บทที่ 486 การตัดสินใจของลู่เฉิน
“ไม่ปิดบังทุกท่านเลย ก่อนนี้ตอนที่ผมค้นพบพื้นที่รกร้างนี่ ยังนึกว่ามันเป็นโลกใบหนึ่ง พวกเรายังตั้งชื่อให้กับมันว่า The lost star
แต่ตอนพวกเราส่งดาวเทียมประดิษฐ์ไปสำรวจมันในระยะใกล้แล้ว ถึงพบว่าพวกเราพลาดแล้ว
จากรูปร่างด้านนอกของมัน ที่แท้กลับมีชั้นบรรยากาศใหญ่มากชั้นหนึ่งที่เป็นดั่งภาพลวงตา ทำให้พวกเราเข้าใจผิดว่ามันเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเรือรบอวกาศลำนี้ได้จัดวางการป้องกันระดับนี้ไว้ให้มัน
สำหรับคำถามของทุกท่าน อีกไม่นานจะสามารถได้รับข้อชี้แจง
ถ้าอย่างนั้นพวกเราได้เตรียมการเข้าสำรวจเรือรบต่างดาวนี้ ทุกท่านยังมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆหรือไม่
แน่นอนว่า ในตอนที่เข้าไปสำรวจในเรือรบต่างดาวอย่างเป็นทางการ ทางเราจะจัดการเก็บชิ้นส่วนของมันมาวิเคราะห์ให้แน่ชัดซะก่อน
ถ้าเกิดอันตรายใดๆขึ้น หวังว่ายานอวกาศซี-หวั้งจะรีบออกมาทันที” ลู่เฉินอธิบายต่อไป
ทุกคนพากันส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร
ลู่เฉินพูดอีกว่า: “ผมจะบอกทุกท่านตามความจริงว่า ตอนพวกเราไปสำรวจที่พร็อกซิมาคนครึ่งม้าb ก็มีอันตรายนับไม่ถ้วนเหมือนกัน
วิเคราะห์จากข้อมูลการสำรวจของพวกเราตอนนี้แล้ว พร็อกซิมาคนครึ่งม้า bเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งจริงๆ
ถ้าอย่างนั้นในเมื่อมันเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง บ่งบอกชัดว่าที่จริงแล้วเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีอารยธรรมต่างดาวอีก
ผมพูดได้อย่างไม่โอเวอร์เลยว่า ขอเพียงระดับอารยธรรมของดาวเคราะห์ดวงอื่นสูงถึงระดับมาตรฐานของเรา ก็จะสามารถทำลายยานอวกาศซี-หวั้งของเราลงได้แน่
ดังนั้นหากพวกเราอยากใช้ชีวิตอยู่ในกาแล็คซี่ให้นานเท่าไหร่ ก็จำต้องไม่หยุดพัฒนาฝีมือตัวเองไปด้วย
ดังนั้นหากปัจจัยอันตรายไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ใหญ่มาก ผมเองยังตัดสินขึ้นไปสำรวจดูเรือรบต่าวดาวลำนี้อย่างเป็นทางการแล้ว
เอาล่ะ ทุกท่านยังมีคำถามอีกไหมครับ? หากไม่มี ก็จบการประชุมแต่เพียงเท่านี้ครับ”
สายตาลู่เฉินมองไปที่ทุกคนอย่างมั่นคง
คำพูดของเขาบ่งบอกท่าทีของเขาแล้ว
การท่องอวกาศของยานอวกาศซี-หวั้งในกาแล็คซี่ ถ้าไม่มีฝีมือจริง ต้องอันตรายมากเป็นแน่
ดังนั้นเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสในการเสริมฝีมือครั้งนี้แน่
พอเห็นทุกคนยังคงไม่พูดอะไร ลู่เฉินยืนขึ้นพูดว่า: “งั้นก็จบการประชุมแค่นี้”
เขาพูดก่อนเดินออกไปเลย
เขายังต้องรีบไปที่ห้องมอนิเตอร์ เพราะที่นั่นอาจจะมีสถานการณ์ใหม่อัพเดทขึ้นได้ทุกเมื่อ
ติงต้าเฉิงวิ่งตามลู่เฉินมาพลางว่า: “ผมรู้สึกว่าหลายคนยังคงเป็นกังวลมากอยู่นา”
“แน่นอนล่ะ ผมเองก็กังวล เรือรบต่างดาวลำนั้นแค่เห็นเทคโนโลยีก็ล้ำหน้าไปไกลกว่าเรามากโขแล้ว เกิดบนนั้นมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง พวกเราโผล่พราดเข้าไปในเรือรบของพวกเขา พวกเขาต้องฆ่าพวกเราแน่” ลู่เฉินพยักหน้าพลางพูด
“แต่ว่า นายเองก็รู้ ในกาแล็คซี่นี้ มนุษย์อย่างเราตัวเล็กมาก
ก่อนนี้ที่ยังไม่ได้ค้นพบเรือรบต่างดาวนี้ ผมยังไม่กดดันเท่าไหร่ บางครั้งผมก็ยังคิดว่า ในกาแล็คซี่นี่นอกจากมนุษย์อย่างพวกเราแล้ว จะมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงไหม?
