ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods – ตอนที่ 460 หวังให้ต้นหวย[1]ผลิบาน

ตอนที่ 460 หวังให้ต้นหวย[1]ผลิบาน

วิชาพิษของพี่สาวมู่ได้ประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันอย่างพิสดารแล้ว เข้าสู่เขตขั้นอันแม้แต่ภูตผีและเทพก็มิอาจทำนายได้

ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความทึ่ง ความสำเร็จของมู่ยิ่งเสว่ในเต๋าแห่งพิษนั้นได้เหนือล้ำไปกว่าเขาแล้ว และเขาก็ต้องยอมรับว่านางมีปฏิภาณความเข้าใจอันเหนือล้ำในศาสตร์สาขานี้ นางมีกระบวนความคิดอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เหมาะแก่การตรึกตรองเต๋าแห่งพิษ

หลังจากการต่อสู้กับเขา นางน่าจะได้ดูดซับเอาแนวคิดอุดมการณ์ส่วนหนึ่งของนักปรุงยา และค้นพบมรรคาเต๋าของตนเอง จึงสามารถเอาชนะอวี้ชิงฉานได้อย่างง่ายดาย

ความสำเร็จของนักปรุงยาในเต๋าแห่งพิษนั้นเลิศล้ำเกินธรรมดา แต่ฉินมู่เชี่ยวชาญด้านการเยียวยาและช่วยชีวิตผู้คนเป็นหลัก เขามิได้วิจัยเข้าไปในวิชาพิษอย่างลึกซึ้งเท่าใด ดังนั้นย่อมไม่แปลกที่เขาจะถูกมู่ยิ่งเสว่แซงหน้าไปได้

หากว่าเป็นเขาที่ต่อสู้กับอวี้ชิงฉานบนเวทีประลองโดยอาศัยเพียงแค่สารพิษที่อยู่บนแท่นเวที เขาก็จะต้องใช้วิชาเสกสรรจากคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตเพื่อแปรเปลี่ยนความเป็นพิษเหล่านั้น แม้ว่ามันจะค่อนข้างคล้ายกับแนวคิดอุดมการณ์ของมู่ยิ่งเสว่ แต่เขาจะต้องใช้เวลามากกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เดียวกัน

เขาสามารถเอาชนะอวี้ชิงฉานได้ แต่คงไม่ง่ายดายเหมือนที่มู่ยิ่งเสว่กระทำ

แน่ล่ะว่า ฉินมู่ฝึกปรือทั้งยารักษาและยาพิษด้วยกัน ใช้ยารักษาเพื่อเสริมส่งยาพิษ อันให้ผลลัพธ์เกินคาดหมาย หากว่าเป็นการต่อสู้หมายชีวิตกันจริงๆ ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเขาและนางใครที่จะมีชัยเอาชนะ

มู่ยิ่งเสว่กระโดดลงมาจากเวทีประลอง แต่นางไม่ทันแตะพื้น เถาวัลย์ก็งอกขึ้นมาจากดินและผลิใบออกมารองรับเท้าของนาง

นางยื่นมือมาหาฉินมู่ ซึ่งรับมือนั้นและถูกดึงขึ้นไปบนใบไม้

เถาวัลย์เขียวข้างใต้เท้าพวกเขางอกสูงขึ้นและสูงขึ้น ชูพวกเขาขึ้นไป มู่ยิ่งเสว่โบกมือให้กับทุกคนรอบๆ ลานประลอง เต็มไปด้วยความปีตียินดีและภาคภูมิใจ “ดูสิ ขนาดหมอพิษอย่างพวกเราก็ยังหาสามีในฝันได้ หนุ่มน้อยของข้า จ้าวลัทธิมารฟ้าแห่งแผ่นดินภาคกลาง เขาแข็งแกร่งสุดๆ เลยนะ!”

เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังมาจากเบื้องล่าง

เด็กสาวบางหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “อาจารย์พิษ ท่านพบพานสามีในฝันหลังจากแวะไปแผ่นดินภาคกลางแค่รอบเดียว เมื่อไหร่ท่านจะพาพวกเราทั้งหมดไปแผ่นดินภาคกลางบ้าง”

มู่ยิ่งเสว่มองไปยังพวกนางข้างล่างด้วยสีหน้าตื่นเต้น “หลังจากธุระของหนุ่มน้อยของข้าเสร็จสิ้น ข้าจะพาพวกเจ้าไปแผ่นดินภาคกลางเพื่อเป็นเภทภัยหายนะแก่พวกผู้ชายที่นั่น!”

“ข้าได้ยินว่าที่แผ่นดินภาคกลาง ผู้ชายสถานะสูงส่งกว่าผู้หญิง นั่นมันดินแดนล้าหลังป่าเถื่อนอะไรอย่างนี้ ไปสั่งสอนพวกเขาให้กลับทำนองคลองธรรมกันเถอะ!”

“ใช่แล้วๆ! ไปสั่งสอนพวกเขา!”

เด็กสาวอีกคนแย้มยิ้มแล้วกล่าว “ไม่ง่ายเลยที่อาจารย์พบจะพบบุคคลที่นางพึงใจ ดังนั้นพวกเราต้องฉลอง!”

