“นั้นสิ ชางเอ๋อร์ก็มิเคยคาดคิดเช่นกัน ว่าเสด็จพี่จะสวยเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นบุตรสาวของฮองเฮาผู้สูงส่งอีก. เป็กที่รักของเสด็จพ่อ อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีความสามารถมากมาย เป็นถึงบุคคลที่ผู้คนในเมืองหลวงใฝ่ฝันอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ชายใดที่เคยชมชอบเสด็จพี่ล้วนแต่เป็นผู้โชคดี “หยุนชางพลันยื่นมือออกไปจับใบหน้าของหนิงหัวจิ้งให้เงยขึ้นมา “ฮ่าฮ่า หากผู้ชายที่ชอบเสด็จพี่ในตอนนั้น ได้มาเห็นเสด็จพี่ในสภาพเช่นนี้ มิรู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกเช่นไร”
ร่างกายของหนิงหัวจิ้งพลันสั่นเทา “พุ้ย” เสียงอาเจียนหันไปทางหยุนชาง หากแต่หยุนชางพลันหลบได้ทัน พร้อมร้อยยิ้มที่เหี้ยมเกรียมขึ้นมาว่า “ทำไมเสด็จพี่ถึงดูตื่นเต้นเช่นนี้ ?”
“หนิงหยุนชาง เจ้าช่างเป็นคนเนรคุณเสียจริง มารดาของเจ้าก็เป็นแค่สนมที่ต่ำต้อยที่เข้าไปในตำหนักเย็น ยังเป็นเสด็จแม่ข้าที่สงสารเจ้า ถึงได้ชุบเลี้ยงเจ้ามานานหลายปี เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำกับข้าเช่นนี้ ” หนิงหัวจิ้งกล่าวออกมาอย่างขุ่นเคือง ราวกับหญิงสาวที่ไม่ได้รับการสั่งสอน
หยุนชางพลันหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ท่านกำลังเล่าเรื่องตลกอยู่หรือ ? เสด็จแม่ของท่าน ชุบเลี้ยงข้ามาหลายปี ? หากมิใช่เสด็จพ่อจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เสด็จแม่ของท่านคงลงมือไปแล้ว เกรงว่าพวกท่านคงกำจัดข้าไปนานแล้วกระมัง ครั้งเมื่อข้ายังเด็กต้องได้รับความยากลำบากเพียงใด โดนผลักนู่นโดนกระแทกนี่อยู่บ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นผลงานชิ้นเอกของเสด็จแม่ของท่าน เบื้องหน้าทำตัวอ่อนโยนต่อข้าเสียมากมาย หากแต่ลับหลังลอบทำร้ายข้าไปไม่รู้กี่รอบ ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรือ ? หลังจากข้ากลับมาที่วังได้ไม่นาน ที่หอเฉี่ยงซินครั้งนั้น ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรือที่ท่านลอบวางยาข้า ? หากมิใช่ว่าจิ้งอ๋อง เกรงว่าข้าคงโดนท่านวางยาพิษเข้าแล้ว ”
“ฮ่าฮ่า ใช่ไง ชะตาเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน เจ้าเป็นเพียงบุตรของนางสนมที่อยู่ในตำหนักเย็น. เหตุใดต้องมาแข่งกับข้าเพื่อแย่งความโปรดปรานจากท่านพ่อกัน ? ทำไมพวกเขาล้วนแต่พูดว่าเจ้าน่ารักกว่าข้า ? ทำไมสิ่งที่ข้าอยากได้ เสด็จพ่อต้องให้เจ้าด้วย ทำไมกัน ? ข้าต้องการทำลายเจ้า ทำให้ทุกคนล้วนแต่รังเกียจเจ้า ” หนิงหัวจิ้งพลันหัวเราะออกมาเสียงดังว่า “เจ้าแค่โชคดีเพียงเท่านั้น ที่ได้จิ้งอ๋องมาครอบครอง เพื่อให้เขาปกป้องเจ้า ช่างไร้ยางอายเสียจริง เกรงว่าเจ้าและจิ้งอ๋องคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกันมานานแล้ว ”
หยุนชางคร้านที่จะด่ากับนางแล้ว พลางยิ้มขึ้นมาว่า “แผนการของเสด็จพี่ช่างแยบยลเสียจริง แม้แต่ข้าก็เกือบตกหลุมพลางไปแล้ว. วันนั้นที่ตำหนักจิ้นหลวน เสด็จพี่บอกว่า ข้าฆ่าคนไป และยังบอกอีกว่าข้าเป็นองค์หญิงตัวปลอม พลางต้องการให้ข้ากรีดเลือดพิสูจน์พ่อลูกกับเสด็จพ่อ ข้าเกือบจะเชื่อว่านั้นเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว มิคิดว่าท่านเกลียดข้าจนถึงต้องใส่ร้ายข้า มิคิดว่าเสด็จพี่ต้องการให้ข้าอยู่มิสู้ตายเช่นนี้ ส่งข้าไปเข้าคุกพร้อมทั้ง ยังคำนวณการตายของรัชทายาทแคว้นเซี่ยไว้อีก”
“เจ้าพูดอะไร “หนิงหัวจิ้งแววตาสั่นไหวมองไปยังที่หยุนชาง
“หื้ม ? เสด็จพี่มิได้สารภาพทุกอย่างออกมาแล้วหรือ ? เมื่อเห็นข้าแล้ว มิใช่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในกำมือของข้าแล้วมิใช่หรือ ยังจะเสแสร้งว่าตนเองยังมีพลังเป็นต่ออีกหรือ ? ” หยุนชางเมื่อพูดอยู่นั้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ข้าบอกกับท่านอ๋องไว้แล้ว ว่าข้าไม่สามารถมาเคร้นความลับจากเสด็จพี่ได้ ดูสิ เสด็จพี่ ข้ารู้จักท่านดีถึงขนาดไหน รู้ถึงว่าเมื่อท่านได้พบข้าแล้ว ท่านจักไม่พูดความจริงออกมา”
หยุนชางพลันถอยหลังไปสองก้าว พร้อมสังเกตุท้องของหนิงหัวจิ้ง ราวกลับมีบางอย่างที่หน้าสนใจเกิดขึ้น หยุนชางพลันส่งเสียงออกมาว่า “เฮอะ ” พร้อมเงยหน้ามามองหนิงหัวจิ้งว่า “เสด็จพี่ ลูกในท้องของท่านช่างแข็งแรงเสียจริง ถูกทรมานขนาดถึงเพียงนี้ ก็ยังไม่หลุดออกมา. ข้าคิดว่าท่านใช้ยาปลุกกำหนัดที่แคว้นเย้หลางไปมากมายเพื่อมัดใจชางเจี่ยคังหนิง เกรงว่าครั้งนี้คงเก็บเด็กไว้ไม่ได้แล้วกระมัง ”
หนิงหัวจิ้งได้ยินดังนั้น. ในแววตามีความหวาดกลัวเกิดขึ้น “เจ้าจักทำอะไร ?”
หยุนชางมิได้ตอบอะไรนาง ใบหน้าพลันเปิดเผยความสนุกออกมาเล็กน้อย พร้อมยิ้มออกมาว่า “ใช่แล้ว เสด็จพี่ยังจำการแข่งม้าครั้งล่าสุดได้หรือไม่ ที่เสด็จพี่ตกลูกในครั้งนั้น ? ” หยุนชางพลันหัวเราะออกมาเบา ๆว่า “ลูกของท่านค่อย ๆ ตายไปอย่างช้า ๆ ท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง ? ท่านพอจะจำได้หรือไม่ ? สายตาที่เห็นลูกของตนเองค่อย ๆ ตายไป ท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง ? เช่นไร ? ” ในดวงตาของหยุนชางมีร่องรอยการฆ่าฟันเกิดขึ้น พร้อมเต็มไปด้วยความเจ็บปวดว่า “น้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดเช่นนั้นทุกคืนเลย. เสด็จพี่มารู้สึกเช่นหม่อมฉันบ้าง ดีหรือไม่ ? ”
หนิงหัวจิ้งพลันกัดฟันหัวเราะออกมา “หนิงหยุนชาง. เจ้ามันบ้า เจ้ามาสิ ข้าทำไมต้องกลัวเจ้า ? แม้ว่าข้าจะต้องตายก็ไม่กลัว เจ้าจงรู้เอาไว้ หากข้าตายขึ้นมา น้องชายของเจ้าคงมิมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่ เจ้าคิดจริง ๆ หรือ ข้าและฮองเฮาปลูกฝังผู้คนมานานหลายปี. จะสามารถให้เจ้ามากำจัดได้ง่าย ๆ หรือ ? เจ้าจงรู้ไว้. วันนั้นที่กรีดเลือดเพื่อพิสูจน์สายเลือดนั้น ข้าสามารถเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นน้ำมันได้โดยง่าย ? แม้ว่าในวังหลังจะเปลี่ยนผู้คุมคนใหม่ แม้ว่าเสด็จแม่จักตายไปแล้ว หากจะฆ่าใครสักคนในวังหลัง มันยังเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้าอยู่ หนิงหยุนชาง เจ้าคอยดูเถิด หากเจ้ากล้าลงมือกับข้า ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจไปตลอดชีวิต”
หยุนชางพลันกำมือเล็กน้อย พร้อมครุ่นคิดอยุ่ชั่วครู่ พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า “ท่านเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำมันโดยง่ายแล้วเป็นเช่นไร ? มิใช่ว่าตอนนี้ข้ารู้แล้วหรือ ? รอบตัวเฉินซีใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าไปได้ ต้องขอบคุณคำเตือนของเสด็จพี่ เมื่อกลับไปในวังเมื่อใดข้าจะไปช่วยปกป้องอีกแรง”
หนิงหัวจิ้งพลันขมวดคิ้วขึ้นมา “ได้ ! ดี หนิงหยุนชาง เจ้าช่างดีจริง ๆ ข้าสู้เจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าชนะแล้ว หากแต่เจ้าชนะได้นั้นเพราะมีจิ้งอ๋องคอยปกป้องอยู่ ชนะเพราะโชคช่วย ข้ามิเชื่อหรอก ว่าเจ้าจะโชคดีอย่างนี้ไปตลอด แม้ว่าจิ้งอ๋องจะสามารถปกป้องเจ้าไปได้ตลอด ข้าได้ยินมาว่้า เขาคือจักรพรรดิแคว้นเซี่ย. หากเมื่อใดที่เขาได้ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิจริง ๆแล้ว สนมในวังหลังทั้งสามพันคน จะมีใครจำเจ้าได้อีกหรือ ? หนิงหยุนชาง วันนี้เจ้าหัวเราะไปเถิด จะต้องมีสักวันที่เจ้าจักได้ร้องให้ออกมา แม้ว่าข้าจักตายไปแล้ว ข้าจักคอยดูอยู่บนฟ้า ว่าเจ้าจะภูมิใจในตนเองไปได้สักแค่ไหรเชียว”
หยุนชางพลันเลิกคิ้วเบา ๆ พร้อมหัวเราะออกมาว่า “เสด็จพี่พูดตลกเสียจริง คนใจทรามเช่นท่าน. จักต้องตกนรกอย่างแน่นอน ท่านจะมามองดูข้าบนฟ้าได้อย่างไร ” เมื่อพูดจบพลันออกคำสั่งว่า “ลั่วอี้ ไปเอาไม้มา ขอหนา ๆ สักหน่อย แล้วตีไปที่ท้องนาง ตีไปแรง ๆ ”
ลั่วอี้เมื่อได้รับคำสั่งนั้น พลันสั่งให้คนไปเอาเครื่องไม้เครื่องมือมา พร้อมหาแท่งไม้หนา ๆ พลางนำมาให้หยุนชางดู “หวางเฟย. ด้ามนี้เป็นนเช่นไร พะยะค่ะ ?”
หยุนชางพลันตอบออกมา พร้อมพยักหน้าลงว่า “ไม่เลว เหมาะกับข้าเป็นอย่างดี ตี !”
ลั่วอี้พลันรับคำสั่งด้วยความรวดเร็ว พร้อมหวดไปที่ท้องของหนิงหัวจิ้งด้วยความรุนแรง หนิงหัวจิ้งพลันกัดฟันมิส่งเสียงร้องอันใดออกมา เหงื่อผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า สีหน้าที่ซีดขาว ดูเหมือนจะเจ็บปวดถึงขีดสุด พลางอ้าปากออกมา หากแต่ก็มิพูดอันใดออกมาสักคำ
ใบหน้าของหนิงหัวจิ้งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด พลางกัดริมฝีปากของตนเองเพื่อมิให้ส่งเสียงร้องออกมา หยุนชางมองไปยังเลือดที่นองอยู่บนพื้น พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่เจ็บปวดของหนิงหัวจิ้ง ที่สลบไปแล้ว หยุนชางพลันบีบฝ่ามือของตนเองเบา ๆ พร้อมหลับตาลงอย่างช้า ๆ เพียงชั่วครู่ก็ถอนหายใจออกมาว่า “ชั่งเถอะ ให้นางไปดีเสียเถิด ”