บทที่ 533 จัดการอารยธรรมลู๋ข่า
ระดับความแกร่งของเกราะป้องกันของอารยธรรมลู๋ข่าไม่ได้มีมากอย่างที่คิดไว้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ภายใต้การระดมยิง เกราะป้องกันของยานหลักอารยธรรมลู๋ข่าก็โดนทำลายลงในที่สุด แต่วินาทีนี้เอง ความรู้สึกคุ้นเคยหนึ่งก็แล่นเข้ามาในใจลู่เฉิน
เหมือนมีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังคืบคลานอยู่ในห้วงอวกาศ
ไม่นานทุกคนก็ได้เห็นยานป้องกันลำที่อยู่ใกล้ยานหลักอารยธรรมลู๋ข่าที่สุดเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เครื่องบินรบหลายลำที่อยู่ใกล้ที่สุดก็พลันระเบิดขึ้นเพราะรับแรงกดดันของพลังงานแบบนี้ไม่ไหว
“นี่มันสนามพลังกดทับ…แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นระดับที่แกร่งมาก สั่งการให้ถอยออกไปหนึ่งล้านกิโลเมตร” พอเห็นสถานการณ์รบด้านหน้า ลู่เฉินออกคำสั่งทันที
สนามพลังกดทับ น่าจะเป็นไม้ตายสุดท้ายของอารยธรรมลู๋ข่าแล้ว
พอผ่านการวิเคราะห์ ลู่เฉินรู้ว่า ขอบเขตสนามพลังกดทับของอารยธรรมลู๋ข่าครั้งนี้น่าจะสามารถขยายได้ถึงห้าแสนกิโลเมตรโดยประมาณ
หลายปีมานี้พอทำการวิจัยในเรื่องระเบิดปรมาณูของมนุษย์อยู่บ้าง ดังนั้นมาตรการสนามพลังนี่ก็ไม่แปลกหน้าอะไร
พอยานรบหนีทัน อัตราการสูญเสียก็ลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
หลังเกราะป้องกันโดนตีทะลุ ยานหลักของอารยธรรมลู๋ข่าก็ปรากฏร่างสู่สายตายานป้องกันของมนุษย์
พอไม่มีเกราะป้องกันคุ้มครอง ยานหลักอารยธรรมลู๋ข่าทนการระดมโจมตีของยานรบมนุษย์ไม่ได้เลย
ไม่นาน ยานหลักอารยธรรมลู๋ข่าก็ยกธงขาว และในเวลาเดียวกันพวกมันส่งข้อความมาที่ยานอวกาศซี-หวั้งมาเป็นระลอก
นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาไม่นานในการแปล อารยธรรมลู๋ข่ายอมแพ้แล้ว
สำหรับเรื่องนี้ทุกคนพากันถอนหายใจโล่งอก
เพราะการศึกสงครามต้องมีแพ้มีชนะ มนุษย์ไม่เข้าใจอารยธรรมลู๋ข่า และไม่รู้ว่าพวกมันยังมีท่าไม้ตายอะไรอีกหรือเปล่า
พอเห็นพวกมันยอมแพ้ นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
พวกที่อยู่แนวหน้าพากันโห่ร้องอย่างดีใจ
มนุษย์ที่เฝ้าดูการรบครั้งนี้ก็พากันโห่ร้องอย่างดีใจ
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วในการสู้รบชนะอารยธรรมอื่นอย่างไร้ผู้บาดเจ็บของมนุษย์
ครั้งที่แล้วเผชิญหน้าชนเผ่าแคระ
ตอนนั้นเพื่อยึดครองพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี มนุษย์ใช้แผนการยึดครองกับคนแคระ สุดท้ายด้วยความได้เปรียบว่าแข็งแกร่งกว่าของมนุษย์ ทำให้ได้ชัยชนะเหนือคนแคระไป
และยึดครองหนึ่งทวีปของพร็อกซิมาคนครึ่งม้าบีได้
ส่วนครั้งนี้ ถึงมนุษย์จะอยู่ในมุมตั้งรับ แต่ก็เอาชนะอารยธรรมลู๋ข่ามาได้ด้วยเชาวน์ปัญญาของมนุษย์
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ยานหลักอารยธรรมลู๋ข่าโดนบังคับมาอยู่ข้างยานอวกาศซี-หวั้ง
ข่าซีเอ่อซึ่งเป็นผู้นำของประชาชนลู๋ข่ากว่าสองแสนคนถูกควบคุมตัวเข้ามาในยานอวกาศซี-หวั้ง
ข่าซีเอ๋อนั่งคุกเข่ารอการตัดสินจากลู่เฉินที่อยู่ด้านหน้าเขา
เขาขอร้องให้ลู่เฉินไว้ชีวิต
คนลู๋ข่าหน้าตาไม่เหมือนมนุษย์
พวกมันคล้ายกับมนุษย์จิ้งจกในภาพยนตร์ไซไฟสมัยใหม่
ร่างสูงสามเมตร มีหัวเป็นมนุษย์ ตัวเป็นจิ้งจก
“ผู้นำอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ ขอเพียงท่านยอมไว้ชีวิตชนเผ่าของผม ผมยินยอมนำพาชนเผ่าของเราเข้าร่วมท่าน เป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีของอารยธรรมท่าน!” ข่าซีเอ๋อพูดระหว่างที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าลู่เฉิน
แน่นอน เขาพูดเป็นภาษาลู๋ข่า ลู่เฉินฟังไม่ออกอยู่แล้ว
แต่ข้างกายลู่เฉินมีล่ามมาด้วย
พอล่ามแปลคำพูดให้ลู่เฉินฟัง ลู่เฉินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเห็นด้วยในที่สุด
จำนวนมนุษย์ยังน้อยเกินไป ถ้าปล่อยอารยธรรมลู๋ข่าไป ต่อไปยังให้พวกมันกลับมาเป็นมือเป็นเท้าให้ได้
“สหพันธ์ผู้ปกป้องเป็นอารยธรรมระดับไหน พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?” ลู่เฉินถาม
“อารยธรรมระดับหก พวกเขาก่อตั้งสหพันธ์ผู้พิทักษ์ที่โดเมนที่สาม เพื่อใช้ต่อสู้กับฝ่ายเคลียร์และเผ่าปีศาจ” ข่าซีเอ๋อพูด
ลู่เฉินพยักหน้า ในที่สุดเขาเข้าใจข้อความที่ได้รับจากสหพันธ์ผู้พิทักษ์ที่ได้รับมาก่อนหน้านี้จากปากข่าซีเอ๋อแล้ว
และก็เข้าใจสภาพโดยรวมของอวกาศเหมือนกัน
ในระบบกาแล็กซี่นี่ มีอารยธรรมต่างดาวนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอารยธรรมระดับต่ำกว่าระดับสี่ อารยธรรมที่สูงที่สุดที่รู้ตอนนี้คือสหพันธ์ผู้พิทักษ์กับ ฝ่ายเคลียร์และเผ่าปีศาจ ต่างเป็นอารยธรรมระดับหกทั้งนั้น
แต่อาจจะมีอารยธรรมสูงกว่าระดับเจ็ดในโดเมนที่สอง
เพราะSilver Heart เป็นหลุมดำที่ใหญ่มากหลุมหนึ่ง อารยธรรมระดับหกหรือต่ำกว่าระดับหกไม่สามารถอาศัยอยู่ในโดเมนที่หนึ่งกับสองได้
ทางช้างเผือกถูกแบ่งเป็นห้าโดเมน เหมือนกับถนนล้อมรอบเมืองยังไงยังงั้น
โดเมนที่หนึ่งเป็นเขตของSilver Heart เป็นวงแหวนที่หนึ่ง
โดเมนที่สองว่ากันว่ามีอารยธรรมระดับเจ็ดอยู่ เป็นวงแหวนที่สอง
โดเมนที่สามเป็นที่อยู่ของสามกลุ่มใหญ่คือสหพันธ์ผู้พิทักษ์ ฝ่ายเคลียร์กับเผ่าปีศาจซึ่งเป็นอารยธรรมระดับหก
แน่นอนว่า สหพันธ์ผู้พิทักษ์เองก็มีอารยธรรมระดับต่ำนับไม่ถ้วน
อารยธรรมระดับต่ำพวกนี้อาศัยเกาะสหพันธ์ผู้พิทักษ์เพื่ออยู่รอด และเป็นหนึ่งในสมาชิกสหพันธ์ผู้พิทักษ์
แต่ส่วนมากความสามารถไม่สูง อาทิเช่น อารยธรรมระดับหนึ่ง สอง สาม สี่
มีเพียงอารยธรรมระดับห้าถึงจะได้รับการให้ความสำคัญจากสหพันธ์ผู้พิทักษ์ พวกเขาเป็นเหมือนแขนขาให้กับอารยธรรมระดับหก
โดเมนที่สี่ ซึ่งก็คือกลุ่มดาวระบบสุริยะหรือไม่ก็ดาวที่มนุษย์อยู่ในตอนนี้
โดเมนที่ห้าเป็นเขตรอบนอกระบบสุริยะ
ทั่วทั้งทางช้างเผือก โดเมนที่ห้าแห้งแล้งที่สุด แทบไม่มีอารยธรรมอะไรอยู่ได้
โดเมนที่สี่ก็คือระบบสุริยะนี่ เทียบกับโดเมนที่สาม ก็ถือว่าแห้งแล้งมาก
ดังนั้น อารยธรรมระดับสี่ขึ้นไปแทบจะไม่มาอยู่โดเมนที่สี่
ขนาดโดเมนที่สองและสามก็แทบไม่แวะเวียนมาที่โดเมนที่สี่เลย
นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมมนุษย์อ่อนแอขนาดนั้นตอนอยู่ระบบสุริยะ แต่กลับไม่โดนอารยธรรมต่างดาวค้นพบ
เพราะแทบจะไม่มีอารยธรรมต่างดาวที่ไหนมาสืบค้นในเขตแห้งแล้งกันดารอย่างระบบสุริยะหรอก
พอจัดการอารยธรรมลู๋ข่าเสร็จ มนุษย์ก็จัดการดูดซับเทคโนโลยีของอารยธรรมลู๋ข่า
ถึงอารยธรรมลู๋ข่าจะกลายเป็นทาสรับใช้ของมนุษย์ แต่พวกมันก็เป็นอารยธรรมขั้นสุดของระดับสามจริงๆ
เพียงแต่ว่าพวกมันพึ่งเข้าสู่ระดับนี้
รวมกับโดนเล่ห์กลของมนุษย์ ยานป้องกันนับพันลำโดนระเบิดของเอปไซลอนเอริดานีแอเขมือบไปหมดแล้ว
ไม่งั้นรบกันจริงๆขึ้นมา พวกมันไม่แน่ว่าจะแพ้
ต่อมา ลู่เฉินสั่งการให้บินไปที่เคปเลอร์ 55 อีกด้านก็ทุ่มเทกำลังวิจัยดูดซับเทคโนโลยีของอารยธรรมลู๋ข่า
ระหว่างนี้จะเจออารยธรรมอื่นอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้
ที่สำคัญที่สุดคือ ลู่เฉินมักรู้สึกว่า เป็นไปได้อย่างมากที่สหพันธ์ผู้พิทักษ์จะเป็นอันตรายที่ใหญ่ที่สุดในอนาคตสำหรับมนุษย์