกมุมปาก นอกจากเส้นสีขาวที่ดูไร้ประโยชน์แล้ว ก็มองไม่เห็นสิ่งผิดปกติอื่นเลย จึงต้องถอยหลังเว้นที่ให้นางลุกขึ้น
ก่อนหน้านี้กับกู้อ้าวเวยภายใต้ชุดนอนเสื้อผ้าดูเรียบร้อยกว่า สีหน้าเหมือนซีดลงกว่าครั้งก่อน คางยกขึ้นมาเล็กน้อย ทำเอาคนรู้สึกถึงความเปลี่ยนไป แต่จางเหยียงซานกลับรู้สึกยากที่จะพูดออกมา หาไม่เจอว่ามีที่ไหนเปลี่ยนไป
กู้อ้าวเวยกลับมองเห็นตรงหน้ากระจก และมองดวงตาตัวเองที่มีแสงไฟส่องกระทบ อึ้งอยู่นาน
ดวงตาคู่นั้น เหมือนสายตาในฝันเล็กน้อย
“ตอนนั้นภัยพิบัติจากฟ้า ยังมีเรื่องใหญ่อื่นเกิดขึ้นไหม?”
“ตอนที่มีภัยพิบัติจากฟ้า คนในโลกมีแต่รักษาชีวิตตัวเองไว้ จะจำเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร?” จางเหยียงซานถามกลับ เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติจากฟ้าในตอนนั้น ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ก็ต่างมีคนเล่าลือกันไปต่างๆนาๆ แต่กลับไม่มีคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืออะไร
กู้อ้าวเวยกลับนึกย้อนกลับไปในความฝันเมื่อก่อนอย่างละเอียด
ถ้าเกิดเสียงความทรงจำในขณะเดียวกันก็ได้รับความทรงจำใหม่ แต่ผู้ชายในฝันกลับดูไม่เหมือนกู้อ้าวเวยในเมื่อก่อน หรือคนที่รู้จักเมื่อก่อน ชุดแต่งงานสีแดงนั้นดูสวยงามตระการตา แต่ถ้านึกย้อนอย่างละเอียด กลับรู้สึกว่าผ้านั้นก็ดูธรรมดา และเสื้อผ้าชายคนนั้นเรียกได้ว่าธรรมดาไปเลย……
“ในโลกนี้ เคยมีคนเห็นคนเมื่อก่อนไหม?” กู้อ้าวเวยอดไม่ได้พูดพึมพำ
งั้นกู้อ้าวเวยกับพี่ยู่จือจะเรียกตัวเองกลับมาจากโลกอีกใบได้ไหม เกิดใหม่ในร่างคนตาย นี่จะเหมือนวิธีการเป็นอมตะมากกว่า และนางมาถึงที่นี่ก็คงจะเป็นคำสั่ง วันนี้ฝันถึงงานแต่งใหญ่ในวันภัยพิบัติจากฟ้า ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้กำลังจะบอกอะไรกับนาง
จางเหยียงซานกับเฉิงซานที่ฟังอยู่ข้างๆก็สบตากัน จางเหยียงซานก้มหน้าลงพยุงโต๊ะไว้: “เจ้ากำลังจะบอกว่า เจ้าฝันถึงเรื่องราวของคนเมื่อก่อน?”
“เจ้าพูดมาว่ามีหรือไม่” กู้อ้าวเวยหันกลับไปมองเขา
“ภายในหนังสือโบราณมีเรื่องนี้บันทึกเอาไว้ แต่การสืบเรื่องของคนสมัยก่อน ส่วนมากจะเป็นตระกูลยู่ที่เป็นคนเก็บซ่อนตัว ตระกูลนี้ถนัดเรื่องการทำนายดาวเคราะห์ ดูดวง……” พูดถึงสุดท้าย จางเหยียงซานก็มองไปที่กู้อ้าวเวยที่ทำตาโตเหมือนรู้ทุกอย่างจึงหยุดพูด
ถ้าไม่ผิดละก็ ตระกูลยู่กับตระกูลหยุนน่าจะเป็นตระกูลเดียวกัน
สิบมือกู้อ้าวเวยประสานกันไว้ตรงอก ตบเบาๆสองครั้ง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เรื่องราวในฝันกลับไม่เกี่ยวกับข้าเลยสักนิด”
“เจ้าฝันถึงอะไรงั้นเหรอ?” เฉิงซานเดินเข้าไป
กู้อ้าวเวยกลับนำความฝันนี้บอกออกไป แต่กลับเห็นเฉิงซานขมวดคิ้วเป็นปม เงียบสักพักก็ถึงพูดว่า: “ถ้าเรื่องงานแต่ง ข้าน้อยเคยได้ยินมาบ้าง แต่เรื่องนี้กลับไม่ใช่เรื่องในตอนภัยพิบัติจากฟ้า”
“เล่ามาสิ” กู้อ้าวเวยสงสัยมากขึ้น
“เรื่องนี้ไม่ได้เป็นฝีมือของฮ่องเต้ชางหลาน แต่เป็นฝีมือของราชวงศ์ตระกูลซ่านเมื่อสองร้อยปีก่อน เป็นฝีมือของอ๋องคนหนึ่ง พูดแล้วก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหยุนอยู่ด้วย” เฉิงซานถอนหายใจ และพูดต่อว่า: “ท่านอ๋องคนนั้นมีนิสัยเป็นอิสระ และเป็นพี่น้องฝาแฝดกับฮ่องเต้ในตอนนั้น เหมือนกับอ๋องจิ้งในตอนนี้……”
กลับเกี่ยวข้องกันจริงด้วย!
กู้อ้าวเวยหัวใจเต้นตึกตัก และจางเหยียงซานกับเฉิงซานชะงักอยู่ที่เดิม มองดูกู้อ้าวเวยเงียบๆ
นางฝันถึงเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันนะ
ไอคอกแคะเบาๆ เฉิงซานก็พูดต่อว่า: “และผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นหญิงเก่งที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น สอบเข้าวังกลายเป็นขุนนางหญิง ต่อมาเรื่องราวกลับตาลปัตรได้รู้ว่านางเป็นคนตระกูลหยุน แต่ไม่อยากเรียนเรื่องหมอแค่อยากจะมีชื่อเสียงด้านอื่น และตอนนั้นฮ่องเต้ก็ชอบหญิงคนนี้เข้า……”
“ดูแล้วคงเป็นเรื่องการขัดขวางความรัก” กู้อ้าวเวยหรี่ตาลง ตั้งใจฟัง
“ฮ่องเต้ขัดขวางความรักของคนสองคนจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นกับท่านอ๋องเริ่มรักกันแล้ว แอบคบกันเงียบๆ แต่ฮ่องเต้กลับคิดแต่เรื่องความเป็นอมตะจึงแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น หญิงคนนั้นไม่ยอม ฮ่องเต้จึงเขียนราชโองการ ถ้าหญิงคนนั้นผ่านกองไฟไปได้ ก็จะยอมรับในความรักของนางกับท่านอ๋อง” เฉิงซานพูดถึงตรงนี้ ก็มองไปที่กู้อ้าวเวยทันที
เห็นแต่กู้อ้าวเวยตอนนี้ตั้งใจฟังอย่างมาก เลิกคิ้วขึ้น และพูดว่า: “แต่ตอนที่ผ่านกองไฟ ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดแต่งงานสีแดง ท่านอ๋องถอดเสื้อผ้าหรูหรา เดินไปพร้อมกัน ว่ากันว่าทั้งสองตายไปพร้อมกันในกองไฟ ฝนตกอย่างหนัก ในกองไฟกลับหาตัวทั้งสองไม่เจอ ฮ่องเต้ร้องไห้ทันทีในตอนนั้น ไม่เกินหนึ่งปี ฮ่องเต้ก็ไร้อารมณ์ความสุขลาจากโลกไป”
พูดถึงตรงนี้ก็ไม่พูดอีก กู้อ้าวเวยกลับยกมือขึ้นลูบคาง: “เจ้าว่าฮ่องเต้ ร้องไห้ให้กับน้องชาย หรือวิธีการเป็นอมตะกันแน่?”
“อาจจะร้องไห้เพราะตัวนำยาก็ได้” จางเหยียงซานด้านหลังกลับพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “สองร้อยปีก่อนฮ่องเต้ตายแล้ว ลูกชายของเขาขึ้นครองราชย์ต่อ สุดท้ายก็ขังพี่น้องสองคนจนตาย ได้ยินตอนนี้เล่าลือกันว่า ฮ่องเต้ให้พี่น้องสองคนเป็นตัวนำยาให้เขา”
ตัวนำยา?