บทที่ 1105 ตอบได้ดีมาก
“พี่หรัว ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว”
ชิงจือวิ่งมาพร้อมเกล็ดหิมะเต็มตัว จมูกกับนิ้วมือแดงเพราะจากการฝึกวรยุทธ
สาวใช้ด้านข้างรีบเข้ามาช่วยปัดเกล็ดหิมะบนตัวของเขาออก ฉีหรัวดึงเขาเข้ามาโอบกอดต่อหน้าซ่านเชียนหยวนสั่งคนเอาน้ำอุ่นมาช่วยล้างหน้าให้กับเขา และเอาทังโผจื่อวางบนมือของเขา
“ให้พี่เชียนหยวนส่งข่าวไปก่อนค่อยว่ากัน หิมะต้นนี้ทั้งนานทั้งหนาว หลายวันนี้อย่าสวมเพียงเสื้อตัวเดียวแล้วไปฝึกวรยุทธเลย”ฉีหรัวนวดใบหน้าของเขาไปด้วยขมวดคิ้วไปด้วย แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว คิดถึงตอนที่ปกติเขาไปค่ายทหารแล้วถูกคนสั่งสอนกลับมา ฉีหรัวก็พูดเพียงว่าเขาไม่มีฝีมือ ตอนนี้ก็แค่เด็กนอนฝึกวรยุทธ ทำไมจะต้องเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้
“สั่งคนไปส่งข่าว” ซ่านเชียนหยวนข่มความรู้สึกไม่พอใจภายในใจไว้ แล้วก็พูดสั่งองครักษ์ด้านข้าง พร้อมกับมองดูฉีหรัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วพูดขึ้นว่า “หรัวเอ๋อร์ การฝึกวรยุทธนี้ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่เล็ก หากมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เล็ก ต่อไปจะไม่ถูกเอาเปรียบ และขนสุนัขจิ้งจอกบนตัวของเขา เจ้าซื้อมาเองด้วยราคาแพง จะทำให้หนาวได้อย่างไร?”
เมื่อพูดจบ ก็ถูกสายตาอันเย็นชาของฉีหรัวมองมา พร้อมพูดว่า “เจ้าหนังหนาผิวหยาบ ชิงจือไม่เหมือนเจ้า”
ไม่เหมือนตรงไหน
ซ่านเชียนหยวนร้องพูดในใจ เมื่อชิงจือได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า “พี่เชียนหยวนหนังไม่หนาผิวไม่หยาบ ก่อนหน้านี้ตอนที่สอนข้าฝึกวรยุทธยังได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ ไม่รู้ว่าหายดีแล้วหรือยัง”
“จริงหรือ?”ฉีหรัวชักดึงมือของซ่านเชียนหยวนมาดูอย่างตื่นเต้น แล้วก็เห็นรอยช้ำเขียวบนมือ จึงรีบเอายามาทานวดให้กับเขา
ซ่านเชียนหยวนนิ่งอึ้ง แล้วก็มองเห็นชิงจือหัวเราะเบิกบาน
เจ้าเด็กคนนี้ ฉลาดเหมือนพ่อแม่คู่นั้นของเขาเลย
ผ่านไปสักพัก องครักษ์คนที่ไปส่งข่าวก็กลับมาอย่างเร่งรีบ โคลงคำนับพร้อมพูดว่า “เสด็จอ๋องจิ้งนำสิ่งของใช้เด็กน้อยมากมายมาให้กับท่านอ๋องน้อย กับคุณหนูน้อยคุณชายน้อย ยังกล่าวอีกว่าตอนนี้มีงานยุ่ง ไม่สะดวกที่จะพบเจอ”
พูดเสร็จ พร้อมกับนำสิ่งของเต็มสองหีบกลับมา หนึ่งในหีบนั้นเต็มไปด้วยของเล่นแปลกประหลาดมากมาย เหมือนกับของเล่นที่เคยเก็บสะสมไว้ก่อนหน้านี้ถูกส่งมาแล้วทั้งหมด ส่วนอีกหีบหนึ่งนั้นเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของพวกเด็กๆ ล้วนเป็นของที่ดีที่สุดทั้งนั้น
ฉีหรัวขมวดคิ้ว นี่อ๋องจิ้งตั้งใจที่จะให้พวกเด็กๆอยู่ที่นี่แล้วจริงๆหรือ?
ในใจซ่านเชียนหยวนก็ค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ต้องระงับไว้เพราะเห็นแก่เด็กๆ ให้ชิงจือเอาของไปเล่นกับพวกพี่ชายพี่สาว เมื่อเด็กออกไปแล้วค่อยถามองครักษ์คนนั้นว่า “เสด็จอายังพูดอะไรอีก?”
“เสด็จอ๋องจิ้งพูดว่า ในเมื่อท่านอ๋องรับคนไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอามาคืน”
องครักษ์พูดขึ้นอย่างสั้นเทา ซ่านเชียนหยวนตบโต๊ะลุกขึ้นกลับถูกฉีหรัวยกมือดึงไว้
“เวลานี้เจ้าจะเอาเหตุผลอะไรไปพูดกับเขา รอฟังอยู่เงียบๆก่อน ดูว่าเขาหมายความว่ายังไงกันแน่”
ตอนนี้ซ่านจินจื๋อได้กลายกลับไปเป็นคนที่โหดเหี้ยมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หากซ่านเชียนหยวนไปอย่างรีบร้อนเช่นนี้ เกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย ถึงตอนนั้นเมื่อทะเลาะวิวาทกันจนถึงที่สุด จะไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
ซ่านเชียนหยวนพูดไม่ออก สุดท้ายก็ตบลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วก็นั่งลง ปล่อยให้ฉีหรัวรินน้ำชาให้กับเขา
เดิมก็อยากรอดูอยู่อย่างเงียบๆ กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีราชโองการของฮ่องเต้มาถามเขาถึงเรื่องบูชาเซ่นไหว้ เรียกเขาให้ไปเข้าเฝ้าในวัง ฉีหรัวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ตอนที่ช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงได้พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เรื่องบูชาเซ่นไหว้นี้ เดิมเจ้าไม่ได้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้ยังไงก็มีความผิดปกติ”
“เรื่องนี้แน่นอน ก่อนหน้านี้ข้าขอเข้าวังไปหลายครั้ง เสด็จพ่อล้วนปฏิเสธ ตอนนี้จะให้ข้าเขาวัง ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของเสด็จพ่อ หรือเป็นความตั้งใจของยู่จุน” ซ่านเชียนหยวนถอนหายใจเบาๆ รับเอาสายคาดเอวมาจากมือของฉีหรัว แล้วคาดเอวด้วยตัวเอง พร้อมพูดว่า “เสด็จพ่อมีหูตากว้างไกล วันนั้นเสด็จอาส่งพวกเด็กๆมาท่ามกลางผู้คนมากมาย วันนี้ ไม่แน่ว่ายู่จุนอาจจะอยากขอพวกจากข้า”
“หากพวกเขาขอจริงๆ เจ้าจะให้ไหม?”ฉีหรัวเงยหน้ามองดูเขา
ซ่านเชียนหยวนขำท่าทีเคร่งเครียดคิ้วขมวดของนาง ยกมือลูบใบหูของนางพร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จอาปกป้องข้ามาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ตอนนี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ก็จะไม่ยอมยกให้”
“ตอบได้ดีมาก”
ฉีหรัวอมยิ้ม ยกมือปัดแขนเสื้อของเขาพร้อมพูดว่า “ระวังตัวด้วยนะ”
“รู้แล้วรู้แล้ว”ซ่านเชียนหยวนโบกมือ เมื่อไปจากเรือนแล้วกลับส่งคนมาเพิ่ม เฝ้าระวังดูอย่างดี นอกจากนี้ยังสั่งองครักษ์ประจำตัวว่า ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ให้พาพวกเขาหนีไปทันที
เขาไม่มีอำนาจอยู่ในมือเหมือนกับซ่านจินจื๋อ และก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดเหมือนกับซ่านเซิ่งหาน
หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง นอกจากหลบหนีแล้วเขาไม่มีทางเลือกอื่น
เข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าถือเป็นเรื่องใหญ่ พายุหิมะยังไม่หยุด เพราะมีขุนนางใหญ่เข้ามารายงานเรื่องภัยพิบัติฤดูหนาวอย่างรีบร้อน ต้วนโฉงจึงยังอยู่ในห้องพระอักษร เขาจึงได้แต่ไปนั่งรออยู่ตรงห้องด้านข้าง หวางกงกงสั่งคนเอาน้ำชามาให้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ท่านอ๋องพักผ่อนรอสักครู่ รอเมื่อพวกใต้เท้าคุยธุระเสร็จแล้ว ฮ่องเต้ก็จะมาพบท่านแล้ว”
“เรื่องของประชาชนสำคัญมากกว่า”ซ่านเชียนหยวนยิ้มแสร้ง ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเป็นการถ่วงเวลา ด้วยความที่ไม่สังเกตถึงคนด้านข้าง จึงถูกขันทีอายุน้อยคนหนึ่งเอาน้ำชาหกรดตัว จนขันทีน้อยคนนั้นตกใจรีบคุกเข่าลงพื้นขอไว้ชีวิต แต่ก็กลับถูกหัวหน้าขันทีกระทืบไปสองที
“เจ้าคนนี้เพิ่งมาใหม่ ขอท่านอ๋องโปรดให้อภัย” หัวหน้าขันทีคุกเข่าพูดขึ้นด้วยเสียงแหบ
ฤดูหนาวสวมเสื้อผ้าหนา เพียงแค่น้ำชาไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ซ่านเชียนหยวนไม่มีกระจิตกระใจเอาเรื่องพวกเขา เดินอ้อมพวกเขาแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดตรงด้านข้าง ห้องด้านข้างนี้ค่อนข้างเล็ก แต่ด้านหลังห้องกลับเป็นสถานที่อยู่รอทำงานของพวกนางกำนัลทำความสะอาด
ซ่านเชียนหยวนเพิ่งกำลังปลดกระดุม ก็ได้ยินเสียงพวกนางกำนัลหลายคนคุยกัน
“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร คนโปรดคนใหม่ของฮ่องเต้ที่ชื่อแม่นางยู่จุนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้น กลับมีเด็กน้อยอ้วนพลีอายุขวบสองขวบแล้ว”
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เด็กคนนั้นเป็นลูกแท้ๆของเสด็จอ๋องจิ้ง เป็นน้องชายแท้ๆของท่านอ๋องน้อยชิงจือ มีชื่อเรียกว่าอี้จื๋อ ฮ่องเต้กับแม่นางยู่จุนรักและเอ็นดูมาก พวกแม่นางทุกคนต่างก็ไม่กล้าทำอะไร”
“พูดอะไรไปเรื่อย ท่านอ๋องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องด้านข้างนะ”
แล้วก็ไม่รู้ว่าเสียงร้องของใครดังขึ้น เสียงของพวกนางกำนัลถูกเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบทดแทน
ส่วนกะดุมในมือของซ่านเชียนหยวนก็หล่นลงพื้น แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเนิ่นนาน
รอเมื่อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขายังไม่ทันได้ถามถึงเรื่องอี้จื๋อ หวางกงกงก็เดินเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมพูดว่า “เรียนท่านอ๋อง เห็นทีฮ่องเต้กับพวกใต้เท้าคงจะต้องคุยกันถึงค่ำ จึงได้สั่งให้บ่าวมาแจ้งกับท่านอ๋องว่าไม่ต้องรอแล้ว ยังมีพระดำริให้บ่าวมาแจ้งด้วยพะยะคะ”
“เชิญหวางกงกงแจ้งมา”
“ฮ่องเต้ขอให้ท่านอ๋องกลับไปบอกแทนว่า ท่านอ๋องน้อยอาศัยอยู่ในวังอย่างสุขสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้แล้ว ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว กำหมัดแน่น ต่อหน้ากลับยังคงพยักหัวด้วยท่าทีเรียบเฉย ตอนนี้ชิงจืออยู่ในจวนของเขา ท่านอ๋องน้อยทางนี้จะเป็นใครไปได้
คำพูดคุยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจของพวกนางกำนัลเมื่อกี้ เห็นทีว่าคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จึงรีบออกจากไปทันที
ส่วนหวางกงกงกลับไปรายงานเรื่องนี้ในห้องพระอักษร ต้วนโฉงพักผ่อนสักพัก แล้วใช้ข้ออ้างในการทานอาหารมื้อค่ำไปยังตำหนักของยู่จุน เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้กับยู่จุน พร้อมถามว่า “พอใจแล้วหรือยัง?”
“พอใจแน่นอน ซ่านเชียนหยวนคนนี้เป็นลูกชายที่ดีของเจ้าจริงๆ หากเขาใจร้อนแล้วก็ไปแย่งนางเด็กนั่นมา ถ้าจะยิ่งพอใจ” ยู่จุนขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆต้วนโฉง พูดขึ้นด้วยแววตางดอย่าว่า “แต่ว่า หากพวกเราสามารถเลี้ยงอี้จื๋อด้วยตัวเอง สองคนนั้นก็จะอยู่ภายใต้ความควบคุมของข้า”
“จินจื๋อ ไม่ได้โง่อย่างที่เจ้าคิด เขาจะยอมให้เจ้าทำแบบนั้นง่ายๆได้อย่างไร”
ต้วนโฉงช่วยจัดเสื้อที่หลวมให้กับนางอย่างรักใคร่ ยู่จุนซบอยู่บนไหล่ของเขาอย่างไว้วางใจ
แววตากลับกวาดมองไปที่หยูนซีที่นั่งเงียบอยู่ข้างประตู