วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – บทที่ 510 สารภาพรักกะทันหัน

บทที่ 510 สารภาพรักกะทันหัน

ฉีฉีหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ

ในรถมีเสียงเพลงเบาๆสบายๆ มู่ยู่วฉีเอียงหัวไปมองฉีฉีและทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาใช้ได้เลยนะ……

ติ๊ด ติ๊ด ——-

รถคันข้างหลังบีบแตร พอมู่ยู่วฉีได้สติเขาก็รีบขับรถไปข้างหน้าต่อไป ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขาแปลกๆ

ทำไมเขาถึงได้ตกตะลึงกับนักเรียนสาวน้อยอย่างนี้ได้ รสนิยมนี้มันเปลี่ยนไปมากเกินไป

หรือจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้ยุ่งมากไป เลยทำให้กลายเป็นคนที่ไม่ช่างเลือก?

นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ดี มันจะทำให้ระดับความหล่อของเขาลดลงได้

มู่ยู่วฉีถอนหายใจเบาๆและรีบสะบัดความคิดพวกนั้นออกไป จากนั้นก็ใช้สมอธิจดจ่ออยู่กับทางข้างหน้าเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน

ในตอนแรกๆ มู่ยู่วฉีไม่ได้เหล่มองเลยจริงๆ แต่พอเขาลืมตัว มู่ยู่วฉีก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉีฉี

ยัยผู้หญิงคนนี้ เธอมีเสน่ห์อะไรกันแน่เนี่ย?

ขาวขาวนวลนวล มองดูแล้วน่ากินสะจริง ถึงจะผอมไปหน่อย แต่ส่วนไหนที่ควรมีเนื้อมีหนังก็มีครบ ฉันเชื่อว่าแต่งตัวอีกสักหน่อยก็คือสาวสวยคนหนึ่งเลยแหละ

ฉีฉีพักการอ่านหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมาแวบๆ แต่การมองแวบๆในครั้งนี้มันทำให้เธอต้องตกใจจนเหงื่อออกไปทั้งตัว

” รีบหยุดรถเร็ว ! ”

มู่ยู่วฉีรีบเบรกทันทีและรถก็หยุดลง อีกแค่นิดเดียวรถก็จะชนกับคันข้างหน้าอยู่แล้ว

ฉีฉีเอามือทาบอก แล้วพึมพำว่า ” อันตรายจัง ”

ท่าทางของมู่ยู่วฉีดูแปลกๆ แล้วเขาก็พูดว่า ” เป็นเพราะรถติดแท้ๆเลย ติดนานขนาดนี้ ทำให้คนอารมณ์สุดๆ ”

” ก็จริง นี่มันผ่านไปจะหนึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว ยังไม่พ้นสะพานนี้เลย ”

เดี๋ยวนะ หนึ่งชั่วโมง……

ฉีฉีรีบมองเวลาในโทรศัพท์ และเธอก็พบว่ามันใกล้จะห้าทุ่มแล้ว

” โอ้พระเจ้า อย่าบอกนะว่าฉันจะกลับไปไม่ทัน? ”

พอเห็นฉีฉีที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มู่ยู่วฉีก็ได้พูดปลอบเธอว่า ” กลับไปไม่ทันแล้วจะทำไม ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีที่อยู่สักหน่อย ”

มันก็จริงอยู่เรื่องที่เธอมีที่อยู่ แต่ว่าพอคิดถึงภาพที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับมู่ยู่วฉี ฉีฉีก็รู้สึกอึดอัดใจมาก ”

” คือว่า จะเอาแต่รบกวนคุณทุกครั้งมันก็คงไม่ดีเท่าไหร่ หรือว่าเอาแบบนี้ไหม ฉันลงรถแล้วเดินกลับไป ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลมาก ”

มู่ยู่วฉีมองไปข้างหน้าแล้วครุ่นคิดจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ” จากที่นี่ถ้าเดินไปต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าผ่านตรงนี้ไปแล้วทางข้างหน้ารถไม่ติดขับรถไปแค่สิบนาทีก็คงถึง เธอคิดว่า วิธีไหนดีกว่ากัน? ”

” แต่ว่าถ้าทางข้างหน้ารถมันยังติดอยู่จะทำยังไง? ”

ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ แสดงว่าวันนี้ฉีฉีก็ไม่สามารถกลับไปทันแน่ๆ

แต่มู่ยู่วฉีก็ยังคงพูดอย่างยืนหยัดว่า ” ถ้าอยากนั้นเรามาพนันกันเถอะ ฉันทายว่าทางข้างหน้ารถจะไม่ติด ”

ฉีฉีรู้สึกตื่นตัวและสนใจกับเรื่องที่เขาเอ่ยจนลืมเรื่องรถติดไปและไม่ได้กังวลมากมายขนาดนั้น เลยถามเขาว่า ” เดิมพันคืออะไร? ”

มู่ยู่วฉีคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า ” เดิมพันคืออาหารหนึ่งมื้อ ครั้งนี้ถ้าเธอแพ้เธอต้องให้ฉันพาเธอไปกินของอร่อยๆ ”

” ตกลง ” ฉีฉีพยักหน้าอย่างมีความสุข แต่ไม่นาน เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ” คุณพูดอะไรผิดรึเปล่า ควรจะเป็นฉันที่ต้องเลี้ยงของกินอร่อยๆคุณรึเปล่า? ”

” ไม่ได้พูดผิด ฉันเป็นคนเลี้ยงเอง เธอเคยพาฉันไปกินของอร่อยๆมาแล้ว ควรจะถึงคราวฉันบ้างแล้วที่ต้องพาเธอไปลองรสชาติอาหารใหม่ๆบ้าง แต่ว่า ฉันเป็นคนที่มีรสนิยมแปลกๆ ถ้าสำหรับฉันมันคือความสุขอย่างหนึ่ง แต่สำหรับเธอมันอาจจะเป็นความทุกข์ ”

” เป็นไปไม่ได้ ” ฉีฉีพูดอย่างมั่นใจ ” คนอย่างฉีฉีไม่มีอะไรที่เป็นที่จะหลุดออกไปจากมือฉันได้หรอก ฉันกินเรียบหมดโต๊ะ ”

พอเห็นว่าฉีฉีตอบตกลงแล้ว มู่ยู่วฉีก็ยิ้มแล้วพูดว่า ” ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงแบบนี้แล้วกันนะ ฉันเลี้ยงเองห้ามปฏิเสธเด็ดขาด! ”

” ได้ ใกล้จะถึงปากทางแล้ว รอมารอดูกันเถอะ ”

พูดยังไม่ทันขาดคำ รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้า พอผ่านไฟแดงตรงสี่แยกไปได้ จู่ๆถนนก็โล่ง และปริมาณรถก็ไม่เยอะเหมือนเมื่อสักครู่

มีรถตำรวจและรถพยาบาลจอดอยู่ข้างทาง และยังมีรถที่ชนกันติดๆอยู่หลายคัน

ฉีฉีกระพริบตาแล้วพูดว่า ” ที่แท้ก็เกิดอุบัติเหตุนี่เอง ไม่น่าละถึงได้รถติดขนาดนี้ ”

แต่ว่า นั่งตากลมชมวิวในตอนกลางคืนมันก็รู้สึกผ่อนคลายดีนะ ไม่วุ่นวายเหมือนตอนกลางวัน บรรยากาศในตอนกลางคืนมันสามารถทำให้คนรู้สึกสบายใจและมีเวลาคิดทบทวนตัวเอง

หันหน้าไปมองแวบหนึ่ง มู่ยู่วฉีสังเกตเห็นฉีฉีที่เหมือนกับลูกแมวน้อยที่กำลังนั่งมองหน้าต่าง แล้วก็เผลอยิ้มออกมา

รถขับมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็จอดลงตรงหน้าประตูสถานศึกษา

” ปลอดภัย! ”

พอเช็คเวลาแล้ว ฉีฉีก็ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

มู่ยู่วฉีโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอแล้วพูดกับฉีฉีว่า ” ถ้าเธอเรียนจนเหนื่อยแล้ว ก็โทรหาฉันนะ ฉันจะพาเธอไปกินอาหารมื้อใหญ่ ”

” ได้ ขอบคุณนะ ”

” ก็บอกแล้วไงกับฉันไม่ต้องเกรงใจ รีบไปเถอะ ฝันดีนะ ”