แต่วันนี้ความจริงก็เห็นอยู่ตรงหน้า ในกาแล็คซี่ไม่เพียงมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง แถมอารยธรรมยังล้ำหน้ากว่ามนุษย์เรามากนักด้วย
ดังนั้นพวกเราทำได้แค่พัฒนาตัวเองไม่หยุด ถึงมีสิทธิ์มีชีวิตอยู่ต่อไป”
ติงต้าเฉิงพยักหน้าพูด: “ใช่ ผมก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน มนุษย์เราน่ะถ้าอยากจะสืบพันธุ์ต่อไป ต้องพัฒนาตัวเองไม่หยุด ต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่า”
ลู่เฉินพยักหน้า “เรื่องไม่เสี่ยงน่ะมีหรอ? ให้เวลาพวกเขาสักหน่อยละกัน
ผมอนุญาตให้พวกคุณใช้ทรัพยากร กำลังคน วัสดุอะไรได้หมด ห้องวิจัยทั้งหมดเปิดใช้ได้หมด อุปกรณ์ของยานอวกาศซี-หวั้งใช้ได้ทั้งหมด ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลืองพลังงาน ยานอวกาศซี-หวั้งน่ะอย่างอื่นไม่มาก แต่พลังงานมีเหลือเฟิอให้พวกคุณใช้แน่
พยายามตรวจสภาพของเรือรบต่างดาวให้สมบูรณ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องแน่ใจว่าข้างในมีมนุษย์ต่างดาวอยู่ไหม ถ้ามีอยู่ พวกเขามีฝีมือรบแค่ไหน จุดนี้สำคัญที่สุด”
“ครับ” ติงต้าเฉิงพยักหน้าหนักแน่น
เอาล่ะ ไปเถอะ จำไว้ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของมนุษย์เรา!”
ใช่ เรื่องมันเกี่ยวพันกับอนาคตของมนุษย์…
แผนการสำรวจเรือรบต่างดาวครั้งนี้ต้องนำการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดิมมาสู่มนุษย์แน่นอน
บางทีพวกเขาอาจโดนอารยธรรมต่างถิ่นทำลาย
หรือไม่ พวกเขาอาจจะได้รับเทคโนโลยีต่างดาวสุดล้ำ ทำให้เทคโนโลยีมนุษย์ได้รับการอัพเกรดระดับใหญ่ในเวลาอันสั้น
ลู่เฉินกลับไปที่ห้องมอนิเตอร์ และเริ่มสำรวจทั่วทั้งเรือรบต่างดาวผ่านทางดาวเทียมประดิษฐ์ที่ส่งเข้าไปก่อนแล้วอีกครั้ง
นี่เป็นเรือรบกาแล็คซี่ลำหนึ่งที่ใหญ่โตอลังการอะไรขนาดนี้!
นี่เป็นดาวประดิษฐ์ขนาดใหญ่รูปวงรีดวงหนึ่ง
ใช่ มันไม่ใช่เรือรบต่างดาวอีกแล้ว แต่เป็นดาวดวงหนึ่ง!
ถ้าเอาส่วนอื่นที่หักพังเข้าไปด้วย มันจะกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่พอๆกับโลกเลยทีเดียว
ต่อให้เป็นดาวขนาดใหญ่ที่ศูนย์กลางใช้เป็นเรือหลัก เส้นผ่าศูนย์กลางที่ยาวที่สุดก็ราวสี่พันกิโลโดยประมาณ ปรากฏรูปลักษณ์วงรีออกมา
และโดยรอบ ก็เป็นเรือรบรูปทรงรีขนาดลำเท่ายานอวกาศซี-หวั้ง อย่างน้อยมีเป็นพันๆหมื่นๆลำเลยด้วย
กลุ่มเรือรบต่างดาวแบบนี้ มันดูยิ่งใหญ่จนยากที่จะนึกคิดได้ โดยเฉพาะตัวเรือรบหลัก ดูแค่ลำนี้ก็เพียงพอให้มนุษย์กดดันได้แล้ว…
นี่เป็นเทคโนโลยีระดับที่ในตอนนี้มนุษย์ไม่สามารถคิดถึงได้ ระดับสูงสุดของเทคโนโลยี!
ที่น่าตกใจสุดคือ มันมาถึงรอบนอกของระบบสุริยะแล้ว แค่ผ่านเข้าไปหลายร้อยล้านกิโลเมตร ก็จะสามารถเข้าไปในเขตระบบสุริยะแล้ว
แถมด้วยระดับเทคโนโลยีของมัน ระยะห่างหลายร้อยล้านกิโลเมตรนี่ น่าจะพอๆกับเดินเล่นน่ะแหละ
เห็นได้เลยว่า เป้าหมายของมันในตอนนั้นคือโลกที่อยู่ในระบบสุริยะ
ถ้างั้นทำไมจู่ๆมันก็หยุดลงล่ะ?
ทำไมมากลายเป็นเศษซากอยู่ในห้วงอวกาศที่ห่างจากระบบสุริยะแค่หลายร้อยล้านกิโลเมตรนี่ล่ะ?
ขัดแย้งภายใน?
เทคโนโลยีล่ม?
หรือว่าการโจมตีจากอารยอื่นที่ระดับสูงกว่า?
ลู่เฉินคิดถึงตรงนี้ ไม่รู้ทำไมมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจ
เขาเองก็พูดไม่ถูกว่าทำไม แต่ ณ วินาทีนี้เขามีความคิดน่ากลัวขึ้นมาอย่างหนึ่ง
ใช่ เขาเกิดความคิดที่ทำให้ขนหัวลุกขึ้นมา
นั่นก็คือ:
มนุษยชาติหรือทั้งระบบสุริยะเป็นแหล่งเนรเทศของอารยขั้นสูงอื่นๆ
หรือแม้แต่…
แหล่งเพาะพันธุ์!
“หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดนะ ไม่งั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ลู่เฉินพึมพำ
เขาเก็บความคิดกลับมา สายตาจ้องไปที่ภาพบูรณะจำลองในจอภาพ ในใจยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่า ซากเรือรบต่างดาวลำนี้มีความสำคัญต่อมนุษยชาติอย่างมากจริงๆ
ต้องเอามันมาให้ได้!
นี่อาจจะเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญที่สุดของมนุษยชาติหลังจากเข้าสู้กาแล็คซี่ก็ได้
ซากเรือราบกาแล็คซี่ต่างดาวกลุ่มนี้เบื้องหน้า ระดับเทคโนโลยีของพวกมัน…ไม่มีทางล้ำหน้ามนุษย์ไปหลายหมื่นปีหรือหลายพันปีขึ้นไปแน่ อย่างมากก็น่าจะหลายร้อยปีเกือบพันปีมากกว่า
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ มีหนทางเป็นไปได้อย่างมากที่จะแสดงให้เห็นเทคนิคแบบก้าวกระโดดของระดับเทคโนโลยีมนุษยชาติในตอนนี้
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง กลุ่มเรือรบต่างดาวนี้ วัสดุอุปกรณ์ของพวกมัน เอาแค่ความเป็นไปได้นี้ก็สามารถส่งผลให้เทคโนโลยีงานฝีมือโลหะในปัจจุบันของมนุษยชาติได้ก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพ
จากนั้นอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร ดาวเทียมนำทาง อุปกรณ์สำรวจและตรวจสอบอวกาศต่างๆ หรือแท้แต่อาวุธสงคราม…
ของพวกนี้อาจจะถูกมนุษย์ดูดซับไป ต่อให้ไม่สามารถคสบคุมได้ในสิบปี แต่การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่สุดน่าจะทำได้นะ?
จากนั้นวิเคราะห์สะสมไปทุกปี จนสามารถเข้าใจและเชี่ยวชาญเทคโนโลยีทั้งหมดจนได้!