บทที่ 496 เปิดสงคราม!
หลังจากที่ลักษณะต่างๆของชนเผ่าคนแคระบนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBถูกนำออกอากาศทางโทรทัศน์ แทบทุกคนต่างก็พูดถึงชนเผ่าคนแคระ
แม้มนุษย์จะออกจากโลกมาแปดปีแล้ว แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมนุษย์ต่างดาว ทุกคนจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“คนแคระ สิ่งมีชีวิตที่ใช้คาร์บอน โครงสร้างร่างกายคล้ายกับมนุษย์ พละกำลังอ่อนแอกว่ามนุษย์ และเทคโนโลยีของพวกเขาก็ยังคงล้าหลังมนุษย์”
“เพราะฉะนั้น นี่ก็คือมนุษย์ย่อส่วน!”
“ใช่แล้ว นี่ก็เท่ากับว่าผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย!”
“เพราะฉะนั้นสงครามครั้งนี้พวกเราจะต้องเอาชนะพวกเขาได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากดูเผ่าคนแคระที่อยู่ในโทรทัศน์ ผู้คนต่างก็ถกเถียงกันขึ้นมา
มีคนเลือกที่จะเข้าร่วมในกองหนุนมากขึ้น
ทุกคนล้วนอยากเป็นฮีโร่ ล้วนอยากเป็นบุคคลสร้างชาติ
อีกด้านหนึ่ง ทหารกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงครามอย่างแข็งขัน ลู่เฉินและสถาบันวิทยาศาสตร์ก็กำลังรอการตอบสนองจากชนเผ่าคนแคระ
คลื่นสัญญาณที่พวกเขาส่งไปนั้นใช้ช่องความถี่ของชนเผ่าคนแคระและใช้ภาษาของชนเผ่าคนแคระ
ดังนั้นจึงไม่มีใครสงสัยว่าชนเผ่าคนแคระจะอ่านไม่เข้าใจ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตอบกลับมาเป็นเวลานาน แน่นอนว่ากำลังปรึกษาหารือกันอยู่
นี่คือปัญหาระดับชาติที่ยังไม่ถูกลบออก
เนื่องจากการตัดสินใจครั้งสำคัญเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าบางประเทศจะสามารถตัดสินใจได้
จะต้องพิจารณาจากการหารือระหว่างประเทศมหาอำนาจต่างๆ
นี่ก็เป็นเช่นเดียวกับโลกเมื่อก่อนหน้านี้
ดังนั้นลู่เฉินและคนอื่นๆจึงไม่รีบร้อนเพื่อที่จะได้มีเวลาสังเกตพวกเขามากขึ้น
ขณะนี้มีโดรนสิบกว่าตัวเข้าสู่ชั้นบรรยากาศร็อกซิมาคนครึ่งม้าB
เรดาร์ของอารยธรรมระดับหนึ่งไม่สามารถตรวจจับเทคโนโลยีการลักลอบของอารยธรรมระดับสองได้เลย
แม้ว่าโดรนเหล่านี้จะแทรกซึมได้ในระยะ 10,000 เมตรเหนือพื้นดิน แต่ความเป็นไปได้ในการตรวจจับก็มีน้อยมาก
ในเวลานี้พวกเขายิ่งได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าคนแคระมากขึ้นและละเอียดยิ่งขึ้น
……
แม้สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBจะเป็นคนแคระเผ่าหนึ่ง แต่พวกเขากลับมีมากกว่า 100 ประเทศซึ่งคล้ายกับโลก
ห้าประเทศที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาแบ่งออกเป็นประเทศต้าสุ้นแห่งทวีปลม ประเทศต้าหลีแห่งทวีปไฟ ประเทศเล๋ยเสินแห่งทวีปฟ้าร้อง ประเทศหลังช่าแห่งทวีปไฟฟ้า และรวมไปถึงประเทศซื่อไห่แห่งทวีปฝน
ประเทศเล็กๆอีกร้อยกว่าประเทศตั้งอยู่ในส่วนอื่นๆของห้าประเทศใหญ่
ทวีปลมคือโซน A ซึ่งลู่เฉินแบ่งไว้ก่อนหน้านี้