” ฝันดี ”

มู่ยู่วฉีขับรถกลับและฉีฉีก็ยืนอยู่หน้าประตูสถานศึกษา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน

เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ ราวกับว่าตอนที่เธออยู่กับมู่ยู่วฉีในใจของเธอมีนกตัวหนึ่งอยู่ มันมีความสุขมากจนตัวแทบลอย

เธอรีบวิ่งไปที่ห้องพักของเธอ ฉีฉีรู้สึกว่าวันนี้ต้องฝันดีแน่

” ฉีฉี! ”

มีเสียงเรียกฉีฉีดังมาจากด้านหลัง ฉีฉีหยุดนิ่งแล้วหันไปดูคนด้านหลัง ทันใดนั้นฝันดีของเธอก็แตกสลาย ”

ชายใส่แว่นจ้องฉีฉีด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ

” เฮ้ ดึกขนาดนี้แล้ว มีธุระอะไร? ”

ชายใส่แว่นเดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าฉีฉีแล้วยื่นมือออกไปพุดว่า

” ฉันรอเธอนานมาก แล้วก็ซื้อซาลาเปาไส้หมูให้เธอด้วย ”

พอได้ยินแบบนั้น ฉีฉีก็พึ่งคิดได้ว่าเขานัดตัวเองมาอ่านหนังสือทบทวนในตอนกลางคืนนี่นา

ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่ได้สัญญาอะไรกับเขาไว้ แต่ฉีฉีก็รู้สึกว่าต้องอธิบายกับเขาสักหน่อยแล้วพูดว่า ” ในระหว่างทางกลับมันรถติดแถมยังเกิดอุบัติเหตุรถชนกันเจ็ดคันรวดเลยทำให้รถติดมากๆก็เลยไม่ทันกลับมาอ่านทบทวนน่ะ ”

” แล้วคนที่ส่งเธอกลับมาเขาเป็นใคร? ”

ชายใส่แว่นกลัวว่าฉีฉีกลับจากที่ทำงานแล้วจะหิวก็เลยตั้งใจไปซื้อซาลาเปาจากหน้าสถานศึกษาไว้ให้เธอ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นฉีฉีนั่งรถหรูคันนั้นกลับมา

ฉีฉีไม่ชอบน้ำเสียงของชายใส่แว่นที่ใช้ถามเธออย่างมาก เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอสักหน่อย ทำไม่ต้องมายุ่งด้วย?

ฉีฉีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า ” เพื่อนคนหนึ่ง ”

” พวกเธอสนิทกันมากหรอ? ”

” ไม่ได้สนิทมาก ”

” แล้วเธอยังจะนั่งรถเขาอีก เธอรู้ไหมเป็นผู้หญิงนั่งรถของคนแปลกหน้ามันอันตรายมากขนาดไหน? ”

ฉีฉียิ้มอย่างสุดจะทน เธอจึงพูดว่า ” อันตรายอะไรกัน เขารวยกว่าฉันมาก รอบตัวเขาก็เต็มไปด้วยสาวสวย อยากได้อะไรก็ได้ ”

” ถึงจะเป็นแบบนั้นแล้วยังไง คนเลวที่โรคจิตก็มีตังเยอะตั้งแยะ ”

ฉีฉีเริ่มรู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงพูดว่า ” เอาล่ะ ดึกดื่นป่านนี้ อย่าเอาแต่พูดเรื่องแบบนี้เลย จะทำให้คนกลัวเปล่าๆ ”

แต่ว่าชายใส่แว่นก็ยังคงพูดต่อว่า ” แค่ฟังแค่นี้เธอยังรู้สึกกลัวเลย แล้วถ้าเธอเจอกับตัวล่ะ เธอจะทำยังไง? ถ้า…….”

” พอเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว จะกลับแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว อีกแป๊บเดียวประตูใหญ่ก็จะปิดแล้ว ”

” ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ต่อไปก็ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็นี่ ซาลาเปา ให้เธอ ”

” ฉันไม่หิว ”

” รีบรับไว้เถอะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจซื้อให้เธอนะ ถ้าเธอไม่ต้องการก็ทิ้งมันไปเลย ”

ในขณะที่พูด ชายใส่แว่นก็ยัดมันใส่มือฉีฉี แล้วจู่ๆใบหน้าของเขาก็แดง

ฉีฉีไม่มีทางเลือกก็ทำได้เพียงรับซาลาเปานั้นไว้ และพูดออกไปอย่างไม่จริงใจว่า ” ขอบคุณ ”

” ขอบคุณอะไรกัน นี่เป็นสิ่งที่ฉันเต็มใจทำ คือว่า พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปส่งโจ๊กให้เธอที่ใต้ห้องพักเธอนะ อย่าลืมนะเปิดโทรศัพท์ไว้ด้วย ”

” ไม่ต้อง……”

ฉีฉียังไม่ทันได้พูดจบ ชายใส่แว่นก็รีบหันหลังแล้ววิ่งไปเลย

มองดูเขาที่วิ่งออกไปแล้วมามองซาลาเปาในมือตัวเอง ฉีฉีก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

ในเช้าวันต่อมา ฉีฉีหลับเพลินไปหน่อย พอเธอตื่นขึ้นมาเธอก็รีบแต่งตัว จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องเรียนด้วยความตื่นตระหนก

อาจารย์ที่มาบรรยายวันนี้เข้มงวดมากๆ ถ้าโดนเขาจับได้ว่ามาสายต้องโดนเขาอบรมอย่างอนาถแน่นอน

ยังดีที่ฉีฉีมาถึงห้องทันก่อนเริ่มบรรยาย เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่

” ฉีฉี ”

จู่ๆก็มีคนโผล่หัวมาจากด้านหลังเธอและเรียกชื่อฉีฉีอย่างยิ้มแย้ม

แต่ว่าเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ฉีฉีสะดุ้งตกใจ

เธอหันหน้าไปมองชายหนุ่มใส่แว่นคนนั้น ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า ” ไอ้นี่ นายจะทำให้ฉันตกใจตายหรือยังไง! ”

” จะกลัวอะไร ฉันมาเพื่อส่งอาหารเช้าให้เธอ บอกเธอไปแล้วว่าอย่าปิดเครื่อง แต่เธอก็ไม่ฟัง ยังดีที่ฉันสืบจนรู้ว่าเธอเรียนห้องไหนเลยเอามาให้เธอด้วยตัวเอง ”

ในขณะที่พูดชายใส่แว่นก็วางอาหารเช้าไว้ตรงหน้าฉีฉี

การกระทำที่น่าหลงใหลและเอาใจใส่แบบนี้มันทำให้คนรอยข้าวต่างก็พากันล้อเธอ และมันก็ทำให้ฉีฉีรู้สึกอึดอัด

ฉีฉีอยากจะปฏิเสธ แต่พอเงยหน้าขึ้นมา อาจารย์ก็เดินเข้ามาพอดีและชายใส่แว่นก็ใช้โอกาสนี้วิ่งหนีหายไปแล้ว

อาจารย์หันไปมองชายใส่แว่นคนนั้นแล้วกลับมามองที่ที่เขาพึ่งวิ่งออกไป ใบหน้าของอาจารย์มีความรู้สึกประหลาดใจปรากฏออกมา

” ตอนนี้ ผู้ชายที่ดีและเอาใจใส่แบบนี้ มีไม่มากแล้วนะ ได้ได้พบเจอแล้วต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดีรู้ไหม ”

ยากมากที่อาจารย์จะพูดล้อเล่นแบบนี้ ทำให้ทุกคนในห้องต่างก็หัวเราะออกมา มีแต่ฉีฉีเพียงคนเดียวที่รู้สึกอึดอัด

” มาส่งโจ๊กให้แต่เช้า ใส่ใจเธอมากจริงๆเลย ”

ฉีฉีวางอาหารนั้นไว้บนโต๊ะ ราวกับว่ามันเป็นมันฝรั่งร้อนๆอย่างนั้นแหละ

” โห ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนกัน ก็ช่วยๆกันนั่นแหละค่ะ ”

” แล้วทำไมเขาถึงไม่เอามาให้ฉันบ้างละ ”

” เธออยากกินหรอ? ถ้าอย่างนั้นไปมองเขาสิ แน่นอนว่าเขาต้องทำมาให้เธออีกชุดแน่ๆ เอาล่ะ พอเถอะ อาจารย์มองพวกเราอยู่นะ ”

พอหญิงสาวได้ยินแบบนั้น ก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆอีก ได้แต่ตั้งใจฟังบรรยาย

แต่ในใจของฉีฉีมันยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด

จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว มันทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแล้วยังทำให้ตัวเองอึดอัดใจอีกด้วย เธอควรจะหาโอกาสไปคุยกับชายใส่แว่นคนนั้นให้ชัดเจน

หลังจากเลิกเรียน ฉีฉีก็รีบไปหาชายใส่แว่น

ชายใส่แว่นกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉีฉีกลับพูดขึ้นมาก่อน

” ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ตามฉันมาหน่อย ”

พอเห็นว่าฉีฉีจะคุยกับตัวเองเป็นการส่วนตัวสองต่อสอง ทำให้เขาตกใจและมีความสุขมาก

เขาจัดปกเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วเดินตามฉีฉีไปทีสวนดอกไม้หลังอาคารเรียนอย่างมั่นอกมั่นใจ

ทางนี้ผ่านคนไม่มากนัก อีกทั้งยังสามารถคุยเรื่องที่ไม่อยากให้คนได้ยินได้ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองฝ่ายดูน่าเกลียด

แต่ว่าชายใส่แว่นกลับเข้าใจฉีฉีผิด

เขาคิดว่าฉีฉีเป็นผู้หญิงซื่อและไร้เดียงสาคนหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีใจที่ป่าเถื่อนขนาดนี้ แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว คนสองคนก็ต้องมีคนหนึ่งที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาก่อน

ชายใส่แว่นก้มหน้า หน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แต่ว่า เวลาผ่านไปนานมาก ฉีฉีก็ยังคงไม่พูดสักที

ไม่ใช่ว่าฉีฉีเปลี่ยนใจหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี

ถึงยังไงก็เป็นเพื่อนกัน ยังไงก็ต้องเจอหน้ากันอยู่แล้ว ถ้าฉีกหน้ากันตรงๆมันก็ไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย

แต่ว่าถ้าจะพูดแบบอ้อมๆเขาจะเข้าใจไหม?

ในระหว่างที่ฉีฉีกำลังครุ่นคิดอยู่ ชายใส่แว่นก็ได้พูดขึ้นว่า

” ฉีฉี กินอาหารเช้ารึยัง? ”

พอเห็นว่าฉีฉีไม่ยอมพูดสักที ชายใส่แว่นก็คิดว่าเธอเขินอาย เลยเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนแทน

ฉีฉีตกใจจากนั้นเธอก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า ” ยังไม่ได้กิน ”

” ทำไมละ? ไม่ชอบหรอ? ถ้าอย่างนั้นครั้งต่อไปฉันจะเปลี่ยนให้นะ เธอชอบกินอะไร? ”

ชายใส่แว่นหยิบสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งออกมาเตรียมจะจดในสิ่งที่ฉีฉีพูดจะได้ไม่มีข้อผิดพลาด

ยิ่งเห็นเขาเป็นแบบนี้ ฉีฉีก็เลยปัดสมุดเล่มเล็กของเขาลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ” สิ่งที่ฉันชอบกินมันมีเยอะแยะมากมาย แต่ว่าฉันไม่ชอบกินในสิ่งที่นายมอบให้ ”

” หมายความว่ายังไง ”

” นายดีกับฉันมากขนาดนี้ มันทำให้เพื่อนคนอื่นๆล้อเรื่องของพวกเขา มันทำให้ฉันทุกข์ใจมาก ”

ชายใส่แว่นคิดว่าฉีฉีเขินอาย ก็เลยทำมือยกมือขึ้นแล้วโบกไปมาจากนั้นพูดว่า ” เฮ้ พวกเขาจะพูดยังไงก็เรื่องของพวกเขาเถอะ เธอไม่ต้องสนใจหรอก ”

ฉีฉีเริ่มร้อนรน น้ำเสียงจึงโมโหตามด้วย

” ฉันจะไม่สนใจได้ยังไงกัน ข่าวลือเหล่านั้นมันส่งผลกระทบต่อชีวิตของฉัน ความใส่ใจที่นายมีให้ฉัน ฉันขอบคุณนายมากแต่ขอให้มันสิ้นสุดเพียงเท่านี้เถอะ เรายังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ความใส่ใจพวกนั้น รบกวนนายช่วยเอามันกลับไปด้วย ”

ชายใส่แว่นรู้สึกมึนงง เขาถามว่า ” ฉันก็แค่อยากเอาใจใส่เธอ แค่นี้ไม่ได้หรอ? ”

” ความเอาใจใส่ของนายสำหรับฉันแล้วมันคือภาระ นายเข้าใจไหม? ”

ชายใส่แว่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า ” ฉันไม่เข้าใจ ฉันชอบเธอแล้วมันผิดตรงไหน? ”

ฝ่ายตรงข้ามมีคำพูดหนึ่งหลุดออกมาทำให้ฉีฉีรู้สึกอึดอัดใจมาก

” ชอบ? ”

ชายใส่แว่นรู้สึกร้อนใจเลยสารภาพรักออกไปอย่างกะทันหัน

เดิมทีเขาอยากจะจัดฉากสารภาพรักอย่างโรแมนติก ไม่คาดคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ เขาในตอนนี้ไม่ได้เตรียมตัวใดๆทั้งสิ้น

แต่ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องพูดให้มันชัดเจน และถือว่าเซอร์ไพรส์ฉีฉีด้วย

ชายใส่แว่นยืดอกแล้วพูดอย่างเสียงดังว่า ” ใช่ ฉันชอบเธอ มาเป็นแฟนฉันเถอะ! ”

หลังจากได้ยินคำพูดของชายใส่แว่นแล้ว ฉีฉีไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่กลับปวดหัวด้วยซ้ำ

” เฮ้ ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันต้องการอ่านหนังสือทบทวนเท่านั้น ไม่อยากที่จะเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ ”

” ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะรอให้เราทั้งคู่สอบจนเสร็จ พอถึงเวลานั้น เธอค่อยตอบตกลงก็ได้ ”

น้ำเสียงที่มั่นใจมากของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ฉีฉียิ้มอย่างขมขื่น

ไอ้คนนี้มันฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไง นี่เธอปฏิเสธเขาไปแล้วนะอีกทั้งยังปฏิเสธชัดเจนมากด้วย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เข้าใจ

ฉีฉีก้มหน้าจนแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ชายใส่แว่นกลับคิดว่าเธอกำลังลังเล จึงจับไหล่เธอแล้วพูดว่า ” ฉันรู้ว่าเธอกลัวมันจะส่งผลกระทบกับการเรียนของเธอ จริงๆแล้วเราสามารถใช้การสอบครั้งนี้มาเป็นแบบทดสองของเราสองคน รอให้การสอบเสร็จสิ้นไป

ความสัมพันธ์ของเราต้องมั่นคงมากขึ้นแน่นอน ”

ฉีฉีมองหน้าชายใส่แว่นอย่างเซ็งๆ แล้วถามว่า ” นายฟังยังไงว่าฉันชอบนาย? ”

” ความรู้สึกไง ”

” ถ้าอย่างนั้นความรู้สึกของนายมันต้องมีปัญหาแน่ๆ ฉันไม่ได้ชอบนาย ”

เหอะๆ ครั้งนี้พูดชัดเจนขนาดนี้ ได้นี่คงจะยอมปล่อยมือสักทีนะ!

ฉีฉีสะบัดมือของชายใส่แว่นออก แล้สมองเขาด้วยสีหน้าที่เย็นชา

แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับยังคงมองฉีฉีอย่างลึกซึ้งแบบเดิมแล้วพูดว่า ” เฮ้ นี่เธอเขินหรอ? ไม่ต้องเขินหรอก จริงๆแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันจีบผู้หญิง ฉันยังไม่อายเลย เธอก็ไม่ต้องเขินหรอก ”

โอ้พระเจ้า ฉันไม่สามารถคุยกับคนแบบนี้ได้อีกต่อไป

ฉีฉีเงยหน้ามองท้องฟ้า หมดหนทางแล้วจริงๆ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

Status: Ongoing

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน