หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 265 จะอกแตกตายหรือไรหากมิได้ทําบ้า

ตอนที่ 265 จะอกแตกตายหรือไรหากมิได้ทําบ้า

ตอนที่ 265 จะอกแตกตายหรือไรหากมิได้ทําบ้า

มุมปากของหนานกงยวี่ยกเผยรอยยิ้มอันแสนดึงดูด น้ําเสียงอ่อนโยนก้องกังวานขึ้น “คลายใจเถิด ข้าจะกลับมาหาเจ้าเมื่อจัดการกับเจ้าสัตว์อสูรนี้แล้ว ! ทําตัวให้น่ารักรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน !”

กล่าวจบ เขายกมือขึ้นโบก จากนั้น ม่านพลังโปร่งใสที่ว่างเปล่าลูกนั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศ มันนําร่างของเกอซีย้ายเคลื่อนไปสู่ปากถ้ําบนชะง่อนผาที่ไกลออกไป

สถานที่แห่งนี้ไกลห่างจากตําแหน่งของหนานกงยวทั้ง ณ ตําแหน่งของหนานกงยี่ยังถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นลานประลองยุทธซึ่งถูกกั้นขวางไปด้วยม่านเมฆมืดครึ้ม สายฟ้า ตลอดถึงพายุจากตรงนี้ คงเห็นได้เพียงฝุ่นทราย กรวดผง เศษใบไม้ใบหญ้าที่ถูกพัดหอบลอยฟังอยู่ในอากาศ ใจกลางสถานที่นั้นถูกโอบล้อมไว้ด้วยอายพลังอันมืดมนอนธการอย่างเหลือแสน

การต่อสู้ที่ดุเดือดน้ํานั่นอยู่เบื้องหน้าโดยแท้ นางกลับไม่อาจแลเห็นทั้งไม่อาจยื่นมือเข้าช่วย !

เสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นก้องกังวานออกมาจากคลื่นพลังที่มืดมน

เพียงพริบตา ร่างของนกยักษ์ก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า มันโบกกระพือปีกที่ยาวกว่า 50 จ้างเกิดเสียงแหลมแหวกอากาศเสียดหูดังสะท้อนไปทั่วหุบเขา

*1 จ้างคือ 2 เมตร 50 จ้างคือ 100 เมตร

หินที่แตกหักตามเงื้อมเขาถูกกวาดเข้าไปในวงพายุเหล่า พฤกษาทั้งหลายถูกถอนดึงออกจากพื้นดิน ทั่วทุกหนแห่งฟังพินาศกระจัดกระจายทั้งบางส่วนยังกระเด็นมากระแทกเกอซีหากทว่ายังดีที่นางถูกปกป้องไว้ด้วยม่านปราการอันว่างเปล่า

หญิงสาวกําหมัดแน่น สิ่งที่เห็นมีเพียงเงาร่างของหนานกงยวที่พุ่งทะยานขึ้นเสียดฟ้าประดุจลูกธนูที่รวดเร็วกระทั่งไม่อาจแลเห็นปลายทางคงทิ้งไว้เพียงสายเงาที่ปรากฎกระทั่งร่างนั้น เข้าไปหยุดประจันหน้ากับเจ้านกยักษ์

เงาร่างหนึ่งดําหนึ่งน้ําตาลอ่อนที่ตรงเข้าตะลุมบอนกันกลางเวหานั้นปลดปล่อยคลื่นพลังปะทะอันหนักหน่วงที่สะเทือนเลื่อนลั่นน่าตื่นตระหนกไปตลอดทั่วทั้งหุบเขา

เมื่อขนนกสีน้ําตาลหลุดกระจายปานห่าฝนในที่ไกลลิบตาทั่วท้องนภาลังถูกแต่งแต้มด้วยดอกไม้เพลิงประดับท้องนภา ให้พร่างพรายงดงามพร้อมกันนั้นคือกลิ่นอายเลือดเข้มข้นที่เติมเต็มทั่วชั้นบรรยากาศ

เกอซีผู้ถูกกักไว้ที่ปากถ้ํายามนี้สามารถรับรู้ได้ถึงแรงพลัง ภายในม่านปราการที่โอบล้อมตนเริ่มอ่อนกําลังลงเรื่อย ๆ ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงแรงพลังของหนานกงยวในยามนี้กําลังลดทอนลงไปเรื่อย ๆ เช่นกัน

ยามนี้นางร้อนใจประดุจถูกย่างอยู่บนถ่านทั้งเป็น แม้เพี ยรพยายามทุบทําลายม่านปราการนี้เท่าไร ทุกสิ่งกลับไร้ผล

