ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง – บทที่ 426 ไต่สวนคดี

บทที่ 426 ไต่สวนคดี

“เจ้าก็แค่อยากพบหลิ่วหยินเฟิงใช่หรือไม่?” จิ้งอ๋องจ้องไปที่หยุนชางพร้อมกล่าวขึ้น อารมณ์ในดวงตาของเขาวูบไหว ในยามที่หยุนชางกำลังจะปฏิเสธก็ได้ยินจิ้งอ๋องกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปหาหลิ่วหยินเฟิงเถอะ เพียงแต่ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

หยุนชางตะลึงงัน ผลที่ได้ต่างจากที่นางคิดไว้เล็กน้อย “แต่หากท่านไปกับข้า เรื่องที่ท่านปรากฏตัวก็ไม่สามารถปิดไว้ได้อีกไม่ใช่หรือ?”

จิ้งอ๋องกล่าวอย่างเฉยเมย “เซี่ยหวนอวี่เห็นข้าแล้ว หลิ่วหยินเฟิงจะไม่รู้ได้อย่างไร?”

เมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้วก็สั่งให้พ่อบ้านเตรียมรถม้า จิ้งอ๋องขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังเรือนรับรอง หยุนชางรีบจับมือของจิ้งอ๋องไว้พลางกล่าวว่า “เมื่อถึงที่นั่นแล้วย่อมต้องพบเซี่ยหวนอวี่อย่างแน่นอน นอกจากนี้หลิ่วหยินเฟิงไม่ได้อาศัยอยู่ในเรือนรับรองนี้ เขาอาศัยอยู่ที่จวนเล็กๆ ที่ท่านพบข้าถูกลอบสังหารในตอนนั้น พวกเราตรงไปที่นั่นกันเลยเถอะ”

เป็นการดีที่สุดที่จะไม่พบเซี่ยหวนอวี่ จิ้งอ๋องไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก็สั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปที่จวนนั้น ประตูจวนปิดสนิท จิ้งอ๋องและหยุนชางลงมาจากรถ หยุนชางก้าวไปข้างหน้าและเคาะห่วงเหล็กที่ประตู เมื่อเสียงเคาะดังขึ้นสามครั้งก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังมาจากด้านใน “มาแล้วๆ”

หยุนชางขมวดคิ้วคิดว่าเสียงนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่หลิ่วหยินเฟิง เมื่อประตูถูกเปิดออกก็เห็นชายผู้หนึ่งที่แต่งตัวเหมือนข้ารับใช้โผล่หน้าออกมาจากประตูและมองดูหยุนชางอย่างประเมิน ดวงตาเปล่งประกายวาววับ หลังจากนั้นก็มองไปยังจิ้งอ๋องที่อยู่ของหยุนชางอย่างลังเล “พวกท่านคือ?”

หยุนชางยิ้มบางๆ และเอ่ยเสียงเบาว่า “เรามาหาคุณชายหลิ่วหยินเฟิง เขาอยู่หรือไม่?”

ข้ารับใช้รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อยู่ขอรับ คุณชายอยู่ขอรับ แต่ปกติคุณชายไม่ค่อยพบแขก รบกวนพวกท่านโปรดรอสักครู่ ข้าขอไปรายงานคุณชายก่อน” เขารีบวิ่งกลับไปโดยไม่ปิดประตูด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน หลิ่วหยินเฟิงก็เดินออกมาด้วยตนเอง ดวงตาของเขาจ้องไปที่ร่างของหยุนชางด้วยรอยยิ้ม “อาหยุน? ทำไมเจ้า…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เห็นมือหนึ่งปรากฏขึ้นบนไหล่ของหยุนชาง จิ้งอ๋องก้าวเข้ามาด้านหน้าแล้วโอบหยุนชางไว้พลางมองหลิ่วหยินเฟิงอย่างเฉยเมย “เป็นข้าที่ต้องการขอคำแนะนำจากกุนซือหลิ่ว ชางเอ๋อร์อยู่ในจวนทั้งวันคงรู้สึกอึดอัด ข้าจึงพานางออกมาเดินเล่น”

รอยยิ้มที่ผุดขึ้นในดวงตาของหลิ่วหยินเฟิงค่อยๆ จางลงทีละน้อย มุมปากที่ยังไม่ทันโค้งขึ้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆ อย่างสุภาพ “ที่แท้เป็นจิ้งอ๋องนี่เอง แขกผู้มีเกียรติมาเยือนถึงที่ ขออภัยที่ข้อไม่ได้มาต้อนรับอย่างดี เชิญจิ้งอ๋องกับพระชายาเข้ามาข้างในเถิด”