ทวีปไฟอยู่โซน B
ทวีปฟ้าร้องอยู่โซน C
ทวีปไฟฟ้าอยู่โซน D
ทวีปฝนอยู่โซน E
ในเวลานี้ผู้นำของทุกประเทศในพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBกำลังหารือเกี่ยวกับสิ่งที่กำหนดชะตากรรมของพวกเขาในวังโห่เสินแห่งทวีปไฟ
นั่นคือเนื้อหาของสัญญาณที่ลู่เฉินให้ติงต้าเฉิงส่งมา
“พวกเขาสามารถถอดรหัสภาษาของเราได้ในเวลาอันสั้นและยังส่งข้อความถึงเราในภาษาของเรา ซึ่งบ่งบอกได้ว่าอารยธรรมทางเทคโนโลยีของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเรา” ผู้นำคนแคระกล่าว
“คุณจะไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ พวกเขาสามารถสร้างยานอวกาศลำใหญ่มหึมาและยังสามารถพายานอวกาศลำใหญ่ลงจอดดาวแม่ของเราได้ อย่างน้อยๆพวกเขาก็มีเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่นอยู่ในมือ เทคโนโลยีของพวกเขาจะต้องล้ำหน้าเราไปไกลแน่ๆ” ผู้นำคนแคระอีกคนกล่าว
“ตรงประเด็นหน่อยสิ! ใครจะไม่รู้ว่าเทคโนโลยีของพวกเขาก้าวหน้ากว่าพวกเรา?”
Robistineประธานาธิบดีประเทศหลังช่าตบโต๊ะและต่อว่าเสียงดัง
Robistineเป็นคนใจร้อนและเสียงดัง เขายังเป็นประธานาธิบดีของหนึ่งในห้าประเทศมหาอำนาจ ประธานาธิบดีของประเทศเล็กๆเหล่านี้จึงกลัวเขาเล็กน้อยและเงียบลงทันที
“เราแค่อยากรู้ว่าพวกเขาแค่ต้องการหยิบยืมพลังงานเล็กๆน้อยๆแล้วจากนั้นก็จากเราไปจริงๆน่ะหรือ?”
“ถ้าพวกเขาคิดไม่ซื่อ พวกเราจะรับมืออย่างไร?”
“พวกเราจะรับมือได้หรือไม่?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นกับฉันอีก!”
ทันทีที่คำถามมากมายจากประธานาธิบดีRobistineถามออกไป ทันใดนั้นการสนทนาในห้องโถงก็เริ่มขึ้น
“ผมคิดว่าพวกเขามีใจคิดไม่ซื่อแน่ๆ ไม่มีพลังงานและยังอยากจะยืมพลังงานเล็กๆน้อยๆไปใช้ มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”
“พวกเขาจะต้องมีใจคิดเป็นอื่นแน่นอน ผมสงสัยว่าพวกเขาแค่ต้องการตรวจสอบสถานการณ์ดาวBของเรา จากนั้นก็ส่งข้อมูลเกี่ยวกับดาวBส่งไปยังดาวแม่ของพวกเขา และให้กองทัพในดาวแม่ของพวกเขามารุกรานดาวB”
คนส่วนใหญ่ต่างก็เห็นด้วยกับมุมมองนี้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะยังมีคนจำนวนน้อยที่เชื่อในคำพูดของมนุษย์ แต่คนส่วนน้อยก็ต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่ และในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธไม่ให้มนุษย์เข้ามาในดาวของพวกเขา
“ถ้าพวกเขาเปิดสงครามกับเราล่ะ?” มีคนใครบางคนถามขึ้นมา
ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้ดีว่าเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก หลายคนจึงกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้
“พวกเขาเป็นแค่ยานอวกาศ พวกเรามีขีปนาวุธมากกว่า 100,000 ลูก หากพวกเขากล้าลงมาก็ยิงพวกเขาให้พรุน!”Robistineพูดด้วยความมั่นใจ
ประธานาธิบดีของอีกสี่ประเทศมหาอำนาจก็พยักหน้าตาม
พวกเขายังคิดว่าไม่ว่ามนุษย์จะมีเทคโนโลยีสูงส่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับพวกเขาทั้งดาวด้วยยานอวกาศเพียงลำเดียว
ตราบใดที่ไม่ยอมให้พวกเขาลงมา คนแคระดาวBอย่างพวกเขาก็จะใช้โอกาสนี้ระเบิดยานอวกาศ
หลังจากเหล่าผู้นำห้าประเทศมหาอำนาจแสดงความคิดเห็น เรื่องดังกล่าวก็ได้รับการลงมติ
สองวันต่อมา ในที่สุดยานอวกาศซี-หวั้งก็ได้รับข้อความจากเหล่าคนแคระ
ลู่เฉินหัวเราะเมื่อรู้ว่าพวกคนแคระปฏิเสธที่จะให้พวกเขาเข้าสู่พร็อกซิมาคนครึ่งม้าB ทั้งยังขอให้มนุษย์ออกไปโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นพวกเขาจะเปิดสงคราม
เขาลงคำสั่งไปที่ตู้เฟยโดยตรงเพื่อเปิดสงคราม
ในคืนนั้นทหารได้ส่งเครื่องบินรบอวกาศรุ่น 001 หลายร้อยลำไปยังพร็อกซิมาคนครึ่งม้าB
เครื่องบินรบแต่ละลำบรรทุกขีปนาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเดิมสิบลูกพร้อมกับปืนใหญ่เก๊าส์อีกสองกระบอก เมื่อพวกเขาเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBที่อยู่ห่างออกไป 5 กิโลเมตร เทคโนโลยีล่องหนแบบสัมบูรณ์ของพวกเขาก็ทำให้เรดาร์บนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBไม่สามารถตรวจจับได้
จุดประสงของลู่เฉินคือครอบครองพร็อกซิมาคนครึ่งม้าB เขาจึงไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการทำลายล้าง
อย่างไรก็ตามปืนใหญ่เก๊าส์ก็มีมูลค่าสูงเกินไป ลู่เฉินจึงไม่อยากสิ้นเปลือง
ในการทำสงครามครั้งนี้ลู่เฉินแค่อยากจะสั่งสอนพวกคนแคระก่อน เพื่อให้พวกเขารู้จักกลัวและรู้สึกถึงความหวาดกลัว
สงครามแห่งการรุกรานทั้งหมดในพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBมีความยากกว่าปกติ สนามรบที่ตัดสินชี้ขาดชัยชนะขั้นสุดท้ายจะต้องอยู่เหนือพื้นดิน
เครื่องบินรบอวกาศรุ่น 001 มีรูปลักษณ์คล้ายจานบิน แต่มีขนาดเล็กกว่าเครื่องบินรบรุ่น 6 และมีความสามารถในการรบที่แข็งแกร่งกว่า
ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความคล่องตัว ความทนทาน หรือการพลิกแพลงล้วนบดขยี้เครื่องบินรบรุ่น 6 ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
และก่อนที่เครื่องบินรบอวกาศของเขาถูกเรดาร์ชนเผ่าคนแคระค้นพบ พวกเขาก็แอบเข้าไปในชั้นบรรยากาศของพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBในระยะทาง 4 กิโลเมตรไปแล้ว
จากนั้นพวกเขาก็พบเป้าหมายของตัวเองและยิงขีปนาวุธแต่ละประเภทบนเครื่องบิน
ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าหรือปืนใหญ่เก๊าส์ที่มีความเร็วเหนือเสียงถึงขีดสุด
ไม่ใช่ว่าระบบป้องกันของคนแคระจะหยุดพวกมันได้
เพราะแม้แต่ระบบป้องกันของพวกเขาก็ยังไม่ได้เล็งเป้า ขีปนาวุธเหล่านั้นก็พุ่งเข้าเป้าตามลำดับแล้ว
เมืองที่มีประชากรอีกหลายสิบเมืองใหญ่ในห้าทวีปใหญ่ถูกทำลายล้างแทบจะในเวลาเดียวกัน