บทที่ 521 ถึง พัฒนาครั้งใหญ่
เพราะความรู้สึกแบบนี้มันเศร้า เขาไม่อยากให้มันกระจายไปคนรอบข้างเขา
ลืมไปอย่าง การเดินทางในรอบหลายปีนี้ ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของพวกหลินอี้จุนเขาตัดสินใจรับเฉินจือหรานเป็นเมียอีกคน
เขาเห็นด้วยที่จะให้สถานะกับเฉินจือหราน หลังจากมนุษย์หาดาวใหม่ได้
เขาเองพูดไม่ถูกว่า ทำไมเขาถึงยอมรับข้อเสนอนี้
บางทีอาจจะเพื่อชดเชยเฉินจือหรานก็ได้
หรือบางทีอาจจะเพราะต้องการมีลูกชายกับเฉินจือหรานมาสืบทอดทายาทให้กับบ้านลู่ก็ได้
สรุปแล้ว ช่วงหลายเดือนแรก เขาไม่ได้กลับไป วันๆเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงาน หรือไม่ก็สำนักวิจัย
เขาทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้ตัวเองลืมเรื่องพวกนี้ไป
เพราะในใจเขา หลินอี้จุนยังสำคัญมากอยู่ พอเรื่องเป็นแบบนี้ เขาก็อดรู้สึกผิดต่อเฉินจือหรานไม่ได้
อีกด้าน เพราะหลินอี้จุนไม่สามารถมีลูกได้อีก และเธอเองก็มีลูกสาวแค่คนเดียว เขายังมาแต่งงานกับเฉินจือหรานอีก เขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับหลินอี้จุนเลย
ในสภาวะจิตใจที่สับสนอย่างนี้ เขาเลยยิ่งหนีความจริงเข้าไปใหญ่
เวลาส่วนมากเขาให้เฉินจือหรานช่วยเขาดูแลห้องทำงาน ส่วนตัวเขาตรงไปห้องวิจัยเลย
…
เวลาผ่านไปเร็วมาก การขับเคลื่อนที่ไวเกือบเท่าแสง ไม่นานทีมงานบนยานอวกาศซี-หวั้งได้ขับผ่านออร์ตคลาวด์ของเอปไซลอนเอริดานี มาถึงขั้นบนสุดของดาว
ที่นี่ลมดาวที่เอปไซลอนเอริดานียิงออกมาได้เข้าสู่ภาวะหยุดชะงัก ด้านนอกขั้นบนสุดของดาวคือทอ้งฟ้าที่ดาวเทียมส่งมาให้ ด้านในชั้นบนสุดของดาวเป็นส่วนของเอปไซลอนเอริดานี
ที่นี่อยู่ห่างจากเอปไซลอนเอริดานีเป็นระยะสองแสนล้านกิโลเมตร ถึงเอปไซลอนเอริดานีจะเล็กกว่าพระอาทิตย์ แต่เพราะมันอายุยังน้อยมาก การเคลื่อนไหวของมันมากกว่าพระอาทิตย์ถึงสามสิบเท่า และระยะห่างของ ชั้นบนสุดของดาวกับดาวแกนกลางก็มากกว่าพระอาทิตย์ถึงสิบเท่า
ที่นี่ พวกนักวิทยาศาสตร์ได้ลองทดสอบเมล็ดพันธุ์มีไฟฟ้าอัตโนมัติที่ได้มาจากเอปไซลอนเอริดานีโดยตรงเป็นครั้งแรก
ที่น่าแปลกก็คือ กลุ่มดาวเอปไซลอนเอริดานีไม่ได้มีแถบไคเปอร์เหมือนระบบสุริยะ
พวกลู่เฉินคาดว่า มันอาจเป็นเพราะโครงสร้างด้านในดาวที่พิเศษทำออกมา ทำให้แรงผลักของพวกมันทำลายสิ่งนี้ไป
มันแสดงว่า จำนวนดาวหางที่วิเคราะห์ได้จากกลุ่มดาวเอปไซลอนเอริดานีมีน้อยกว่าระบบสุริยะมากนัก
จากความเร็วในตอนนี้ของยานอวกาศซี-หวั้ง เดินทางหมดสองแสนล้านกิโลเมตรนี้ ไม่น่าจะใช้เวลามากเท่าไหร่
แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน ลู่เฉินตัดสินใจเพิ่มความเร็วมากขึ้น
เพราะการเดินทางในปีนี้ พวกเราต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า บนเอปไซลอนเอริดานีมีอารยธรรมต่างดาวอยู่ไหม
ดาวเคราะห์หินเพียงดวงเดียวนั่นเหมาะสำหรับให้มนุษย์อาศัยหรือไม่
เวลาค่อยๆผ่านไป ยานอวกาศซี-หวั้งอยู่ห่างจากเอปไซลอนเอริดานีแค่สามพันล้านกิโลเมตรเท่านั้นแล้ว
ระยะห่างแค่นี้เท่ากับระยะห่างของดาวยูเรนัสกับพระอาทิตย์
ที่นี่ ลู่เฉินวิเคราะห์แสงออร่าที่สวยงามของดาวเคราะห์ก๊าซของเอปไซลอนเอริดานีB ออกมาได้เป็นครั้งแรก
เอปไซลอนเอริดานี B เป็นดาวพฤหัสบดีขนาดมินิ ความแรงของสนามแม่เหล็กของมันเป็นห้าเท่าของโลก
เหมือนกับแส้ดาวเส้นยาวสีฟ้าใสหนึ่งเว้น สะบัดไปมาอยู่ในอากาศอย่างอหังการ์
ลู่เฉินบังคับให้ยานอวกาศซี-หวั้งลำใหญ่เพิ่มความเร็วขึ้นอีก หลังจากนั้นสามสิบวันก็ไปถึงขอบข่ายของเอปไซลอนเอริดานี B
พอดีกับ เอปไซลอนเอริดานีB พึ่งเดินทางมาถึงจุดที่อยู่ไม่ไกลจากยานอวกาศซี-หวั้งเท่าไหร่
พอเห็นดาวเล็กๆเป็นแบบนี้ ลู่เฉินตื่นเต้นจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้
การวิเคราะห์ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้นแล้ว เอปไซลอนเอริดานีจะเป็นเขตปลอดภัยของมนุษย์หรือไม่ เอปไซลอนเอริดานีAจะเป็นดาวแม่ดวงใหม่ของมนุษย์หรือไม่ ใกล้จะได้คำตอบแล้ว
หลายวันนี้แม้แต่ลู่เฉินเองก็รู้สึกตื่นเต้น
เครื่องตรวจสอบจำนวนมากที่ฝ่ายนักวิทยาศาสตร์ยิงส่งออกไปเข้าไปในขอบข่ายวงแหวนเอปไซลอนเอริดานีA มีข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
“ถ้าเอปไซลอนเอริดานีA เป็นดาวแม่ดวงใหม่ของมนุษย์เราจริง งั้นสิบปีข้างหน้านี้จะต้องพัฒนาดาแม่ดวงนี้ให้มิดชิดที่สุด ถึงเวลานั้นถ้ามีใครมารุกรานดาวเรา ก็สู้มันให้ยับจนพ่อแม่มันจำหน้าไม่ได้เลย!”
ลู่เฉินคิดเงียบๆในใจ
ทฤษฎีป่ามืดของกาแล็คซี่กลายเป็นบาดแผลในใจเขาไปแล้ว เพื่อป้องกันการมาในอนาคตของอารยธรรมต่างดาว มนุษย์จำต้องพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ได้มากที่สุด และให้แน่ใจว่าแผนการวิจัยวิทยาศาสตร์จะสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น
หลังจากนั้นอีกสิบหกวัน ยานอวกาศซี-หวั้งได้ผ่านขอบข่ายเอปไซลอนเอริดานี B ในที่สุดก็สามารถมองเห็นเอปไซลอนเอริดานีAซึ่งเป็นดาวเคราะห์หินที่เล็กกว่าโลกเกือบครึ่งด้วยตาเปล่าซะที
แต่ว่า ในตอนที่ทุกคนต่างรอคอยที่จะได้พัฒนาบ้านใหม่ ข้อมูลหนึ่งก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนโดนสาดน้ำแข็งใส่
นั่นคืออากาศบนเอปไซลอนเอริดานีAน้อยมาก แทบไม่พอให้มนุษย์หายใจได้เลย
สำหรับเรื่องนี้มนุษย์กว่าสองแสนบนยานอวกาศซี-หวั้งเสียใจเป็นอย่างมาก
เป้าหมายต่อไปคือที่ไหนล่ะ?
บ้านของมนุษย์อยู่ที่ไหนกันแน่?
ลู่เฉินจุดบุหรี่ มองไปในท้องฟ้าที่มืดมน ในใจรู้สึกเศร้าหมองสุดๆ
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม บนเอปไซลอนเอริดานีAก็มีทรัพยากรจำนวนมากที่พวกเราต้องการ ไปเก็บทรัพยากรกันก่อนละกัน”
“มากำหนดเวลาที่นี่ก่อน พยายามเก็บวัตถุดิบเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีมนุษย์บรรลุอารยธรรมระดับสาม ก่อนเดินทางจากไปอีกครั้ง!”
ลู่เฉินออกคำสั่ง จากนั้นยานอวกาศซี-หวั้งก็ค่อยๆบินเข้าไปในขอบข่ายเอปไซลอนเอริดานีA
วิธีการเดียวกัน ส่งเครื่องตรวจสอบไร้คนบังคับไปตรวจสอบชั้นบรรยากาศของเอปไซลอนเอริดานีAก่อน
หนึ่งวันต่อมา ผลลัพธ์ออกมาแล้ว เอปไซลอนเอริดานีAไม่มีอารยธรรมต่างดาวเลย แต่กลับมีพืชพันธุ์ที่ไม่ต้องการใช้อากาศหายใจมากนัก
พืชพันธุ์ชนิดนี้ออกสีเหลืองคล้ำ ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้
ที่สำคัญที่สุดคือ ที่จริงแล้วพืชพันธุ์เหล่านี้ไม่มีอันตรายอะไร
จากนั้นยานอวกาศซี-หวั้งบินเข้าไปในขอบข่ายเอปไซลอนเอริดานีAได้สำเร็จ จากนั้นก็ทำการบุกเบิกเอปไซลอนเอริดานีA โดยตั้ง ทีมบนยานอวกาศซี-หวั้งขึ้นมา
เวลาผ่านไปเร็วมาก ประดุจธนูพุ่งออกจากคันธนู
การจัดตั้งขึ้นมา พริบตาเดียวผ่านไปห้าปี
ในช่วงห้าปีนี้ วิทยาศาสตร์มนุษย์ได้รับการพัฒนาคุณภาพอย่างมาก จนบรรลุอารยธรรมระดับสาม
ได้ใช้ทรัพยากรสมบูรณ์พูนพร้อมจากที่นี่ มีการต่อเติมยานอวกาศซี-หวั้งอีกครั้ง จนกลายเป็นระดับเจ็ด
ยานอวกาศระดับเขตสามารถทำให้ประชากรกว่าหนึ่งล้านคนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ด้านนอกก็ดูกว้างใหญ่และกว้างขวาง
อีกอย่าง ส่วนยานอวกาศระดับหมู่บ้านของชนเผ่าแคระก็มีการอัพเกรดจนเป็นระดับอำเภอ ในที่สุดลู่เฉินก็อนุญาตให้พวกเขามีทายาทรุ่นต่อไปได้แล้ว
นอกจากนี้แล้ว ยานอวกาศซี-หวั้งก็ได้สร้างยานป้องกันอีกห้าสิบกว่าลำขึ้นมา
ยานป้องกันพวกนี้ไม่ใหญ่ มีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของยานอวกาศซี-หวั้งตอนแรก และยังได้ติดตั้งอาวุธนานาชนิดที่มนุษย์ได้พัฒนาออกมาในหลายปีนี้
ความสามารถเทคโนโลยีในตอนนี้ของมนุษย์ เทียบกับตอนอยู่บนโลกแล้ว เป็นระดับเทพเลยทีเดียว
และในตอนที่มนุษย์กำลังตั้งอกตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยี
ด้านนอกเอปไซลอนเอริดานีกว่าสองพันล้านกิโลเมตร ห้วงอวกาศดำมืดปรากฏช่องบิดเบี้ยวขึ้นมา
จากนั้นก็ปรากฏสสารขาวล้วนรูปร่างคล้ายหยดน้ำออกมา
มันเหมือนมีชีวิต คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของมนุษย์อยู่ที่นั่นเงียบๆ
หนึ่งเดือนผ่านไป มันส่งข้อความหนึ่งมาในคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของยานอวกาศซี-หวั้ง
“อารยธรรมต่างดาวแปลกหน้า สวัสดี”