บทที่ 1110 เรื่องเร่งด่วนไม่ควรยึดติดกับความเชื่อ
“ออกไปนอกเมืองเพื่อขอพร?”
กู้อ้าวเวยหันหน้ามา อย่างไม่เข้าใจ
เวลานี้ต้นฤดูหิมะเมืองเทียนเหยียนค่อยๆหมดไป กำลังเป็นช่วงที่อากาศหนาวเหน็บที่สุด ยังไม่พูดถึงของใช้ในฤดูหนาวทุกสิ่งอย่างที่มีในจวน แค่ถนนออกไปจากเรือนก็เคลื่อนย้ายลำบากเพราะมีหิมะ น่าสงสัยยิ่งนัก
พวกเหล่าสาวใช้ต่างคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วก็พูดไม่ออกถึงเหตุผลความเป็นมาเป็นไป
นางถือตำราอยู่ในมือแล้วก็เหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน กลับทำได้เพียงส่ายหัว พูดขึ้นอย่างจนใจว่า “คนที่จวนอ๋องจงผิงพูดอะไรอีก? หรือคนของจวนฉี?”
“สาวใช้ข้างกายคุณหนูฉีหรัวพูดว่า เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ ในเมืองเทียนเหยียนเกิดเรื่องแปลกประหลาดมากมาย หากอยู่ต่อไปจะไปภัยแก่ตัวเอง เอาเรื่องความเชื่อพวกนี้มาเป็นข้ออ้าง”
หัวหน้าสาวใช้คนนั้นพูดบ่นขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา คงเพราะไม่เชื่อเรื่องความเชื่อพวกนี้
สาวใช้ที่ซ่านจินจื๋อจัดมาช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ กลับทำให้กู้อ้าวเวยฟังแล้วตีความไปเป็นอีกอย่าง คงเพราะเมื่อคืนซ่านเชียนหยวนมาก่อความวุ่นวายในจวนไม่สำเร็จ เมื่อกลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับฉีหรัว ในเมื่อไม่เชื่อถือซ่านจินจื๋อ จึงต้องทำเช่นนี้เพื่อปกป้องพวกเด็กๆ
หากพวกเขาทำเพื่อปกป้องพวกเด็กๆจริง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
นางรู้จักฉีหรัวกับซ่านเชียนหยวนมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ แม้แต่ชีวิตก็สามารถให้กันได้ ตอนนี้จึงไม่ควรที่จะมาคิดเล็กคิดน้อยหวาดระแวงกัน ส่วนอี้จื๋อตอนนี้ยังอยู่กับนาง ช่วงนี้ภายในจวนอ๋องจิ้งก็ไม่มีข่างอะไรจากในวัง ซ่านจินจื๋อก็อยู่เป็นเพื่อนทุกวัน ไม่มีโอกาสได้เข้าวัง ทำให้นางค่อยวางใจ
“งั้นฮูหยินจะเขียนจดหมายสักฉบับส่งไปนอกชานเมืองหรือไม่? บ่าวยังสามารถสั่งคนนำไปส่งให้”
หัวหน้าสาวใช้กระซิบพูดแนะนำ
กู้อ้าวเวยจัดการกับเรื่องนี้อย่างใจเย็น เขียนจดหมายบอกว่าตนเองสบายดีและเรื่องที่อี้จื๋อก็อยู่กับนาง ส่วนอย่างอื่นก็คือคำพูดฝากฝังพวกเด็กๆ แล้วสั่งให้หัวหน้าสาวใช้ไปส่ง
หยิบฉบับที่เขียนถึงเรื่องอี้จื๋อออกมา หัวหน้าสาวใช้เพิ่งถึงทางเลี้ยว ก็เดินชนเผชิญหน้ากับเฉิงซานพอดี รีบก้าวถอยหลังสองก้าวพร้อมก้มหน้าลง พร้อมทั้งซ่อนจดหมายฉบับนั้นไว้ และพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้บ่าวมัวแต่สนใจจดหมายของฮูหยิน ไม่ทันเห็นใต้เท้าเฉิงซาน ขอโปรดให้อภัย”
“ให้ข้าดูหน่อย”
เฉิงซานเอาจดหมายฉบับที่นางแอบซ่อนไว้ออกมา แม้แต่ซองจดหมายก็ยังไม่ได้ปิดด้วยซ้ำ เขาตรวจพิจารณาดู แล้วก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปว่า “ท่านอ๋องบอกว่าให้ส่งจดหมายของฮูหยินไปทั้งหมด ทำไมเจ้าถึงเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้”
สีหน้าหัวหน้าสาวใช้เปลี่ยนไป พร้อมพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “เรื่องเกี่ยวกับคุณชายน้อย ไม่เก็บไว้ไม่ได้”
เดิมเฉิงซานยังอยากพูดอะไรอีก เฉิงยีที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเดินมาหยิบเอาจดหมายไป ยัดเข้าไปในแขนเสื้อของตนเอง แล้วก็มองดูเฉิงซาน พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “นี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง”
“ใต้เท้าเฉิงยีพูดถูก”หัวหน้าสาวใช้คนนั้นอมยิ้ม แล้วก็เดินผ่านเฉิงซานไป
เฉิงซานเฉิงยีทั้งสองคนมองตากัน พร้อมจากไปอย่างเงียบๆ
ก่อนจะจากไป เฉิงยียังไม่ลืมที่จะพูดกับเฉิงซานว่า “อย่าลืมว่าเจ้านายของตัวเองเป็นใคร”
“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าพูด”เฉิงซานขมวดคิ้ว แล้วก็เดินออกไปทางประตูหลังของลานชิงโยว
ภายในเรือนกลับมาเงียบสงบ ส่วนหัวหน้าสาวใช้กลับตรวจดูข้อความบนจดหมายอย่างละเอียด แล้วก็สั่งคนไม่คุ้นหน้าหลายคนเอาจดหมายไปส่งที่จวนอ๋องจงผิง เฉิงซานแอบสะกดรอยตามจึงเห็นการกระทำทุกอย่าง จากนั้นค่อยหลบจากไป ไม่ทิ้งร่อยรอยให้หัวหน้าสาวใช้รู้ตัว
สาร์นสองฉบับจากจวนอ๋องจงผิงเหมือนจมอยู่ในทะเล ไม่มีข่าวคราวใดๆ
ผ่านไปหนึ่งวันก็ไม่มีจดหมายตอบกลับ จดหมายจากจวนอ๋องจิ้งกลับถูกส่งมาอย่างไม่ขาดสาย
ซ่านเชียนหยวนเห็นข้อความในจดหมายล้วนเป็นข้อความเป็นห่วงเป็นใยกับฝากฝัง ยิ่งทำให้ยิ่งปวดหัว ก็ไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้ของกู้อ้าวเวยมีความหมายอื่นแอบแฝงไหม หรือถูกปิดบังไว้จนถึงได้กล้าเขียนบอกให้เขาวางใจ ลังเลตัดสินใจไม่ถูก แล้วก็ตัดสินใจไปหาฉีหรัวที่เรือน
ทำให้ฉีหรัวโกรธ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ายังถูกกักบริเวณ เจ้ากลับมาหาข้าทุกวัน ยังมีรักษากฎอยู่ไหม?”
“หรัวเอ๋อร์คอยแต่จะจับผิดข้า” ซ่านเชียนหยวนขยับเข้ามาใกล้ ยังเห็นเซียวเซียวเอากระดาษที่เขียนแล้วกำเป็นก้อนโยนมา จึงหลบหลีกแล้วยิ้มโอบกอดฉีหรัวเดินเข้าไปข้างใน ยังพูดอีกว่า “เจ้าเป็นถึงพี่ชาย ช่างใช้ไม่ได้จริงๆ”
เซียวเซียวโกรธอย่างมาก หยินซี่งจึงเอากระดาษก้อนนั้นมาแกะออกแล้วยื่นให้กับเขา พร้อมพูดว่า “ถึงเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเรา แต่ยังไงก็ตัวโตกว่าพวกเรามาก ไปโกรธเขาไม่คุ้มหรอก เรียนแบบชิงจือตั้งใจร่ำเรียนดีกว่า ต่อไปจะได้สอนน้องชายที่ยังไม่เคยเห็นหน้าคนนั้น”
“ในเมื่อเป็นน้องชาย ยังไงก็ต้องฝึกวิชาการต่อสู้”ชิงจือเจ้าว่าถูกไหม?เซียวเซียวเอากระดาษก้อนนั้นโยนไปหาชิงจือ
ชิงจือที่ถูกรบกวนจากการเขียนหนังสือ แสดงท่าทีเหมือนผู้ใหญ่ พยักหัวพร้อมพูดว่า “ร่ำเรียนหรือฝึกต่อสู้ล้วนดีทั้งนั้น แต่แทนที่พี่ชายจะมาเล่นแบบนี้ ออกไปฝึกวิชาการต่อสู้กับอาจารย์ไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นจะเอาชนะพี่เชียนหยวนได้ยังไง”
เซียวเซียวโมโห แต่ก็กลับนั่งลงเขียนหนังสืออย่างเงียบๆ
เด็กทั้งสามคนต่างก็ผ่านเรื่องต่างๆมาบ้าง พร้อมทั้งได้รับการสั่งสอนจากกู้อ้าวเวย ต่างคนจึงต่างก็รู้จักวางตนอย่างมาก ต่อให้ตอนนี้หยินซี่งค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ก็สมเหตุสมผล
ฉีหรัวฟังอยู่สักพัก รู้ว่าพวกเขาไม่ทะเลาะกันแล้ว ค่อยตามซ่านเชียนหยวนเดินเข้าไปข้างใน เอาจดหมายออกมาพลิกดูไปมา ยิ่งพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “นางเป็นคนขี้ระแวง ตอนนี้กลับไม่ระแวงซ่านจินจื๋อเลยหรือ?”
“ฟ้าสวรรค์รู้ เพียงแต่ปกติข้ามักจะฟังนางจัดระเบียบความคิดของนางได้อย่างชัดเจ น คาดการณ์รู้ทุกอย่าง เมื่อมาถึงเรื่องของพวกเรา กลับไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”
ซ่านเชียนหยวนเกาหัวไปมาอยู่เรื่อยๆ
ฉีหรัวเองก็คิดผิด เดิมคิดว่าคืนนั้นในเมื่อมีคนช่วยชีวิตจางเหยียงซานกับซ่านเชียนหยวนไว้ เลยคิดว่าคนคนนั้นไม่ได้ช่วยจางเหยียงซานแต่เป็นการช่วยกู้อ้าวเวย เมื่อคืนก่อความวุ่นวายขนาดนั้น อย่างน้อยก็สามารถถ่วงเวลาซ่านจินจื๋อไว้ได้บ้าง…..
คนลึกลับคนนั้นสามารถมาช่วยจางเหยียงซานตรงด้านข้างลานชิงโยว
แสดงว่ายังไงก็มีความสามารถที่จะส่งข่าวให้กับคนในลานชิงโยว ตอนนี้ทำไมถึงยังเงียบสงบ ไม่มีอะไรผิดปกติ
คิดไปคิดมา ฉีหรัวครุ่นคิดเรียบเรียงความคิดของตัวเอง และพูดขึ้นว่า “หากพวกเราไม่ได้รับข่าว ก็หาคนที่สามารถรู้ข่าวไปสืบมา”
เห็นหางตาฉีหรัวฉายแววสับสน สีหน้าของซ่านเชียนหยวนก็เคร่งเครียดตาม และพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่า ให้ข้าไปหาเสด็จพี่สาม ตอนนี้ในใจเขามีเพียงตำแหน่งฮ่องเต้ ต่อให้รู้ข่าวก็เพื่อต้องการใช้ประโยชน์จากนาง หากเกิดอะไรขึ้น เสด็จอาฆ่าข้าเป็นคนแรกแน่”
“เป็นไปได้ยังไง หลายปีมานี้ซ่านเชียนหยวนเคยเห็นหน้านางเพียงไม่กี่ครั้ง ก็หลงรักใคร่ถึงปานนี้ ตอนนี้นางก็เป็นหมากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือประโยชน์ส่วนร่วมองค์ชายสามก็ควรที่จะปกป้องนาง ต่อให้พวกเราไม่รู้ความจริง แต่อย่างน้อยก็มีคนดูแลกู้อ้าวเวยเพิ่มขึ้นอีกคน นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
ฉีหรัวตบมือซ่านเชียนหยวนอย่างปลอบโยน พร้อมพูดว่า “เจ้ากับเขาเป็นพี่น้องกัน ก็น่าที่จะรู้จักเขาดี เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาเคยทำร้ายใครบ้าง?”
ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว สุดท้ายแล้วก็ยังคงตอบตกลง
เรื่องเร่งด่วนไม่ควรยึดติดกับความเชื่อ จะหลงเชื่อเสด็จอากับเบื้องหลังจดหมายนี้แล้วรออยู่อย่างเดียวไม่ได้