เสียงหัวเราะระรื่นของสตรีจำนวนมากยังสะท้อนก้องไปมาบนท้องถนน และทันใดก็มีกลุ่มหนึ่งกรูกันออกมาจากที่ไหนไม่ทราบ พวกนางตีกลองที่เอวและกระทืบเท้าเป็นจังหวะทำนอง เต้นรำและขับร้องเพลง

เมืองขุนเขาสายฟ้าพลันกลายเป็นคับคั่งครึกครื้น และชายหนุ่มหญิงสาวมากมายก็จับมือกัน ขับร้องเพลงพื้นถิ่นของแผ่นดินตะวันตกไปด้วยกัน

ผู้ฝึกวิชาเทวะบางคนได้ขับเคลื่อนวิชาเทวะของแผ่นดินตะวันตก และเถาวัลย์เขียว ดอกไม้พิษ เช่นเดียวกับหญ้าชนิดต่างๆ ก็งอกงามออกมาอย่างรวดเร็ว ชายและหญิงที่ฝึกวิชาพิษเดินไปมาท่ามกลางดงดอกไม้เหล่านั้นและร้องเพลงคลอกันไปมา บางคนถึงกับยืนอยู่บนใบเถาวัลย์ที่สั่นระริก และเริงระบำไปกับคู่ที่หมายตา

ฆ้องและกลองอึกทึก และท่วงทำนองเพลงดังกังวานก็ซ่านไปในอากาศ

ฉินมู่ผู้ซึ่งยืนอยู่บนใบไม้ มองลงไปข้างล่างและเห็นคางคกเขียวตัวใหญ่ที่มีพุงขาวผ่องเดินออกมาจากสุดถนนหนึ่ง แทบจะพองเต็มถนน ตัวฟู่ฉู่[2]หูใหญ่โอ้อวดเกล็ดอันเป็นมันวาวเหมือนโลหะของพวกมัน ข้างๆ มันก็มีพรายวิญญาณคางคกที่ร้องคร๊อกๆ ประกอบจังหวะ

พรายวิญญาณคางคกดีดลิ้นของพวกมันออกมาประทบกับเกล็ดของตัวฟู่ฉู่ สร้างเสียงเคร้งๆ กังวาน

และยังมีพรายวิญญาณคางคกอีกมากมายที่เต้นรำและตีฆ้องและกลอง บ้างก็เป่าขลุ่ยสั้นด้วยนิ้วทั้งสี่ของพวกมัน ตะขาบยักษ์สี่ห้าตัวกระดุกกระดิกไปมาตามทำนองเพลง

บางครั้งบางคราว ก็จะมีตะขาบกระโดดขึ้นไปชนแก้มพองๆ ของพรายวิญญาณคางคก ทำให้มันร้องคร๊อก

บนศีรษะของคางคกเขียวตัวใหญ่ หญิงสาวสะสวยคนหนึ่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าสีดำของนางแกว่งไกวไปมาระหว่างที่นางร้องเพลง

ฉินมู่ดื่มด่ำกับเสียงเพลงเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเถาวัลย์เขียวจะยกขึ้นสูงลิ่วแล้ว แต่ภาพอันตระการตาของเมืองอันเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองก็ยังคงอยู่ในสายตาของเขา เสียงร้องเพลงไพเราะกังวานทั้งหมดก็ล้วนลอยมาถึงหูของเขา

อารมณ์อันเร่าร้อนของดรุณีแห่งแผ่นดินตะวันตกโถมซัดใส่เขาราวคลื่นใหญ่ โอบรัดเขาเป็นชั้นๆ และถั่งโถมเข้าไปในหัวใจ

เถาวัลย์เขียวพลันยอบตัวลง ส่งฉินมู่และมู่ยิ่งเสว่ลงต่ำ พาพวกเขาผ่านถนนสายหนึ่งไปยังอีกสายหนึ่ง มีผู้คนที่กำลังร้องเล่นเต้นรำอยู่ทั่วไป ด้วยพรายวิญญาณประหลาดพิสดารและสัตว์พิษนานาชนิด ทุกคนโอ้อวดท่าเต้นอันพิสดารตระการตา และท่าเต้นอันสับสนงงงวย ก่อนที่จะยื่นมือออกไปแตะกับมือของมู่ยิ่งเสว่และฉินมู่ที่ยื่นออกมา

ทำนองเพลงอันกึกก้องไปทั่วเมืองขุนเขาสายฟ้าพลันกลายเป็นกังวานและเร่าร้อน สุขสันต์และคึกครื้น ฉินมู่รู้สึกราวกับว่าเขาได้มายังอาณาจักรในตำนานเล่าขาน ที่ซึ่งเถาวัลย์เขียวยักษ์พาเขาและสาวน้อยข้างกายท่องเที่ยวผ่านทุกหัวมุมถนนอันเต็มไปด้วยผู้คนที่เริงรื่น

เถาวัลย์เขียวพาพวกเขากลับไป ยกพวกเขาขึ้นและลงไปตามทาง หญิงสาวบนต้นไม้ต่างๆ เดินเหยียบใบไม้เพื่อห้อยพวงมาลัยดอกไม้บนคอพวกนาง

ยังมีเด็กสาวมากมายที่นอนอยู่บนยอดไม้ กระดิกเท้าเล็กๆ ของพวกนางระหว่างที่ดูสองคนนี้ลอยลิ่วสูงขึ้นไป พวกนางป้องปากตะโกนเพลงรักหวานฉ่ำอันสะกิดเส้นในหัวใจ ขณะที่ฝูงแมลงก็พุ่งเข้าไปเคาะกับฆ้องเล็กด้วยขาหลังของพวกมันเป็นจังหวะประกอบ

เถาวัลย์เขียวยืดยาวไปยังใจกลางเมือง และลอยเหนือถนนอันคลาคล่ำด้วยผู้คน ข้ามเหนือบ้านเรือนอันโค้งกลมและมายังโถงวังของมู่ยิ่งเสว่

ที่เพดานของราชวังนี้มีหน้าต่างเปิดเอาไว้อยู่ และเถาวัลย์เขียวก็ส่งชายหนุ่มหญิงสาวบนใบของมันเข้าไปในห้อง

ฉินมู่และมู่ยิ่งเสว่ยืนอยู่ที่หน้าหน้าต่าง และเฝ้าชมดูฝูงชนอันคับคั่งที่เคลื่อนขบวนผ่านถนนข้างล่าง ร้องรำทำเพลงกันต่อไป

พวกเขายังคงเฉลิมฉลองโอกาสอันสำเริงสำราญ ที่อาจารย์พิษมู่ยิ่งเสว่ได้พบกับสามีในฝันของนาง

“น่าอายจริงๆ” มู่ยิ่งเสว่ปิดหน้าของตนเองและฮึ่มฮั่ม “พวกเขาเฉลิมฉลองกันยังกะว่าชาตินี้ข้าคงหาสามีในฝันไม่ได้แล้ว พวกเขาคงรอกันไม่ไหวแล้วสิที่จะส่งข้าไปวิวาห์เยือนน่ะ!”

ฉินมู่มองไปที่นางและพบว่าเด็กสาวตรงหน้าเขา ผู้ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งด้านเต๋าพิษแห่งแผ่นดินตะวันตก ไม่มีวี่แววของความเอียงอายเลยสักนิด ในทางกลับกัน นางดูใจกล้าและเร่าร้อน ละลายความเอียงอายของนางด้วยความปรารถนาอันร้อนระอุ

ความปรารถนาของดรุณีแผ่นดินตะวันตกนั้นหนักหนาเกินกว่าที่ฉินมู่จะย่อยกลืนลงไปได้ และเสียงครวญครางอันช่วยให้ลุ่มหลงของเมืองขุนเขาสายฟ้า ก็ทำให้เขาราวกับต้องมนตร์

ความคิดของเขากระเจิดกระเจิง และเขาก็งมงายไปในอารมณ์

การเฉลิมฉลองนั้นยังเป็นเพียงเรื่องแรก เมื่อถึงเวลาบ่าย มู่ยิ่งเสว่ก็ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นของนาง นางเอียงศีรษะไปซบบ่าของฉินมู่และดูอิ่มเอมใจ

กิเลนมังกรเดินมาท่ามกลางดงดอกไม้พิษอย่างระมัดระวัง พลางมองไปที่สองหนุ่มสาวอันยังคงยืนเคียงกันตรงหน้าหน้าต่าง และบ่มพึมพำเบาๆ “ก่อนหน้านั้น ปรมาจารย์ก็กลายเป็นเสเพลเพราะอย่างนี้แหละ ทุกๆ ปี ตาเฒ่าลามกนั่นจะต้องทิ้งข้าเพื่อมาที่แผ่นดินตะวันตก…”

ในที่สุดฉินมู่ก็ตื่นจากห้วงฝันและกล่าว “พี่สาวมู่ พวกเรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”

มู่ยิ่งเสว่สีหน้าแดงเรื่อ และนางกระตุกชายเสื้อของเขา “วิวาห์เยือนต้องรอตอนกลางคืน ทำไมเจ้าอดรนทนไม่ไหวอย่างนี้ รออีกหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร แต่ทว่า ถ้าเจ้ารีบด่วนจริงๆ ข้า…ถึงยังงั้นข้าก็ทำไม่ได้! ข้ายอมตามใจเจ้าไม่ได้หรอก! ที่นี่ ผู้หญิงเป็นใหญ่นะ ผู้ชายต่างหากที่ต้องตามใจผู้หญิง!”

ฉินมู่กะพริบตาปริบๆ และรออย่างอดทนให้นางพูดจนจบ “พี่สาว สาเหตุที่ข้ามาแผ่นดินตะวันตกในคราวนี้ นั่นก็เพราะว่าข้ากำลังพยายามช่วยเสียงซีอวี่และบุตรสาวของนางช่วงชิงตำแหน่งเจ้าตำหนักสวรรค์แท้กลับคืนมา และนั่นเป็นสาเหตุให้ข้าก่อความวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ อันที่จริงนี้นี่น่าจะเป็นกิจการภายในของแผ่นดินตะวันตกของพวกเจ้า แต่ครั้งก่อนนั้นที่ตระกูลเสียงถูกตระกูลอวี้ล้มล้าง และมีผู้คนมากมายตกตายไป เจ้าก็ได้มีส่วนเกี่ยวพันด้วย”

มู่ยิ่งเสว่ผงกหัวและสั่งให้คนของนางไปเชิญกิเลนมังกรและเสียงฉีเอ๋อเข้ามาข้างใน ระหว่างที่นางยังคงคลอเคลียอยู่กับฉินมู่ “ในครั้งนั้นเมื่อตระกูลอวี้ลงมือกับตระกูลเสียง ข้าก็ได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่จริงๆ นั่นแหละ ตระกูลอวี้มีป้าโก่วอันปูมหลังความเป็นมาน่าแตกตื่นสะท้านขวัญ ดังนั้นข้าจึงถูกบังคับให้ตกลงช่วยตระกูลอวี้วางยาพิษใส่ตระกูลเสียง พิษของข้ามิได้คร่าชีวิตคน แต่เจ้าก็รู้”

ฉินมู่ผงกหัว พิษของมู่ยิ่งเสว่คือไหมรัดพันอันทำลายพลังวัตรของผู้ต้องพิษ แต่ไม่ทำอันตรายร่างกายผู้คน เมื่อฉินมู่ได้พบเสียงซีอวี่ ที่นางประสบอยู่คือพิษไหมรัดพันอันได้ทำลายพลังวัตรของนางไปอย่างรุนแรง เพราะอย่างนั้น นางถึงถูกไล่ล่าโดยอวี้ป๋อชวนจนตกอยู่ในสภาพอันยับเยินน่าสังเวช

สีหน้าของมู่ยิ่งเสว่มืดคล้ำไประหว่างที่นางกล่าว “ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลอวี้จะอำมหิตถึงเพียงนี้ ฆ่าล้างถอนโคนตระกูลเสียงทั้งหมด…แต่ทว่า ถึงแม้ข้าจะรู้ล่วงหน้าว่าตระกูลอวี้จะทำเช่นนั้น ข้าก็ยังคงจะช่วยพวกเขาอยู่ดี”

ฉินมู่มองไปที่นางด้วยความฉงน

มู่ยิ่งเสว่ถอนหายใจ “ความเป็นตายของทุกคนในตระกูลมู่ของข้าและในเมืองขุนเขาสายฟ้าอยู่บนบ่าของข้า และหากว่าข้าไม่ยอมทำตาม ตระกูลอวี้ก็จะยื่นมือเข้ามาจัดการกับผู้คนของข้า ในฐานะอาจารย์พิษ ข้าจำเป็นต้องคำนึงถึงผู้คนตระกูลมู่เอาไว้ก่อน ไหน่ขุยคงเกลียดชังข้ามากสินะ?”

ความละอายฉายขึ้นมาบนใบหน้าของนาง แต่นางก็กลบเกลื่อนมันไปอย่างรวดเร็ว นางกลับมาเป็นสีหน้าเย็นชาตามปกติแล้วกล่าว “ถึงนางจะเกลียดชังข้า ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าไม่อาจเสี่ยงความเป็นความตายของครอบครัวข้าเพื่อนาง”

“พี่สาวน่าจะรู้เป้าหมายของข้าที่มา ใช่ไหม”

มู่ยิ่งเสว่เป็นผู้นำตระกูลมู่ และเครือข่ายของนางทั้งกว้างขวางและรวดเร็ว นางผงกหัวแล้วกล่าว “ข้ารู้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าย่างเท้าเข้ามาในแผ่นดินตะวันตก และตำหนักสวรรค์ได้ออกประกาศจับเจ้า ข้าก็รู้ทันทีว่าเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร จ้าวลัทธิมารฟ้า เจ้ามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และเจ้าคงไม่เสี่ยงชีวิตมาที่นี่เพียงเพื่อความรักฉันท์ชายหญิง เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อข้า และไม่ได้มาเพื่อวิวาห์เยือน แต่มาเพื่อขับเคลื่อนแผนการใหญ่”

อากาศรอบกายนางพลันแปรเปลี่ยน และกลายเป็นเย็นยะเยือก “เจ้าหมายที่จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินตะวันตก เปลี่ยนแปลงมันไปราวพลิกฝ่ามือ! ความทะเยอทะยานของเจ้าอยู่ที่การยึดครองแผ่นดินตะวันตกให้อยู่ใต้ปกครองของจักรวรรดิสันตินิรันดร์! และวิธีที่รวดเร็วที่สุดก็คือการสนับสนุนเสียงซีอวี่ให้ขึ้นไปเป็นเจ้าตำหนักแห่งตำหนักสวรรค์แท้! นางไม่เหลืออะไรแล้วในโลกนี้ นอกจากการล้างแค้นเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามเงื่อนไขของเจ้าและจักรพรรดิสันตินิรันดร์ และเมื่อนางได้กลับไปเป็นเจ้าตำหนักอีกครั้ง ตำหนักสวรรค์ก็จะประกาศตัวหลอมรวมเข้ากับสันตินิรันดร์”

ฉินมู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน หลังจากมายังแผ่นดินตะวันตก เขาได้พบกับสตรีที่เหนือธรรมดามากมาย มีเหออีอีที่เรียบง่ายแต่ทรงปัญญา และแม่ลูกตระกูลหลิ่วที่กลอกกลิ้งอย่างเหลือร้าย พวกนางทั้งหมดล้วนแต่เลิศล้ำโดดเด่น และวิสัยทัศน์ของพวกนางก็ยาวไกลอย่างน่าทึ่ง

มู่ยิ่งเสว่ตรงหน้าของเขานั้น ก็นับว่าเป็นยอดคน

“ข้าติดค้างตระกูลเสียงไว้มากเกินไป แต่ข้าก็ไม่อาจโยนชีวิตของผู้คนในตระกูลข้าทิ้งไปเพียงเพราะว่าข้าติดค้างพวกนั้น! เจ้ายังไม่เคยพบกับป้าโก่วและไม่รู้ความสามารถของเขา แต่ข้าได้พบแล้ว ข้ารู้ว่าเขาน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน และข้ายังรู้อีกด้วยว่ามีเทพเจ้าตนหนึ่งอาศัยอยู่ในตำหนักสวรรค์แท้ ไม่ว่ากองกำลังของพวกเจ้าจะแข็งแกร่งสักเพียงไหน และจะรวบรวมยอดฝีมือแผ่นดินตะวันตกได้มากเพียงใด เจ้าก็เอาชนะไม่ได้หรอก เจ้าเพียงแต่ส่งตัวเองไปสู่ความตายเท่านั้น!”

“ข้าไม่ควรมาเลย” ฉินมู่กล่าวด้วยความเศร้าใจและลุกขึ้นยืน

มู่ยิ่งเสว่หัวใจสั่นสะท้านเมื่อนางก็ผุดลุกขึ้นเช่นกัน “ข้าอยากให้เจ้าอยู่ และไม่ตายไป หากว่าเจ้าต้องการจะไป ข้าก็ไม่ขัดขวางเจ้า สตรีแห่งแผ่นดินตะวันตก ไม่ยื้อยุดบุรุษที่ยืนกรานจะจากไป!”

ฉินมู่โค้งกาย “พี่สาวมู่ ลาก่อน” หลังจากที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาก็หันกลับไปและเดินออกจากเรือนตึก

“เจ้า!” มู่ยิ่งเสว่กัดฟันกรอดและตะโกนไล่หลังเขา “เจ้าจะตายนะ เจ้ารู้ตัวไหม”

ฉินมู่หันกลับไปส่งยิ้มให้นาง “ครั้งนั้นที่ข้าช่วยเหลือพวกเขา ข้าก็รู้ว่าถ้ายื่นมือออกไปช่วย ชีวิตของข้าก็อาจจะปลิดปลิว แต่ข้าก็ยังคงทำมัน พี่สาว ข้าจะไม่บังคับเจ้าให้ทำอะไรเพื่อข้า”

มู่ยิ่งเสว่กระวนกระวายและกระทืบเท้าอย่างขัดใจ “ต่อให้เจ้าตาย ข้าก็จะไม่คิดถึงเจ้า!”

ฉินมู่หัวเราะและหันไปหากิเลนมังกรและเสียงฉีเอ๋อผู้ซึ่งกำลังปีนขึ้นไป

“เมืองอันแสนอบอุ่นนี้ ข้าก็ได้มาเยือนแล้ว มังกรอ้วน พวกเราไปกันเถอะ!”

กิเลนมังกรงุนงง แต่เขาก็ยังคงวิ่งออกไปจากเรือนตึก แบกพวกเขาออกไปจากเมือง

“พี่เขย?” ในถนนเส้นหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่แผ่นหลังของฉินมู่ที่กำลังเร่งรุดจากไป

ฉินมู่โยนถุงหอมให้กับนางและเอื้อนบทกวี “วันยุ่งยากย่อมมีหนทางผ่านพ้นไป นิสัยข้าโง่เขลาและยากจะแปรเปลี่ยน! พี่สาว ถือเสียว่าข้ามิได้มา!”

มู่ยิ่งเสว่มองไปที่เขาอันออกจากเมืองขุนเขาสายฟ้าจนกระทั่งลับตาไป

นางเดินออกจากเรือนตึกและเห็นเมืองขุนเขาสายฟ้าเละเทะไปหมด ทุกหนแห่งมีเศษซากที่หลงเหลือจากการเฉลิมฉลองในตอนเช้า พรายวิญญาณคางคกกำลังทำความสะอาดอย่างเชื่องช้า ลากผู้คนที่เมามายออกไป

ที่มุมหนึ่งของถนน เด็กสาวจำนวนหนึ่งมองมาที่หนึ่ง และหนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้ากล่าว “พี่สาว พี่เขยเขา…”

“เขาไปแล้ว” มู่ยิ่งเสว่ได้ยินเสียงของนางกล่าวด้วยน้ำเสียงอันไม่คุ้นหูนางเลยสักนิด “เขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว…”

นางแตะใบหน้าของนาง และพบว่ามันเปียกชื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“พี่เขยส่งนี้มาให้ข้า มันน่าจะเป็นของพี่สาว” เด็กสาวที่ฉินมู่พบพานเดินเข้ามา ในมือของนางคือถุงหอมที่ปักลายนกเป็ดน้ำคู่สีทอง

มู่ยิ่งเสว่เปิดถุงหอม และนำถั่วแดงแห่งความคะนึงหาออกมา

………………………..

[1] ต้นหวย – คือต้นวิสทีเรีย เป็นต้นไม้ดอกที่พิษร้ายแรงแต่มีความสวยงาม

[2] ฟู่ฉู่ หรือโอพอสซัม เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคล้ายหนู

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods บ้างส่วนของนิยาย

บทนำ นิยายกำลังภายใน แฟนตาซี การผจญภัยของหนุ่มน้อยซุกซนกับการกู้จักรวาล!? อ่านฟรี 80 ตอน ภายใน 10 ธ.ค. 63 เท่านั้น ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

เรื่องย่อ

‘อย่าออกไปข้างนอกยามฟ้ามืด’

เป็นวลีที่บอกเล่าต่อกันมานมนานในหมู่บ้านชราพิการ แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าคำกล่าวนี้เริ่มขึ้นเมื่อใด แต่มันเป็นข้อเท็จจริงโดยมิต้องสงสัย

ในหมู่บ้านชราพิการ ท่านยายซีจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังดิ่งลับเหลี่ยมเขาด้วยใจกระสับกระส่าย เมื่อดวงตะวันตกสิ้นแสง ทันใดนั้นโลกทั้งโลกก็จมอยู่ในความเงียบงัน ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ สิ่งเดียวที่อาจเห็นได้คือความมืดอันแผ่สยายกลืนกินภูเขา แม่น้ำ และดงป่า กระทั่งมาถึงหมู่บ้านพิการชราและฮุบรวบทั้งหมู่บ้านไว้ในอุ้งเล็บของมัน

สี่มุมรอบอาณาเขตหมู่บ้านมีรูปสลักหินโบราณสี่ตน รูปสลักเหล่านั้นเก่าครำคร่า แม้กระทั่งท่านยายซีก็ไม่รู้ว่าผู้ใดสลักเสลารูปปั้นเหล่านี้ไว้ และตั้งไว้เมื่อใด

เมื่อความมืดครอบคลุม รูปสลักทั้งสี่ต่างเปล่งแสงเรืองหรี่ในห้วงอันธการ เมื่อเห็นรูปสลักส่องแสงเช่นที่เคย ท่านยายซีและผู้ชราคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ความมืดมิดภายนอกยิ่งมายิ่งหนาทึบ แต่ด้วยแสงพิทักษ์ของบรรดารูปสลักหิน หมู่บ้านชราพิการก็ยังคงปลอดภัย

ทันใดนั้น ใบหูของท่านยายซีก็กระดิกพร้อมกับเปล่งเสียงอุทานด้วยความตระหนก “ทุกคน ฟังสิ! มีเสียงทารกร้องอยู่ข้างนอกนั่น!”

ตาเฒ่าหม่าซึ่งอยู่ข้างๆ ส่ายหน้าแล้วกล่าวตอบไป “เจ้าคงหูแว่วไปเอง…เอ๊ะ มีเสียงทารกร้องจริงๆ ด้วย!”

เว้นก็แต่เฒ่าหนวก ผู้ชราทั้งหมดต่างก็หันไปมองซึ่งกันและกันเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกแว่วสะท้อนท่ามกลางความมืดมนภายนอกหมู่บ้าน แต่ว่าหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้จะมีทารกมาปรากฏอยู่ใกล้ๆ ได้อย่างไรกัน

“ข้าจะไปดู!”

ท่านยายซีเริ่มเต้นเมื่อนางเขย่งวิ่งไปยังรูปสลักตนหนึ่งในหมู่บ้าน เฒ่าหม่ารีบรุดตามไปด้วยเช่นกัน “ยัยแก่ซี เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง ออกจากหมู่บ้านตอนนี้เท่ากับรนหาที่ตาย!”

“สิ่งร้ายในความมืดนั่นกลัวรูปสลักหิน ข้าคงไม่ตายเร็วนักหรอกหากว่าแบกรูปสลักนี้ออกไปด้วย!”

ท่านยายซีโก้งโค้งตัวลงหมายจะแบกอุ้มรูปสลักศิลา ทว่าด้วยความหลังค่อมของนาง ทำให้มิอาจยกรูปสลักหินขึ้นไปบนหลังได้

เฒ่าหม่าส่ายหน้าระอา “มาให้ข้าทำแทน ข้าจะช่วยแบกรูปปั้นให้!”

ผู้ชราอีกคนเดินกะเผลกมาใกล้ๆ แล้วกล่าว “เฒ่าหม่า เจ้าแบกรูปปั้นนั้นไม่ได้หรอกด้วยแขนด้วนข้างเดียวน่ะ ให้คนแขนครบอย่างข้าทำแทนดีกว่า”

เฒ่าหม่าถลึงตาจ้องอีกฝ่าย “เจ้ายังจะเดินไหวอีกหรือ ไอ้เป๋เอ๊ย แม้ข้าจะมีแขนเดียว แต่กำลังก็เหลือเฟือเว้ย”

ว่าแล้วก็กางขาย่อตัวยกรูปสลักอันหนักอึ้งนั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว “ยัยแก่ซี ไปกันได้แล้ว!”

“หุบปาก หยุดเรียกข้าว่ายัยแก่! เฒ่าเป๋ เฒ่าใบ้ ในเมื่อหมู่บ้านนี้ขาดรูปสลักหินไปหนึ่งตน พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย อย่าให้สิ่งร้ายในความมืดมาสัมผัสได้!”

ยามที่เฒ่าหม่าและท่านยายซีย่างเท้าออกจากหมู่บ้านพิการชรา สิ่งลี้ลับน่าพรั่นพรึงลอยล่องแหวกว่ายในความมืดรอบๆ ตัวพวกเขา หากแต่เมื่อรูปสลักศิลาเปล่งประกายแสงโชน พวกมันก็หวีดร้องเสียงประหลาดก่อนล่าถอยกลับไปสู่ความมืดมิด

หลังจากที่เสาะหาตามเสียงทารกร้องกว่าร้อยก้าวเดิน เฒ่าหม่าและท่านยายซีก็มาถึงริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ อันเป็นจุดกำเนิดเสียงทารก แสงจางของรูปสลักมิอาจส่องทางให้เห็นไกลพอ ทั้งคู่จึงต้องอาศัยโสตประสาทในการค้นหาที่มาที่แน่นอนของเสียง ย้อนไปทางต้นน้ำหลายสิบก้าวจึงค้นพบว่าเข้าใกล้จุดกำเนิดเสียงเต็มที แต่ในขณะเดียวกันแขนเดียวของเฒ่าหม่าก็ล้าแทบสุดกำลัง สายตาคมกล้าของท่านยายซีเสาะพบแสงเรืองเล็กๆ ส่องประกายอยู่ไกลๆ แสงเรืองหรี่ดังกล่าวส่องจากตะกร้าสานอันเกยติดกับริมฝั่งน้ำ ที่เดียวกับจุดกำเนิดเสียงร้องของเด็กทารก

“นั่นเด็กจริงๆ ด้วย!”

ท่านยายซีรุดเข้าไปหมายดึงตะกร้าขึ้นมา และต้องตระหนกเมื่อมิอาจดึงขึ้นมาได้ ภายใต้ตะกร้าคือสองมือขาวซีดที่บวมอืดจากการแช่น้ำ สองมือนั้นพยุงตะกร้าและทารกน้อยเหมือนพยายามดันให้ถึงฝั่ง

“วางใจเถอะ เด็กปลอดภัยแล้ว” ยายเฒ่ากล่าวอย่างอ่อนโยนแก่สตรีที่จมอยู่ใต้น้ำ

ราวกับว่าร่างไร้วิญญาณของสตรีนางนั้นสดับรู้คำรับรองของท่านยายซี มือของนางปล่อยจากตะกร้า นางจมหายไปกับความมืดเมื่อกระแสน้ำพัดพาร่างของนางไป

ท่านยายซียกตะกร้าขึ้น ภายในตะกร้าคือเด็กทารกที่ห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าอ้อม จี้หยกส่องแสงวาบวามวางอยู่บนผ้าอ้อมอีกที ประกายแสงของจี้หยกช่างเหมือนกับแสงเรืองของรูปสลักหิน เพียงแต่อ่อนล้าริบหรี่กว่าเท่านั้น จี้หยกนี้เองที่ช่วยปกปักษ์ทารกน้อยในตะกร้าจากสิ่งร้ายอันซุ่มซ่อนในความมืด

แสงที่โรยราของจี้หยกทำได้เพียงป้องกันภยันตรายแก่ทารกมิอาจช่วยเหลือสตรีนางนั้น

“เด็กผู้ชายนี่นา”

เมื่อกลับไปยังหมู่บ้านชราพิการ คนในหมู่บ้านทั้งหมดซึ่งล้วนแต่แก่เฒ่า อ่อนแรง ป่วย และพิการ ต่างมารวมตัวกัน ท่านยายซีลอกผ้าอ้อมออกเพื่อเพ่งพิศดูทารกให้ถนัดถนี่ เมื่อนั้นปากของนางอันแทบไม่เหลือฟันซี่ดีก็ฉีกเป็นรอยยิ้มแฉ่ง “ในที่สุด หมู่บ้านพิการชราของเราก็มีสมาชิกที่ครบสามสิบสอง!”

เฒ่าเป๋ ผู้ซึ่งเหลือขาเพียงข้างเดียวเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เจ้ากะจะเลี้ยงเขาจริงๆ น่ะหรือ ยัยแก่ซี? พวกเราดูแลตัวเองยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! ข้าว่าส่งเขาไปให้คนอื่นเลี้ยงดีกว่า…”

ท่านยายซีมีน้ำโหขึ้นมา “ข้า! ยายแก่คนนี้ ตกเด็กมาได้ด้วยกำลังของข้าเอง ทำไมจะต้องยกไปให้คนอื่น”

สมาชิกหมู่บ้านทั้งหมดหงอทันที และไม่กล้าขัดคอนางอีกต่อไป ในตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านถูกหามมาบนแคร่ สถานการณ์ของเขานั้นย่ำแย่กว่าผู้ชราอื่นๆ ด้วยว่าอย่างน้อยผู้ชราเหล่านั้นก็ยังแขนขาเหลืออยู่บ้าง ทว่าผู้ใหญ่บ้านไร้แขนปราศจากขาโดยสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างไรทุกคนในหมู่บ้านก็เคารพเขาเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ท่านยายซีผู้ดุร้ายก็มิกล้าล่วงเกิน

“ในเมื่อพวกเราตกลงว่าจะเลี้ยงเขา ตั้งชื่อให้เขาหน่อยดีไหม” นางเอ่ยถาม

ผู้ใหญ่บ้านกล่าวตอบไป “ยัยเฒ่า เจ้าเห็นสิ่งอื่นในตะกร้าอีกหรือไม่”

ท่านยายซีหันไปรื้อตะกร้าดูจนถ้วนถี่ แล้วสั่นศีรษะ “นอกจากจี้หยกนี้ ก็ไม่มีอะไรแล้ว มีคำว่า ‘ฉิน’ สลักอยู่บนจี้ เนื้อหยกทั้งไร้ราคีและมีพลังอำนาจพิสดาร นี่ต้องไม่ใช่สิ่งสามัญธรรมดาแน่…หรือว่าจะมาจากตระกูลใหญ่”

“ตั้งชื่อเขาว่าฉิน หรือให้แซ่ว่าฉินดีล่ะ”

ผู้ใหญ่บ้านใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบ “ให้เขาแซ่ฉิน นามมู่ เรียกฉินมู่ เมื่อเขาโตขึ้น สอนให้เขาเลี้ยงแกะเลี้ยงวัว นั่นน่าจะพอเลี้ยงชีพเขาได้”

“ฉินมู่” ท่านยายซีจ้องมองทารกแบเบาะผู้ซึ่งไม่เกรงกลัวนางแถมยังหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างไร้กังวล

เสียงขลุ่ยแว่วสะท้อนข้ามฝั่งน้ำ โคบาลหนุ่มน้อยนั่งอยู่บนหลังวัวเล่นท่วงทำนองพลิ้วไหวจากเลาขลุ่ย อายุของเด็กเลี้ยงวัวราวสิบเอ็ดถึงสิบสองปี เขามีเครื่องหน้าที่งามละเอียด มีริมฝีปากแดงเรื่อและฟันขาวสะอาด คอเสื้อของเขาที่เปิดออกครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นจี้หยกห้อยลงมากลางอก

เด็กผู้นี้ย่อมเป็นทารกที่ท่านยายซีเก็บได้จากริมฝั่งน้ำเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว ท่านยายซีอุตส่าห์ไปเสาะหาแม่วัวมาเพื่อว่ายามที่ฉินมู่ยังแบเบาะจะได้มีน้ำนมดื่มกิน ทว่าไม่มีใครรู้ว่าท่านยายซีไปได้แม่วัวมาจากไหน

แม้ว่าสมาชิกหมู่บ้านชราพิการล้วนแต่ดุร้ายทมิฬ แต่ทุกคนเมตตารักใคร่ฉินมู่เป็นอย่างยิ่ง ท่านยายซีเป็นช่างเย็บผ้า ฉินมู่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่เรียนวิธีเย็บปักจากท่านยายซี เรียนรู้วิธีแสวงหาและกลั่นสมุนไพรจากนักปรุงยา เรียนวิชาขาจากท่านปู่เป๋ เรียนวิธีฟังตำแหน่งเสียงจากท่านปู่บอด และเรียนวิธีหายใจอย่างถูกต้องจากผู้ใหญ่บ้านแขนขาด้วน เช่นนี้แล้ววันเวลาของเขาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วัวตัวนั้นเป็นแม่นมให้กับเขาตั้งแต่ตอนเป็นทารก คราแรกท่านยายซีกะว่าจะขายนางทิ้งไปเมื่อหมดประโยชน์ แต่ฉินมู่ไม่อยากให้ขาย งานเลี้ยงวัวจึงตกเป็นหน้าที่ของเขา

ฉินมู่มักจะพาวัวไปกินหญ้าตามริมฝั่งแม่น้ำ พลางชื่นชมขุนเขาเขียวและเมฆสีขาวอมฟ้า

“ฉินมู่! ฉินมู่ ช่วยข้าที!”

ทันใดนั้น แม่วัวที่ฉินมู่กำลังขี่อยู่ก็เริ่มต้นส่งเสียงพูด ทำให้เขาตระหนกจนกระโดดลงจากหลังของมัน ฉินมู่เห็นน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของแม่วัว นางกล่าวด้วยภาษามนุษย์ “ฉินมู่ เจ้าดื่มกินนมของข้ามาแต่เล็ก นับได้ว่าเป็นมารดาคนหนึ่งของเจ้า เจ้าต้องช่วยข้า”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน