บทที่ 362 ก่อตั้งมูลนิธิฟุตบอล
เวลาที่ลู่เฉินมาถึงสนามกีฬา พบว่ามีแค่เฉินจือหรานคนเดียวอยู่
“พ่อคุณล่ะ ยังไม่มาหรือ?”ลู่เฉินถาม
“คุณกลัวว่าฉันจะกินคุณลงไปหรือยัง?”เฉินจือหรานพูดอย่างล้อเล่น
ลู่เฉินไม่อยากพูดเล่นกับเฉินจือหราน จึงยักไหล่และพูดว่า”นั้นก็เข้าไปเถอะ การแข่งขันใกล้เริ่มแล้ว”
พอพูดเสร็จเขาก็เดินไปทางประตู เขาเดาว่า เฉินกวงซิงน่าจะเป็นเพียงข้ออ้างของเฉินจือหราน
“ไอ้โง่เอ๋ย”เฉินจือหรานมองไปดูเงาหลังของลู่เฉิน และขบเขี้ยวฟัน รู้สึกไม่ค่อยพอใจ เธอไม่เคยได้เห็นผู้ชายที่โง่ในเรื่องความรักแบบนี้เลย
เฉินจือหรานแอบกระแทกเท้า จากนั้นก็เดินตามขึ้นไป
บรรยากาศของห้องพิเศษดีอยู่ แต่เสียอยู่อย่างหนึ่งคือรู้สึกห่างไปไกลหน่อย คนที่สายตาไม่ดีคงมองนักกีฬาบนสนามไม่ชัดด้วย
ตอนนี้ทั้งสนามกีฬานั่งกันเต็มไปหมด มีประมาณหกหมื่นคน เสียงดังมาก
แต่การดูแข่งขันฟุตบอลก็ต้องมีความรู้สึกและบรรยากาศเช่นนี้ถึงจะโอเค
แม้ว่าความสามารถของทีมฟุตบอลประเทศจีนไม่ค่อยดีมากนัก แต่แฟนคลับก็เยอะอยู่นะ แต่เนื่องจากสนามนี้เล็กไปน้อย ไม่นั้นการแข่งขันระดับประเทศแบบนี้ แม้มีที่นั่งอีกหลายหมื่นที่ ก็ต้องนั่งเต็มเช่นกัน
นักกีฬาที่อบอุ่นร่างกายอยู่ต่างลงไปเตรียมตัว การแข่งขันก็เกือบจะเริ่มแล้ว
ไม่นาน การแข่งขันก็เกือบจะเริ่มต้น ลู่เฉินดูการแข่งขันไปด้วยพร้อมคุยกับเฉินจือหรานไปด้วย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าการแข่งขันรอบนี้ ทีมประเทศไม่ได้เข้าสักลูก แต่ทีมเกาหลีกลับเข้าสามลูก นี่ทำให้แฟนคลับของทีมประเทศจีนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ถ้าพูดตามตรง ลู่เฉินก็ดูอย่างหดหู่มาก
โดยเฉพาะถึงตอนสุดท้าย ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนคลับฟุตบอลทีมประเทศจีน นักกีฬาของเกาหลียังชูนิ้วก้อยใส่อัฒจรรย์ นี่เป็นการอัปยศอดสูที่มีต่อแฟนคลับฟุตบอลทีมประเทศจีน
“โธ่ ไม่ทราบว่าต้องถึงเมื่อไหร่ ฟุตบอลของทีมชาติเราถึงจะดีขึ้น”ก่อนที่จะออกจากสนามกีฬา เฉินจือหรานทอดถอนใจออกมา
“ไม่นานหรอก ภายในสิบปีจะดีขึ้นแน่นอน”ลู่เฉินพูดอย่างแน่วแน่
“คุณคิดจะลงทุนสนับสนุนกีฬาฟุตบอลหรือ?”สายตาของเฉินจือหรานเปล่งประกายออกมา และถาม
“ฉันมีความคิดนี้อยู่”ลู่เฉินพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าฟุตบอลของชาติล้าหลังขนาดนี้ เขารู้สึกว่าถึงเวลาที่เขาควรจะออกมาทำอะไรแล้ว
พฤติกรรมของนักฟุตบอลเกาหลีหลายคนนั้นในเมื่อกี้นี้ ยิ่งทำให้เขามีความคิดที่อยากจะลงทุนให้ฟุตบอลของชาติเจริญยิ่งขึ้น
“คุณคิดจะซื้อทีมฟุตบอลมาหนึ่งทีม หรือว่า?”เฉินจือหรานถามอย่างแปลกใจ
ลู่เฉินไม่ได้ตอบ เขากำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่
“เอ๊ะ เจ้าของทีมซือเวยของเมืองยวี่โจวก็ได้เข้าร่วมสมาคมด้วย ปีนี้คะแนนของทีมซือเวยแย่มาก ได้ตกระดับลงมาแล้วด้วย ฉันได้ข่าวว่าพวกเขาอยากจะขายทีมฟุตบอลออกมา”เฉินจือหรานพูด
เธอเป็นแฟนคลับฟุตบอลที่จริงจังมาก แม้ว่าความสามารถของทีมซือเวยแย่มาก แต่การแข่งขันทุกรอบเธอล้วนไปดูแล้ว
“คุณไปแจ้งให้ทุกคนทราบ เข้าวันพรุ่งนี้จะประชุมกัน”ลู่เฉินพูดกับเฉินจือหราน
“โอเค”แม้ว่าเฉินจือหรานยังไม่รู้ว่าลู่เฉินมีแผนอะไร แต่เธอเดาว่าการประชุมพรุ่งนี้ อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับฟุตบอลนี่แหละ
ทุกคนล้วนรู้ว่าฟุตบอลของประเทศจีนพัฒนาขึ้นไม่ได้ เป็นเพราะเหตุใด
ไม่ใช่ว่าคนจีนไม่ชอบฟุตบอล เป็นเพราะไม่มีอุปกรณ์ฝึกที่ทันสมัย
แถมในสายตาของพ่อแม่ส่วนใหญ่ ลุกๆจะต้องเรียนอย่างเดียว ถ้าทำสิ่งอื่นล้วนเป็นการเสียเวลา จึงส่งผลให้ไม่มีนักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่มีฝีมือสุดยอดปรากฏออกมา
แน่นอนว่า สาเหตุที่สำคัญที่สุดยังเป็นเรื่องของโครงสร้าง
วันรุ่งขึ้น ลู่เฉินมาถึงที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม สมาชิกล้วนมองมาที่ลู่เฉินด้วยความแปลกใจ ไม่ทราบว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงแจ้งให้ทุกคนมาประชุมกัน
โครงการต่อไปของเทคโนโลยีอี้ฉียังต้องรออีกสองเดือนถึงจะเปิดตัว หรือว่ารัฐบาลมีโครงการสำคัญอะไรจะเปิดตัวหรือ?
ทุกคนคิดอยู่ในใจแบบนี้ ล้วนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
โครงการที่สามารถเข้าตาลู่เฉินได้ ต้องเป็นโครงการใหญ่แน่นอน
ขณะที่ทุกคนต่างเดาอยู่ในใจ ลู่เฉินก็ต้องพูดจุดประสงค์ของเขาออกมา
“ทุกท่าน ฉันอยากจะก่อตั้งมูลนิธิฟุตบอลเพื่อส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลของประเทศ เมื่อคืนฉันได้คำนวณงบประมาณไป คงต้องใช้เงินทุนหลักร้อยล้านถึงจะสามารถหมุนเวียนได้ ฉันก่อสร้างมูลนิธินี้ไม่ใช่เพื่ออยากจะหากำไร แค่อยากจะให้กีฬาฟุตบอลของประเทศเจริญขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรื่องที่สมาคมฟุตบอลทำไม่ได้นั้น ฉันจะมาทำเอง”ลู่เฉินพูดตรงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ทุกคนล้วนเงียบขรึมลงทันที
ความหมายของลู่เฉินพวกเขาล้วนเข้าใจ ก็คือการลงทุน แต่เป็นการลงทุนที่ไม่มีผลตอบแทน
นี่ก็เท่ากับว่าเป็นเงินกุศล
“ฉันบริจาค3000ล้านก่อน พวกคุณจะบริจาคเท่าไหร่ล้วนอยู่ที่การสมัครใจ แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกของสมาคม แม้ว่าบริจาคเพียงหนึ่งบาทก็ต้องบริจาค ถ้ามีคนไม่บริจาค ก็จะถูกไล่ออกจากสมาคม”ลู่เฉินพูดต่อ
เขารู้ว่าเพียงพึ่งพาสมาคม ยังไม่สามารถถึงหลักหมื่นล้านได้ แถมถ้าอยากจะพัฒนาฟุตบอลของประเทศจีน แค่10,000ล้านยังไม่พอหรอก
แต่ระยะแรกมี10,000ล้านนี้อยู่ในมือ ก็จะสามารถสร้างสถานที่ฝึกฟุตบอลในเมืองหลายเมืองได้แล้ว
และเขาก็เชื่อว่า พอมูลนิธินี้ก่อตั้งขึ้นมา ก็ต้องมีคนจำนวนมากมาบริจาคด้วย
เพราะยังมีคนจำนวนมากอยากจะเห็นกีฬาฟุตบอลของประเทศตัวเองพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในฐานะที่เป็นกีฬาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ฟุตบอลได้เผยแพร่ไปทั่วโลก คงไม่มีใครไม่อยากให้กีฬาฟุตบอลของประเทศตัวเองเจริญรุ่งเรืองหรอก
“ตระกูลเฉินของเราบริจาค1,000ล้าน”ในฐานะที่เป็นรองประธาน เฉินกวงซิงก็ออกมาเสนอความคิดเห็นเป็นคนที่สอง
ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลเฉินได้กำไรมากมายจากการร่วมมือกันกับเทคโนโลยีอี้ฉี 1,000ล้านสำหรับพวกเขา แม้ว่าจะมากไปหน่อย แต่เฉินกวงซิงไปคนที่ชอบกิจกรรมการกุศลเช่นนี้ที่สามารถเพิ่มชื่อเสียงให้แก่ตัวเองได้ ดังนั้นในที่สุดก็ได้นำเงิน1,000ล้านออกมา
แน่นอนว่า เขากล้าบริจาค1,000ล้าน อันดับแรกคือสนับสนุนลู่เฉิน ให้สมาชิกทุกคนรู้ว่าตระกูลเฉินจะเดินตามรอยเท้าของลู่เฉิน
อันดับสองคือ เขาเชื่อว่าการที่เขาช่วยเหลือลู่เฉิน ลู่เฉินก็จะไม่ทอดทิ้งตระกูลเฉินของเขาแน่นอน
อันดับสามคือ ในใจของเฉินกวงซิงเอง ก็หวังว่าฟุตบอลประเทศจีนจะสามารถเจริญขึ้นมาได้
“ฉันก็บริจาค1000ล้าน”หลี่ชิงเฉิงออกมาประกาศตัวเป็นคนที่สาม
เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงเฉิงบริจาคมากขนาดนี้ ทุกคนล้วนรู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าช่วงเวลานี้ตระกูลหลี่ได้เซ็นสัญญาโครงการหนึ่งใหญ่กับเทคโนโลยีอี้ฉี แต่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วตระกูลหลี่ก็ประสบกับวิกฤตไปมากมาย ช่วงหลายปีนี้ถึงจะฟื้นคืนมาได้บ้าง
การที่หลี่ชิงเฉิงสามารถนำเงินมากขนาดนี้มาบริจาคให้มูลนิธิ นั่นหมายความว่าความสามารถของตระกูลหลี่ยังแข็งแกร่งอยู่ ได้เติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แล้ว
ต่อมาสมาชิกต่างบริจาคกัน บริษัทหลายแหล่งล้วนบริจาค100ล้าน ที่เหลือก็บริจาคระหว่างหนึ่งล้านถึงหลักสิบล้าน
ถ้าอยากจะทำธุรกิจร่วมกับเทคโนโลยีอี้ฉี ก็ต้องยินดีจ่ายก่อน
วันนี้พวกเขาเจริญหน้าให้ลู่เฉิน เดินติดตามรอยเท้าของลู่เฉิน วันต่อมา ลู่เฉินจะต้องมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้พวกเขาแน่นอน
นี่เป็นความคิดในใจของสมาชิกส่วนใหญ่
ถ้าพูดมาตามตรง โครงการใหญ่โครงการหนึ่ง จะถูกจับอยู่ในมือของบริษัทใหญ่เพียงไม่กี่บริษัท แต่พวกเขาแบ่งบันงานออกมา บริษัทเล็กๆพวกนี้ก็จะสามารถได้กำไรหน่อยนึง
อย่างน้อยก็ดีกว่าที่ไม่ได้อะไรเลย