บทที่ 317 ลอกใช้ซึ่งกันและกัน
สำนักงานใหญ่ขุนศึกกองทัพต่าน
“ผู้บัญชาการ ไอ้เจ้านั้นมันไม่รู้ต่ำที่สูงไปแล้ว เปิดสงครามเถอะ ผมจะคอยดูสิว่ากองทหารห้าหกพันนั่นของเขา จะอดทนได้นานแค่ไหน” หลังจากที่ถูกลู่เฉินตัดสาย อู๋เหว่ยโกรธมาก
พวกเขากองทัพต่านไม่แกรงกลัวต่อเนปิดอเลยด้วยซ้ำ ลู่เฉินกับฆ่าวิหารที่คนน้อยนิด กล้ามาโอ้อวดต่อหน้าเขา อยากตายสินะ
“ใจเย็น รออีกสองวัน มีคนช่วยเราฆ่าไอ้นั่นแน่นอน” เกอดานพูดอย่างมั่นใจ
“คนที่ท่านพูดคือตระกูลหลานคนจีนนั่นเหรอ พวกเขามันกองกำลังทหารแค่ไม่กี่ร้อยคน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่แข่งของฆ่าวิหารอยู่ดี” อู๋เหว่ยพูดอย่างอึ้ง เขารู้สึกตระกูลหลานต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้กล้าเยาะเย้ยกองกำลังทหารทามีหลายพันคน
“นี่นายดูถูกเขามากเกินไปแล้ว พวกเขาเป็นทหารธรรมดาซะที่ไหนกัน ทหารธรรมดาหลายสิบนายไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ อีกอย่าง ต่อให้พวกเขาแพ้ ยังไงก็คงทำเอาฆ่าวิหารบาดเจ็บไม่น้อยเลยหละ ถึงเวลานั้นเราค่อยลงมือ ประหยัดเวลากว่าไม่ใช่หรือไง” เกอดานยิ้ม
“ครับ แล้วพวกเขาเตรียมอาวุธไว้เท่าไหร่?” อู๋เหว่ยถาม
“เครื่องแบบทหารห้าร้อยชุด จะไม่พูดเลยก็ไม่ได้สินะว่าตระกูลหลานสุดยอดมาก ถึงกับมีนักรบจำนวนมากขนาดนี้ มันแข็งแกร่งกว่าทหารรับจ้างนานาชาติเหล่านั้นมาก” เกอดานพูดอย่างอิจฉา
“มันต้องแน่อยู่แล้ว เพราะนักศิลปินการต่อสู้จองจีนโด่งดังไปทั่วโลก หากสวมชุดเครื่องแบบทหาร รั่นมันไม่ใช่ทหารธรรมดาแล้ว” อู๋เหว่ยพยักหน้าพูด
“อืม เปิดศึกสงครามกับฆ่าวิหารในวันมะรืน ผมคิดว่าลู่เฉินนั่นต้องคิดว่าเราร่วมมือกับตระกูลหล่นแน่ๆ จึงเปิดศึกสงครามกับเราในวันมะรืน เขาคงจะนึกไม่ถึงเลยสินะ คืนพรุ่งนี้ ทหารห้ารอยนายของตระกูลหลานจะบุกข้ำปฆ่าฆ่าวิหาร” เกอดานหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์
พอได้ยินอู๋เหว่ยเองก็หัวเราะ : “ผู้บัญชาการนี่สุดยอดไปเลย”
“รบกันเนี่ย ใช้แต่กำลังมันไม่พอ บางครั้งต้องใช้สมองด้วย จะดีที่สุดถ้าคุณสามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องต่อสู้กัน เราต้องรู้เขารู้เรา ทำให้การสูญเสียลงต่ำลงที่สุด หรืออีกอย่างคือใช้กำลังคนให้ดป็นประโยชน์ ปกป้องตัวเอง นี่แหละคือวิถีการเอาตัวรอก” เกอดานพูด
“ครับ ผมรู้แล้วครับ” อู๋เหว่ยตอบ
“อืม ลงไปได้ พยายามตอบสนองความต้องการของตระกูลหลาน เวลานี้พวกเรามาขออาวุธยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะนั่นมันแสดงให้เห็นว่าพรุ่งนี้เขาจะฆ่าทหารฆ่าวิหารมากแค่ไหน” เกอดานกล่าว
“ครับ” อู๋เหว่ยพยักหน้า แล้วออกไป
เกอดานหยิบซิการ์ออกมาแล้วจุดไฟมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ความดูถูกก็ได้ปรากฏในดวงตาของเขา
“แค่ฆ่าวิหาร ก็กล้าที่จะมาท้าทายกู คิดว่าหลายปีมานี้กูเงียบครึ้มไปหรือไง”
……
“ท่านหญิง เกอดานรักษาคำพูดมาก เขาได้ส่งอาวุธและอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราต้องการมาให้เราแล้ว” คนแก่ในสวนโกกัง รีบรายงานกับหลี่ซิ่นเหลียน
“อืม ให้ทุกคนเตรียมตัวกัน วันนี้บุกฆ่าวิหาร ฆ่าพวกมันให้สิ้น” หลี่ซิ่นเหลียนพยักหน้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอาฆาต
หลังจากที่พวกเขามาถึงพม่า ไม่เคยคิดเลยว่าลู่เฉินจะเล่นขุนศึกที่นี่ ทำเอาเธอไปผิดทาง ดังนั้นจึงใช้เวลาเกือบสิบวันในการค้นหาว่าลู่เฉินและกองทัพเขา
พอเช่นนี้ พวกเธอก็ไม่กล้าที่จะลงมือก่อน สุดท้ายหลี่ซิ่นเหลียนได้ยื่นขอนักรบทั้งหมดที่มีให้เธอ
นายท่านของตระกูลรู้เรื่องที่ลู่เฉินอยู่ในพม่าแล้ว จึงได้ส่งนักรบเป็นจำวนวนห้าร้อยคนมาพม่าโดยไม่พูดไรเลย และพร้อมที่จะเปิดศึกสงครามกับลู่เฉิน
ลูกปัดวิเศษนั้นมันมีความสำคัญต่อตระกูลหลานมาก นั่นคือสมบัติที่นายท่านของตระกูลหลานใช้ทุกวิถีทางคืนมาได้
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่แกะลูกปัด แต่ในสายตาตระกูลหลานแล้ว เดาได้แล้วว่าในนั้นมันต้องมีอะไรซ้อนอยู่แน่นอน ความลับนั่นอาจจะเป็นทางสุดท้ายที่จะเปลี่ยนชีวิตตระกูลหลานได้
ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็จะต้องเอาลูกปัดนั้นกลับมาให้ได้
ส่วนเรื่องที่จะแก้แค้นให้กับหลานจั่ว
นั่นมันก็เรื่องของหลี่ซิ่นเหลียน คนตระกูลไม่คิดงั้น
เพราะหลานจั่วได้ทำเรื่องพลาด และคนตระกูลหลานอีกหลายๆคนเห็นด้วยกับการตาย
หากไม่ใช่ว่าหลานจั่วไม่มีประโยชน์อะไร ตระกูลหลานจะขนาดนี้มั้ย?