จิ้งอ๋องได้ยินคำเรียกหยุนชางของเขาเปลี่ยนจากอาหยุนมาเป็นพระชายาก็พึงพอใจมาก แต่ใบหน้าของเขากลับยังคงสงบราบเงียบ “รบกวนท่านแล้ว” เขาพูดพลางเอามือที่โอบไหล่หยุนชางมาจับมือนางแล้วจูงเข้าไปในจวน

คราวที่แล้วหยุนชางค่อนข้างร้อนใจจึงไม่ได้สังเกตบรรยากาศในจวน ตอนนี้เวลาผ่านไปได้สักพักแล้ว ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิบานสะพรั่ง ต้นไม้ในสวนของเขาก็ออกดอกบานสะพรั่งเต็มไปหมดเช่นกัน หยุนชางจึงพบว่าเดิมต้นไม้ที่มีแต่กิ่งในยามนั้นคือต้นท้อและตอนนี้ดอกท้อกำลังเบ่งบานฟุ้งกำจายไปด้วยกลิ่นหอม ทำให้ทั้งจวนดูเป็นสีชมพู

หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองอยู่เป็นเวลานานก่อนจะเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าทิวทัศน์ที่ดอกท้อบานเต็มไปหมดเป็นเช่นนี้นี่เอง ช่างงดงามจนละสายตาไม่ได้เลย”

หลิ่วหยินเฟิงมองหยุนชางด้วยดวงตาอ่อนลงเล็กน้อย “ข้าชอบดอกท้อ แต่แคว้นหนิงอากาศหนาวเย็นกว่าแคว้นเซี่ยเล็กน้อยจึงมีดอกบ๊วยมาก แต่กลับมีดอกท้อน้อย ข้าพยายามอย่างมากจึงจะหาต้นเหล่านี้มาได้ หากเจ้าชอบ หากมาที่แคว้นเซี่ยแล้วเจ้าจะต้องชอบฤดูใบไม้ผลิแน่ เพราะดอกท้อเป็นดอกไม้ประจำแคว้นเรา มีให้พบเห็นได้ทุกที่ โดยเฉพาะบนภูเขากวงอู้ ที่นั่นเต็มไปด้วยดอกท้อ ที่นั่นต่างห่างที่งดงามจนแทบลืมหายใจ”

“โอ้?” หยุนชางยิ้มบางๆ “นั่นทำให้ข้าคาดหวังเสียแล้ว”

หยุนชางเริ่มรู้สึกได้ว่าคนข้างกายนางเริ่มมีทีท่าเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่กล้าคุยเล่นกับหลิ่วหยินเฟิงอีก นางรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ที่มาหาคุณชายหลิ่วครั้งนี้มีเรื่องอยากให้ท่านช่วย ไม่เช่นนั้น…”

หลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็เชิญท่านอ๋องกับพระชายาเข้าไปในห้องก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อทั้งสามนั่งลงในห้องและข้ารับใช้นำชามาให้แล้ว หยุนชางก็หันไปมองจิ้งอ๋อง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยอะไรออกมา นางจึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และเอ่ยว่า “คราวที่แล้วได้ยินคุณชายหลิ่วเอ่ยถึงธูปพระพุทธเจ้า ยามว่างข้าเองก็ชอบศึกษาสมุนไพรจึงรู้สึกสนใจนิดหน่อย ช่วงนี้ข้าอยู่ในจวนก็ไม่มีอะไรทำจึงได้ค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องและลองดูว่าจะทำออกมาได้หรือไม่ แต่ก็หาไม่เจอเลยจึงมาขอธูปนั้นจากคุณชายหลิ่วสักชิ้นหนึ่งเพื่อดูสักหน่อยว่ามันทำมาจากอะไร”

หลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเลย เขายิ้มและพยักหน้า “ในเมื่อท่านต้องการ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ” เขาพูดพลางหันศีรษะไปหาข้ารับใช้ “ไปเอาขวดไพลินเล็กๆ ในลิ้นชักช่องที่สี่จากด้านซ้ายบนชั้นสามของตู้หนังสือในห้องของข้ามาที”

ข้ารับใช้รับคำแล้วออกจากห้องไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมขวดไพลินยื่นให้แก่หลิ่วหยินเฟิง หลิ่วหยินเฟิงรับมาดมดูเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยว่า”นี่คือธูปพระพุทธเจ้า ตอนนี้ไม่ได้มีผลอะไร เป็นเพียงยาธรรมดาเท่านั้น แต่หากจุดแล้วมันจะปล่อยกลิ่นหอมประหลาดออกมา ต้องระวังอย่าดมเข้าเสียเอง” เขาพูดพลางยื่นให้ข้ารับใช้เอาไปให้หยุนชาง

หยุนชางรับมาอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ต้องขอขอบคุณคุณชายหลิ่วมาก”

เมื่อเรื่องของหยุนชางจบแล้ว จิ้งอ๋องจึงได้เอ่ยปากขึ้น “ข้าได้ยินว่าคุณชายหลิ่วเป็นอาจารย์ของอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยและยังเป็นบุตรบุญธรรมของท่านซือถูหลิ่วจิ้นอีกด้วย?”

มือที่ถือฝาถ้วยน้ำชาของหลิ่วหยินเฟิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ บิดามารดาของข้าตายตั้งแต่ยังเด็ก ท่านซือถูช่วยข้าไว้และอุปการะเลี้ยงดูข้าภายใต้นามของท่าน เพื่อตอบแทนพระคุณ ข้าจึงตกลงเป็นอาจารย์ของท่านอ๋องเจ็ด”

จิ้งอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อย “ตอนนี้ทั้งท่านกุนซือและซือถูต่างก็เป็นขุนนางในราชสำนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากท่านซือถูและจักรพรรดิแห่งแคว้นเซี่ยมีความเห็นไม่ลงรอยกัน ท่านจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”

หลิ่วหยินเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ผงะไปครู่หนึ่ง ประกายในดวงตาของเขาสั่นไหว ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยเสียงเบา “เมื่อเป็นขุนนางย่อมต้องสนับสนุนผู้เป็นนาย”

จิ้งอ๋องกวาดตามองใบหน้าสงบนิ่งของหลิ่วหยินเฟิงและหัวเราะเบา ๆ “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิแห่งแคว้นเซี่ยจึงได้ยกย่องชื่นชมท่านเสมอ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ระหว่างทางกลับจวน หยุนชางเหลือบมองจิ้งอ๋องหลายครั้งก่อนที่จะถามเบาๆ ว่า “ทำไมท่านอ๋องจึงได้ถามคำถามเหล่านั้นกับคุณชายหลิ่วหรือเพคะ? พวกเราเป็นแขก ท่าทางข่มขู่เช่นนั้นดูออกจะเกินเลยไปหน่อย แม้ว่าคุณชายหลิ่วจะตอบ แต่นั่นก็เป็นเพียงคำตอบที่อาจไม่ได้มาจากใจจริง

จิ้งอ๋องยิ้มและลูบศีรษะพลางกระซิบ “ข้าไม่ชอบให้เจ้าเอ่ยถึงชายอื่นต่อหน้าข้า”

“…” หยุนชางอึ้งไปครู่หนึ่ง หลุบตาลงอย่างเชื่อฟังและไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลย

ไม่นานรถม้าก็หยุดลง จิ้งอ๋องลงมาจากรถก่อน เขายื่นมือออกมา หยุนชางจับมือของเขาและลงจากรถ แต่กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ด้านหน้าจวนจิ้งอ๋อง หยุนชางหันไปมองจิ้งอ๋องอย่างตกตะลึง จิ้งอ๋องจึงกล่าวว่า “เจ้าเพิ่งได้ธูปพระพุทธเจ้ามาไม่ใช่หรือ? พวกเราไปดูกันเถอะว่าเครื่องหอมชนิดนี้จะใช้ได้ผลขนาดไหน?”

ประกายประหลาดใจระคนยินดีแวบเข้ามาในดวงตาของหยุนชาง นางรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “เพคะ”

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง

Status: Ongoing

ในภพก่อน นางเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ มีเสด็จพ่อที่ทรงโปรด “เสด็จแม่” ทรงตามพระทัย พี่หญิงที่คอยปกป้อง พระสวามีคอยดูแล จนนางมีนิสัยที่หยิ่งผยอง จนกระทั่ง นางได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าพี่หญิงผู้ที่ตนเคารพนับถือที่สุด และพระสวามีที่รักของตนได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน ลูกชายที่ป่วยหนักถูกพระสวามีลงมือฆ่าด้วยตัวเอง นางจึงตระหนักว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เป็นกลยุทธ์ที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบโดย “เสด็จแม่” การทรยศ เหล้าที่อาบยาพิษ นางสูญเสียทุกสิ่ง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท