บทที่ 1014 ความรักยากหยั่งถึง
อารมณ์โกรธพุ่งขึ้น ดวงตาแดงแปร๊ด
เมื่อกี้เข้ามาในตำหนักฮองเฮาด้วยสายตาเย็นชาของพวกสนม แต่กลับเห็นนางเปลือยไหล่ออกมากว่าครึ่ง ด้านหลังยังมีชายอยู่อีก!
กู้อ้าวเวยรู้สึกกดหน้าไว้เจ็บมาก จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ รีบดึงผ้าห่มมาคลุมหัวไว้ ดวงตาสีลูกท้อที่สวยงามและหางตาสีชมพูอ่อนตอนนี้มีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อโกรธจัด
กู้อ้าวเวยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอในสายตาของซ่านจินจื๋อ เพียงแต่ยื่นมือไปดึงซ่านจินจื๋ออย่างแรง กลัวว่าเขาจะใช้ผ้าห่มกดตัวเองลงไปอีกครั้ง และพูดด้วยเสียงแหบเล็กน้อยว่า: “เจ้าอยากให้ข้าตายหรือไงกัน?”
“ชายหญิงห้ามใกล้ชิดกัน!” ตรงคอของซ่านจินจื๋อมีเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมา ดึงมือนางกลับมาโดยไม่พูดอะไรอีก ปรายตามองจางเหยียงซานอย่างแรง ต่อมาเขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างรู้หน้าที่ ยังสั่งให้คนอื่นอย่าได้รบกวน ทำเอาข้ารับใช้ที่มองเห็นเหตุการณ์นี้ตอนกลางวันแสกๆ หน้าแดงแปร๊ดเลยทีเดียว
รอจนเงียบสนิทแล้ว ซ่านจินจื๋อดึงนางออกมาจากผ้าห่มด้วยความโมโห สวมชุดเสื้อผ้าให้นางจนเสร็จ แต่กลับนางโอบเอวไว้ เงยหน้ามองเขา จนอยากจะหัวเราะออกมา: “แค่ให้เขาฝังเข็มให้ข้าเท่านั้น เจ้าก็หึงเพียงนี้เลยเหรอ”
“ฝังเข็ม?” สีหน้าซ่านจินจื๋อสงบลงมาแล้วบ้าง
กู้อ้าวเวยเบะปากไปทางพื้น และบนพื้นยังมีชุดเข็มตกอยู่ ในนั้นยังมีเข็มสองเล่มที่ตกออกมา
“หมอรักษาตัวเองยาก ยิ่งไปกว่านั้นรักษาคนป่วย ยังจะสนใจเรื่องชายหญิงอีกเหรอ” กู้อ้าวเวยพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ คิดว่าวันนี้คงไม่เจอซ่านจินจื๋อ ตอนนี้จึงต้องก้มหน้าลงโอบเอวเขาไว้แน่น
ซ่านจินจื๋อรู้สึกหลังแข็ง แต่กลับไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยตั้งใจหรือไม่ นิ้วมือชอบลูบผ่านที่ที่ไม่ควรจับ ทำเอาเขาตัวสั่นทันที
กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยสีหน้าที่น้อยใจ และกดเอวข้างๆเขาอย่างแรงโดยเขาไม่ทันตั้งตัว: “เจ้ารู้เรื่องของซู๋กุ้ยเหรินกับฮองเฮาองค์ก่อนไหม?”
“ตอนนี้เจ้าก็นับว่าเป็นคนของหลังวังแล้ว อย่าได้ก่อเรื่องเด็ดขาด” ซ่านจินจื๋อได้สติ ก็ดึงมือกู้อ้าวเวยออกเบาๆ หญิงสาวด้านหลังที่อยู่บนเตียงก็อิงหลังเขา หัวของนางอิงไปบนไหล่เขา ดวงตาลูกท้อของนางมองเขาเฉียงๆ: “ทำไมเหรอ? เจ้าคุ้มครองข้าได้เหรอ?”
ผู้หญิงคนนี้……
ถ้าคนที่ไม่รู้ คงคิดว่าในเวลาสั้นๆนางเรียนรู้วิธีการอ่อยมาจากพวกสนมเสียอีก
มีแต่ซ่านจินจื๋อที่รู้ กู้อ้าวเวยจะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่ออยากทำเท่านั้น
ข้างหูเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยน ลมหายใจที่พ่นออกมากลับดูน่าหลงใหลมาก ทำเอาเขาคอแห้งเลยทีเดียว
แต่ที่นี่เป็นตำหนักข้างของฮองเฮา
“คุ้มครองได้แน่นอน”
“ถ้าได้ งั้นเจ้าลองพูดมาสิ ทำไมต้องเอาทหารมาล้อมเมืองเทียนเหยียนไว้ด้วย กลัวคนอื่นจะสวมเขาให้เจ้า หรือเบื่อที่ฝ่าบทหาเหตุผลมาทำอะไรเจ้าไม่ได้?” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นจับคอซ่านจินจื๋อไว้ ล็อกคอไว้และออกแรงเบาๆ ซ่านจินจื๋อเห็นได้ชัดว่าเขาปล่อยให้นางเล่นไป เขาถูกจับไว้ให้เงยหัวขึ้น แต่ยังคงเอียงหน้าไปมองนาง
“นี่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงควรจะมายุ่งไหม?” ซ่านจินจื๋อสีหน้าปกติ แค่ใช้แรงเล็กน้อยไม่ให้ถูกนางดึงลงเตียง ตัวเขาแข็งแรงไม่กลัวอะไร นางอยู่ด้านหลังตัวเล็กนิดเดียวคงจะถูกทับจนบาดเจ็บแน่ จะทนไหวได้อย่างไร
กู้อ้าวเวยโกรธจัด แต่ไม่ว่าจะออกแรงแค่ไหนซ่านจินจื๋อก็ไม่ขยับเลย
ในทีวีหลอกคนตลอด ล็อกคอต้องใช้แรงมาก
ปล่อยออกเล็กน้อย กู้อ้าวเวยเห็นเขาไม่ยอมพูด จึงเปลี่ยนประเด็น: “งั้นเจ้าปล่อยข้าไว้ในวัง ไม่กลัวข้าจะถูกรังแกเหรอ?”
“หนึ่ง เจ้าเสนอตัวจะมาเอง สอง ข้าบอกว่าคุ้มครองเจ้าได้ จะไม่ให้เจ้าถูกรังแกแน่นอน” ซ่านจินจื๋อมือของเขาก็จับกระโปรงของกู้อ้าวเวยอยู่ เป็นสัมผัสที่นุ่มลื่น ทำเอาเขาแทบจะสติหลุดแล้ว
กู้อ้าวเวยปล่อยเขาออกเสียที นอนไปบนเตียงอย่างขี้เกียจ: “ช่างเถอะๆ ตอนนี้เจ้าไม่ยอมบอกข้าอะไรกับข้าแล้ว รีบออกไปดีกว่า เรียกจางเหยียงซานมาดูแลเจ้าแทน”
“ดูแลยังไง?” ซ่านจินจื๋อนวดขมับ
“ก็ต้องเริ่มจากนวดไหล่นวดขาสิ หลังจากนั้นน่ะเหรอ……”
พอพูดจบ ใบหน้าที่โมโหของชายหนุ่มก็ขยับเข้ามาใกล้นาง หายใจแรงฟึดฟัด กู้อ้าวเวยเหมือนรู้อยู่แล้วและจับคางเขาไว้แน่น ประทับจูบลงบนริมฝีปากเพรียวบางนั้นเบาๆ นิ้วมือก็ลูบไล้ลูกคอเขา ใช้แรงเล็กน้อย: “ทำไมไม่ยอมบอกข้า?”
ซ่านจินจื๋อที่ขยับขึ้นไปต้องชะงักทันที มองดูดวงตาสีส้มนั้น: “ถ้าเจ้าไม่รู้ ต่อไปว่าผลจะเป็นยังไงข้ารับไว้คนเดียวพอ”
“พูดเหมือนว่าข้ายอมไปตายเพื่อเจ้างั้นแหละ” กู้อ้าวเวยหัวเราะออกมา ผลักซ่านจินจื๋อออกไป ขยับนั่งบนเตียง เท้าแกว่งอยู่ตรงขอบเตียง สองมือจับขอบเตียงไว้: “ทางของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า”
“ข้ารู้” ซ่านจินจื๋อหัวเราะ
“เจ้ารู้ว่าข้าเข้าวังมาเพื่ออะไร?” กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจอยู่ดี
“ตัวตนเจ้าถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ ต่างแคว้นจะได้รู้กันว่าเจ้าองค์หญิงเอ่อตานยังไม่ตาย และตอนนี้เจ้ายังมีความลับของชีวิตอมตะอีก ถ้าตอนนี้กลับไปเอ่อตาน ก็คงจะเป็นอันตรายอีก จะทำให้เอ่อตานเกิดภัย แต่ถ้าเข้าวัง กำลังจัดการแก้ไขปัญหาให้ชางหลานอย่างเป็นทางการ งั้นผลที่ตามมาทั้งหมดมีเอ่อตานรับผิดชอบ” ซ่านจินจื๋ออธิบาย เห็นดวงตากู้อ้าวเวยเบิกกว้างขึ้น ก็พูดต่อ
“ไม่เพียงเท่านี้ ที่วิเศษของชางหลานภูเขาเทียนและลั่วสุ่ยสองที่ เทวสถานเทียนได้สูญสิ้นไปแล้ว สถานที่ลั่วสุ่ยจริงๆก็ถูกเจ้าปิดบังหายไปแล้ว ถ้าวิธีอมตะตรงลั่วสุ่ยไม่ได้ผล แม้คนต่อไปจะมาที่วิเศษอื่นได้ ก็จะรู้ว่าไม่สำเร็จแน่ แก้ปัญหาเรื่องนี้ ต่อไปตระกูลหยุนจะไม่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกแล้ว และถ้าข้าจำไม่ผิด หลังจากพิษของเถ่หลิงตัง หลุมศพของทวดอยู่ด้านล่างภูเขาเทียน เจ้าก็ได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลหยุนแล้ว”
ซ่านจินจื๋อพูดช้าๆ พูดชัดๆให้นางฟังอย่างชัดเจน
กู้อ้าวเวยอ้าปากค้าง รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงเล็กน้อย: “เจ้ารู้หมดเลยเหรอ”
“ยังไงข้าก็เป็นอ๋องของชางหลาน รู้เรื่องนี้อยู่แล้วล่ะ” ซ่านจินจื๋อยิ้มเบาๆ ยกมือขึ้นบีบคางกู้อ้าวเวย: “และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้าสนใจวิธีการเป็นอมตะมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งใจศึกษาวิชาแพทย์ ตอนนี้เข้าวังมา อาจจะเพราะมีเรื่องที่ตัวเองชอบอยู่สองอย่าง”
กู้อ้าวเวยเงียบไม่พูดไม่จา
นางคิดว่าเก็บซ่อนมาอย่างดี คนอื่นต่างรู้กันว่านางมาเพราะจัดการเรื่องการเป็นอมตะ
แต่กลับไม่เคยมีใครรู้ว่านางสงสัยเรื่องอะไร ยิ่งอยากจะแงะดูว่าของสิ่งนี้คืออะไร
“ข้าคงไม่เข้าวังมาเพราะเจ้าหรอก” ในเมื่อรู้แล้ว กู้อ้าวเวยก็ไม่อ้างอะไรอีก
“ไม่เป็นไร เวลายังมีอีกมาก หัวใจดวงนี้ต้องมีสักวันที่ต้องกลับมา”
ซ่านจินจื๋อยังคงขยับตัวเข้าไปเรื่อยๆ นิ้วมือเลื่อยผ่านผมหลายเส้น
นิ้วมือเรียวยาวเลื่อยเข้ามาวางบนไหล่ ลมหายใจเข้าหากัน นานสองนานห่างจากกันไม่ได้