“ท่านหญิง กองทัพต่านมีน้ำใจขนาดนี้ ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” หลานหยู่เหินขมวดคิ้วพูด
“นายว่าพวกเรามีอะไร?” หลี่ซิ่นเหลียนมองหลานหยู่เหิน
“จากที่ผมรู้มา ลู่เฉินไม่เคยมีการบันทึกมาพม่าเลย เหตุผลที่เขามาพม่า ก็คงแน่นอนว่าต้องมาเพราะเรื่องการค้าขายของอัญมณีต่างๆ เพราะตอนเขาอยู่ในยวี่โจว ได้เอาหินเหล่านั้นผ่านไปได้ด้วยตระกูลจั่วและบ้านโจวในที่ราบภาคกลาง
วันนี้ผมได้สืบฟังดู ขุนศึกก่อนของโกกังชื่อกองทัพมังกรดำ ผู้ควบคุมการชื่อมังกรดำในมือเขามีเหมืองแร่หินธรรมชาติสามลูก
และเขาถูกลู่เฉินฆ่า ดังนั้นการที่ลู่เฉินฆ่าเขา มันก็อาจจะทำให้กองทัพต่านไม่พอใจ ไม่แน่กองทัพต่านก็อยากจะกำจัดฆ่าวิหาร และเราก็ปรากฏขึ้นมาพอดี พวกจึงอยากหลอกใช้เราให้เปิดศึกสงครามก่อน” หลานหยู่เหินแยกแยะ
คนเหล่าหลี่ซิ่นเหลียนตะลึงไปหมด เห็นด้วยกับสิ่งที่หลานหยู่เหินพูด
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อว่าคนเหล่ากองทัพต่านเกอดานจะรู้ว่าลูกปัดนั้นอยู่ในมือของลู่เฉิน แต่ไม่ว่าไรก็ตามต้องเผื่อไว้ก่อน
บางทีพวกเกอดานเกิดอยากได้ลูกปัดวิเศนั่นขึ้นมา เป็นไปได้มากพอพวกเขาคุมตัวลู่เฉินแล้ว หรือตอนที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผลนั้น เขาก็จะออกมาไล่ล่า
“พอพูดงี้ นายคิดว่าเราควรทำยังไง?” หลี่ซิ่นเหลียนมองหน้าหลานหยู่เหินแล้วถาม
“ผมว่าเราควรที่จะอดทนไม่เปิดศึกก่อน รอพวกเขาทั้งสองฝ่ายสู้กัน แล้วเราโผล่ออกไปกลางคันจับตัวลู่เฉิน แบบนี้ก็ได้จะลดการสูญเสียของทางฝ่ายเราน้อยลง
“แล้วถ้าเกิดพวกเขาไม่เปิดศึกสงครามกันหละ เราจะรองี้ต่อไปเรื่อยๆหรือไง?” คนวัยกลางคนถาม
หลานหยู่เหินเงียบ เขาเองก็อยากเร่งฆ่าลู่เฉินเพื่อแก้แค้นให้กับลูกสาวเขาเหมือนกัน แต่รอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็ไม่ใช่วิธี
“ประกาศสงครามแล้ว ประกาศสงครามแล้ว” ในขณะที่ทุกคนกำลังเงียบอยู่นั้น จู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งก็ถือโทรศัพท์มือถือและพูดอย่างตื่นเต้นขึ้นมา
“ประกาศสงครามอะไร?” หลี่ซิ่นเหลียนขมวดคิ้วถาม
“ท่าหญิง กองทัพต่านได้ประกาศสงครามกับฆ่าวิหาร หลานหยู่เหินเดาไม่ผิดจริงๆ พวกเขาจะไปทำสงครามในเช้าวันพรุ่งนี้ และหลอกให้เราจริงๆด้วย” ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์ให้หลี่ซิ่นเหลียน
หลี่ซิ่นเหลียนเปิดอ่านเนื้อหา นัยน์ตามีความอาฆาตแฝงอยู่
“กองทัพต่านชั่ว กล้ามาหลอกใช้ตระกูลหลาน งั้นก็ให้พวกเขาลิ้มรสความรู้สึกที่หลอกใช้แล้วกัน!”