ทันใดนั้นเสียงแผดร้องโหยหวนของเจ้านกยักษ์พลันดังลั่นบาดแก้วหู ทั่วท้องนภาเจิดจ้าสว่างวาบฟ้าร้องก้องคําราม สายฟ้าสีดําพุ่งตรงเข้าตัดลําคอเจ้านกยักษ์อย่างเหี้ยมโหดก่อนจะตรงเข้าเสียบแทงสู่หัวใจ

เกอซีจ้องมองผืนฟ้า ในหัวพลันว่างเปล่า ม่านพลังที่โอบล้อมรอบกายเลือนหาย

ติดตามมาพร้อมกับเสียงที่ก้องกังวานเลื่อนลั่นไปทั่วหุบ เขาคือร่างไร้วิญญาณของนกยักษ์ที่ร่อนถลาจากแผ่นฟ้ากระแทกผืนดินอย่างหนักจนก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่

หนานกงยวค่อย ๆ เคลื่อนกายร่อนลงจากกลางเวหาในมือของเขายังกุมกระบี่ปลายเท้าจรดลงด้านข้างร่า งนกยักษ์

เกอซีถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความคลายใจฝ่ามือที่กําแน่นกระทั่งแทบจิกเข้าเนื้อคลายออก หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาหนานกงยวอย่างไม่รีรอ

เพียงขยับเข้าใกล้พอให้เห็นหนานกงยวอย่างชัดเจนอากาศที่สูดเข้ากายพลันเย็นเยียบดุจน้ําแข็ง

นอกจากใบหน้าที่ซีดขาวนั่นแล้ว ตลอดทั่วรางของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งบาดแผล แม้ทั่วร่างจะชุ่มโชกไปด้วยสายโลหิตทว่ากลับไม่อาจทําลายภาพอันงดงามตราตรึงใจที่ดูคล้ายเขากําลังอาบแช่อยู่ในธารโลหิต

ท่อนแขนข้างหนึ่งถูกทิ้งห้อยแนบลําตัวในสภาพสิ้นไร้เรี่ยวแรงแน่ชัดแล้วว่ากระดูกแขนข้างนี้แตกหัก

ทว่าแม้เพียงนั้น เมื่อเขาเห็นใบหน้านาง มุมปากของเขา ยังคงยกขึ้นเพื่อแย้มยิ้มส่งให้ด้วยความรักความอาทร “ซีเออ เห็นไหม ! ดังที่ข้ากล่าวกับเจ้าข้าคือบุรุษของเจ้า ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้อย่างแน่นอน !”

ยามนี้ภายในใจของเกอซีกลับระคนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายทั้งเจ็บปวดทั้งเพื่อนขมทั้งเกรี้ยวกราดหาใด ปาน ทั้งห่วง ทั้งกังวล ความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลประดัง ประเดเข้าหากันกระทั่งทําให้น้ําเสียงที่เผยผ่านปากของนางสั่นเครือไปหมด “หนานกงยวอกจะแตกหรือไรหากมิได้ทําบ้าเช่นนี้ ! ผู้ใดต้องให้เจ้าปกป้องกันเล่า ? !”

แม้ปากจะกล่าวออกไปเช่นนั้น หากทว่าเข็มเงินกลับพร้อ มรออยู่ในมือเรียบร้อย

หญิงสาววางท่าเฉยคล้ายไม่ยี่หระใด นางค่อย ๆ ราดทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าใส่ปากแผลยัดเม็ดโอสถใส่ ปากอีกฝ่าย

นับเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ฝ่ามือซึ่งคีบจับเข็มเงินของนางนั้นเย็นเฉียบ และสันระริก

นางไม่อาจยอมรับความจริงในข้อนี้ กระนั้นความหวาดกลัวความตื่นตกใจที่ได้รับเมื่อต้องถูกขังอยู่ในม่านปรากการอันว่างเปล่านั้นทําให้จิตใจของนางอ่อนแอลงที่ล ะน้อย

หนานกงยี่กุมอุ้งมือน้อย ๆ ที่ทั้งเย็นเยียบ และสั่นระริก ไว้ก่อนจะเอ่ยปลอบใจด้วยน้ําเสียงแสนอ่อนโยน “ซีเอ๋อ ไม่ ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร !”

“ผู้ใดเป็นห่วงกัน !” นางสวนตอบอย่างเกรี้ยวก ราดได้ทันควันทั้งที่เสียงกัดฟันยังดังกรอด….

ชายหนุ่มเหยียดแขนออกลูบไล้ขอบตาแดงก่ําของนาง น้ําเสียงที่ก้องกระทบหูนางนั้นแหบพร่าแผ่วเบา “อืม… ทว่าข้าห่วง ห่วงว่าข้าจะไม่อาจหาหนทางปกป้องเจ้าได้ ห่วงว่าซีเอ๋อจะคิดว่าข้าไม่ดีพอทั้งยิ่งห่วงว่าเจ้าจะไป ชื่นชอบบุรุษอื่น !”

***จบตอน จะอกแตกตายหรือไรหากมิได้ทําบ้า***

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

Status: Ongoing

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

เมื่อนางคือสุดยอดมือสังหารเกียรติยศระดับเหรียญทองแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ถูกส่งผ่านข้ามกาลเวลามาสู่ร่าง คุณหนูสาม น่าหลานเกอซี แห่งตระกูลแพทย์ผู้ปรุงโอสถอันลือลั่น นางผู้สิ้นดี นางผู้ถูกกลั่นแกล้งสารพัด

นางคือผู้ที่ไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลังจึงมิอาจโคจรฝึกฝนพลังปราณเยี่ยงผู้อื่นได้เช่นนั้นล่ะหรือ? จะต้องเกรงไปไย เมื่อนางคือยอดหมออัจฉริยะสวรรค์บันดาน แค่อาการจิ๊บจ้อยเพียงเท่านี้ ไม่พอมือนางหรอก บิดาไม่เอ็นดูข้า มารดาไม่รักข้า ทุกคนล้วนข่มเหงรเหยียบย่ำข้ากระนั้นหรือ? ฮึ่ม! เมื่อนางคือผู้ครอบครองมิติและสัตว์เวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ผู้เทียบเทียม เช่นนี้แล้ว ไยนางต้องแสร้งทำตนเป็นคุณหนูลูกแหง่ในสกุลน่าหลานอีกเล่า!

ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ ร่างกายที่ผ่ายผอมแลดูอมโรคนั้น หาได้มีผู้ใดต้องการมันใช่ไหม? เพียงชั่วพริบตา นางจะกระชากหน้ากากเดิมเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ทำให้บุรุษรูปงามเป็นโหลๆต้องคอยเฝ้าล้อมหน้าล้อมหลัง! หากแต่บุรุษจอมเผด็จการผู้นั้นกลับยังตามตื้อกันไม่เลิกไม่ราตั้งแต่งานประมูลเมื่อคราก่อน

ผู้ใดบอกว่าชีวิตของข้าต้องขึ้นอยู่กับเจ้ากัน? ชีวิตของข้าย่อมต้องเป็นของข้า! ข้าจะมิยอมให้ผู้ใดมากำหนดชีวิตของข้าได้!

บุรุษนิรนาม : เช่นนั้นชีวิตของข้าก็เป็นของเจ้า แล้วแต่เจ้าจะบัญชาให้เป็นไปดีไหม?

*****

ลำดับขั้นแห่งการฝึกฝนพลังปราณอันต้องอาศัยผู้ที่มีรากฐานแห่งพลังอันเนื่องด้วยกระแสจิตวิญญาณเท่านั้นจึงจะสามารถควบกลั่นโคจรพลังปราณในกายได้ ไล่เรียงลงไปตามลำดับขั้นจากขั้นพื้นฐานไปถึงขั้นสูงสุดมีทั้งหมด 9 ขั้น โดยกำลังปราณแต่ละขั้นมี 10 ระดับ

กำลังปราณขั้น 1 เมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม กำลังปราณขั้น 2 ปฐมภูมิโลกันต์ กำลังปราณขั้น 3 พลิกผันอเวจี กำลังปราณขั้น 4 ปฐพีสะท้านสะเทือน กำลังปราณขั้น 5 ย้ายเคลื่อนจิตวิญญาณ กำลังปราณขั้น 6 เปิดม่านฟ้าดิน กำลังปราณขั้น 7 ทะลวงสิ้นโลกสาม กำลังปราณขั้น 8 ก้าวข้ามสูญญภพ กำลังปราณขั้น 9 สยบทั้งจักรวาล

ผู้แปลไม่ได้เก่งภาษาจีน เป็นการแปลจากภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชื่อเฉพาะของบุคคลและสถานที่ต่างๆอาจผิดเพี้ยนไปต้องขออภัยอย่างยิ่งนะคะ หากท่านใดไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ขอเชิญมาสนุกด้วยกันเลยค่า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท