เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 3 ตอนที่ 64 เซี่ยเสี่ยวหลาน ฉันจับเธอได้แล้ว!

เล่มที่ 3 ตอนที่ 64 เซี่ยเสี่ยวหลาน ฉันจับเธอได้แล้ว!

 เซี่ยเสี่ยวหลาน! .

เซี่ยหงเซี๋ยพุ่งตัวไปยังหน้าประตูเซี่ยนอีจง

กวักมือเรียกเซี่ยเสี่ยวหลาน

เซี่ยเสี่ยวหลานเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อย

ไม่ได้ยินเสียงเรียกของเซี่ยหงเซี๋ย เดินไม่กี่ก้าวก็เลี้ยวเข้าตึกคณิตศาสตร์

เซี๋ยหงเซี๋ยกระทืบเท้า โวยวายกับยามหน้าประตูด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

 ทำไมคุณปล่อยให้เธอเข้าไปได้? 

ยามชำเลืองมอง สายตาเซี่ยหงเซี๋ยเต็มไปด้วยความความหมายล้ำลึก

เป็นสาวเป็นแส้เอาแต่ตามติดนักเรียนชายของเซี่ยนอีจงนั้นคิดว่าเหมาะสมนักหรือ? นักเรียนชายที่ใกล้จะสอบเกาเข่า ไม่ว่าใครถูกเซี่ยหงเซี๋ยสนใจเข้า

ย่อมวอกแวกเสียสมาธิกันทั้งนั้น คนแบบนี้

ยามหน้าประตูจะปล่อยเธอเข้าโรงเรียนไปก่อเรื่องได้อย่างไร?

เซี่ยหงเซี๋ยโดนสายตาลึกล้ำเช่นนี้เมียงมองเสียจนทั้งอับอายทั้งขุ่นเคือง

ทว่าเธอได้รับกรรมพันธุ์หนังหน้าหนาจากครอบครัว

ไม่มีทางปล่อยวางโดยง่าย จึงสวนกลับทำเหมือนได้รับความสะเทือนใจถึงที่สุด

 คุณดูถูกที่ฉันเป็นคนชนบท! เลือกปฏิบัติ! คุณเห็นเธอสวยเลยลำเอียงใช่หรือไม่

ฉันขอบอกคุณ… 

สุ้มเสียงของเซี่ยหงเซี๋ยไม่เบาบางเลย ผู้คนที่กำลังเดินเพ่นพ่านไปมาล้วนมองยามที่ประตูด้วยสายตาตกตะลึงและงุนงง

ยามหน้าประตูก็อายุหลายสิบปีได้แล้ว

จะมาโดนกล่าวหาเช่นนี้ได้อย่างไร เห็นเซี่ยหงเซี๋ยแล้วรำคาญแทบทนไม่ไหว  เขาเป็นนักเรียนของเซี่ยนอีจง ไม่เหมือนเธอ `

นักเรียนของอีจง? 

เฆี่ยนเซี่ยหงเซี๋ยให้ตายก็ไม่เชื่อ!

เซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่พวกชอบเรียนหนังสือ จิตใจตั้งมั่นในการเรียนไม่ได้ ไม่มีทางเปรียบกับพี่จื่ออวี้

เซี่ยหงเซี๋ยเชื่อมั่นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหาคนรักได้จากเซี่ยนอีจง

รองเท้าผุพังนี่ระเริงไปทั่วพอตัว ขนาดยามเฝ้าประตูยังต้องโกหกแทนเธอ

คนที่เซี่ยหงเซี๋ยเกลียดที่สุดก็คือเซี่ยเสี่ยวหลาน

เธอคิดว่าตนเองต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยเสี่ยวหลานให้ได้  พวกคุณโดนมันหลอกแล้ว มันเป็นผู้หญิงสำส่อนก็เท่านั้น

ชื่อเสียงเน่าเฟะแค่ไหน คนทั่วทุกสารทิศล้วนรู้กันหมด! คนประเภทนี้ยังเข้าโรงเรียนได้ ฉันก็เข้าได้เหมือนกัน… 

ขณะเซี่ยหงเซี๋ยโหวเหวกโวยวายได้มีผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี

 เรื่องอะไรกัน เอะอะโวยวายหน้าประตูใหญ่

กระทบต่อระเบียบของโรงเรียน 

ผู้บริหารไม่ด่าทอเซี่ยหงเซี๋ย

เพระคนเขารู้จักว่าเธอคือต้นหอมต้นไหน[1] คำพูดนี้จึงเป็นการกล่าวกับยามเฝ้าประตู

ยามหน้าประตูกระอักระอ่วนมาก แต่ก็ยังพยายามอธิบายออกไปหลายคำ  ผู้อำนวยการอวี๋ เด็กสาวคนนี้มักมาวนเวียนที่โรงเรียนทั้งวัน

เธอเพียงแค่อยากเข้าไปในโรงเรียน แต่ดันไม่มีเหตุผลที่สมควร

ผมก็ไม่กล้าปล่อยเธอเข้าไปรบกวนนักเรียนหรอกครับ 

ผู้อำนวยการอวี๋มองเซี่ยหงเซี๋ยอย่างรังเกียจ

 เหล่าจ้าว คุณต้องรับผิดชอบในหน้าที่ คนที่จะเข้าเซี่ยนอีจงได้

มีเพียงนักเรียนและอาจารย์เท่านั้น 

อันชิ่งเซี่ยนอีจงก็ไม่ใช่หน่วยงานลับอะไร

ประตูลูกกรงเหล็กแยกโรงเรียนกับเขตแดนภายนอกเอาไว้

ผู้อยู่ในโรงเรียนคืออนาคตนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจเล่าเรียน

จะเหมือนตลาดสดที่ใครก็เข้าออกตามอำเภอใจได้ที่ไหน? อยากเดินเข้าไปอย่างผ่าเผยหรือ? ได้สิ สอบเข้าเซี่ยนอีจงให้ได้ก็เพียงพอแล้ว

ผู้อำนวยการไม่แม้แต่จะเอ่ยปากด่าเซี่ยหงเซี๋ยด้วยซ้ำ

ทว่าเธอกลับเหมือนโดนคนกระชากหนังหน้าโยนลงพื้นแล้วเหยียบทิ้ง

ฝีปากของปัญญาชนก็คือการเสียดสี

เซี่ยหงเซี๋ยนึกคิดด้วยความเกลียดชัง เรียนมัธยมปลายแล้วมันอย่างไร?

ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนพี่จื่ออวี้ของเธอเสียหน่อย!

ขณะอดกลั้นความโมโห เซี่ยหงเซี๋ยเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าจนแดงก่ำ

ถ้ายังไม่ได้แฉเซี่ยเสี่ยวหลานก็จะไม่ยอมหยุดหย่อนเลิกลาง่ายๆ แน่ โดยไม่สนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นนักเรียนของเซี่ยนอีจงหรือหาคู่หมายในโรงเรียน

เธอต้องจัดการอีกฝ่ายให้อยู่ในเซี่ยนอีจงต่อไปไม่ได้อีก

 นักเรียนหญิงที่เพิ่งเข้าไป ชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน

จริตจะก้านของเธอไม่เหมาะสมตามทำนองคลองธรรม ในชนบท… 

ผู้อำนวยการอวี๋ย่นคิ้วขัดจังหวะเธอ  เธอใช้อะไรยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเป็นเรื่องจริง? 

ในดวงตาของเซี่ยหงเซี๋ยมีแต่ความพึงพอใจ

 เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน เรื่องของเธอ ฉันจะไม่รู้ได้หรือ? !

ความรังเกียจของผู้อำนวยการอวี๋ไม่มีปิดบังไว้อีก

ยามเฝ้าประตูเหล่าจ้าวก็โกรธเคืองเช่นกัน

นี่คือคนในครอบครัวหรือ? ชัดเจนว่าเป็นศัตรูต่างหาก!

วาจาของศัตรูไม่น่าเชื่อถือ

ผู้อำนวยการอวี๋ไม่อยากเสียเวลากับคนไร้สมอง ส่งสัญญาณทางสายตาให้เหล่าจ้าวหนึ่งทีก็เดินจากไป

เหล่าจ้าวไม่ไว้หน้าเซี่ยหงเซี๋ยอีกแล้ว ขับไล่เธอไปทันทีทันใด

 เธอทำงานอยู่ที่จางจี้ด้านหน้า? ถ้ายังก่อเรื่อง ฉันจะไปหาเถ้าแก่ของเธอแล้วรายงานพฤติกรรม! 

เซี่ยหงเซี๋ยไม่อยากจะเชื่อ

เธอพูดประโยคไหนผิดไปหรือ? ก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น คนของเซี่ยนอีจงกลับหยาบคายต่อเธอ

ช่างวิปริตเสียจริง ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานป้อนยาเสน่ห์ให้แล้วสินะ!

เซี่ยหงเซี๋ยเดือดดาล

เธอกระทืบเท้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้ววิ่งกลับร้านอาหารว่างจางจี้

เดิมทีเธอกราดเกรี้ยวอยากรายงานต่อจางชุ่ย

หลังกลอกลูกตาสะเปะสะปะก็มีความคิดอื่นผุดออกมา

ไม่กล่าวถึงเรื่องที่เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานชั่วคราว

สีหน้าของจางชุ่ยก็ไม่สู้ดีนัก

เจียงเหลียนเซียงเพิ่งยุยงส่งเสริมไปได้ไม่กี่คำ

บอกว่าเซี่ยหงเซี๋ยนั้นไม่เอาการเอางาน แม้เมื่อสักครู่ในร้านมีลูกค้าไม่เยอะ

แต่เหมาะเป็นเวลาที่จะให้พวกเธอรีบใช้เวลาทำความสะอาดโต๊ะกับพื้นและล้างจาน

เซี่ยหงเซี๋ยก็ดีเหลือเกิน ทิ้งผ้าขี้ริ้วในมือแล้ววิ่งไปหน้าประตูเซี่ยนอีจงอีกแล้ว

 ทำงานไม่คล่องแคล่ว คิดเล็กคิดน้อยทีเดียว แถมดันหัวทึบมาก

อารมณ์ล้วนเขียนอยู่บนหน้าชัดเจน 

หญิงสาวอยากได้คู่ครองแสนดีสักคนนั้นไม่ผิด แต่ก่อนจะกินเนื้อหงส์

ก็ต้องพิจารณาตนเองว่าเป็นคางคกด้วยหรือเปล่า?

เซี่ยหงเซี๋ยมีรูปลักษณ์ธรรมดาดาษดื่น ไร้ความสามารถสักแขนง

มีภูมิลำเนาชนบท การศึกษาไม่สูง จะใช้อะไรไปมัดใจว่าที่นักศึกษาเหล่านั้นกัน

ต่อให้หาเป้าหมายที่จะลงมือด้วยได้

ย่อมต้องสืบเสาะให้ดีเสียก่อนว่าประเภทไหนคือมีความหวังสอบติดมหาวิทยาลัยจริง

พอเห็นนักเรียนชายของเซี่ยนอีจงทุกคนที่มาร้านอาหารว่างก็ล้วนมีแววตาระยิบระยับ…

บางคนนิสัยค่อนข้างขี้อาย แทบจะโดนเซี่ยหงเซี๋ยทำให้กลัวจนไม่กล้าเข้าร้าน

จางชุ่ยคิดเรื่องจะไล่เซี่ยหงเซี๋ยออกไปจริงๆ

อยู่กินเปล่าๆ ปลี้ๆ แถมยังเกะกะขวางทาง

หากอยู่ที่ร้านนานเข้าแล้วมีเรื่องเสื่อมเกียรติกับนักเรียนชายคนไหนเข้าจริง

ถ้าผู้ปกครองฝ่ายชายบุกมาถึงร้าน จางจี้ยังทำธุรกิจได้อยู่อีกหรือ?

 หงเซี๋ย หลานอย่าเอาแต่ไปวนเวียนอยู่หน้าประตูโรงเรียนสิ

หญิงสาวควรรักษาความเหมาะสมบ้าง อย่าเรียนรู้จากเสี่ยวหลาน 

จางชุ่ยพยายามอดทนอธิบายอย่างเป็นจริงเป็นจัง

เซี่ยหงเซี๋ยพยักหน้ารับไปส่งๆ

ใจคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากชื่อเสียของตนเองเลย

มิใช่ว่าแทรกซึมเข้าไปในเซี่ยนอีจงแล้วหรือ?

เซี่ยหงเซี๋ยรอแล้วรออีก เธอทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน

โดยให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวที่หน้าประตูเซี่ยนอีจง

หลังผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ถึงได้เห็นเงาของเซี่ยเสี่ยวหลาน…

นักเรียนชายสูงโปร่งผิวคล้ำมาส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงประตู

เซี่ยเสี่ยวหลานโบกมือให้อีกฝ่าย นักเรียนชายกลับเข้าโรงเรียนไปอย่างอาลัยอาวรณ์

ไฟโทสะในใจของเซี่ยหงเซี๋ยกองนั้นยิ่งแผดเผายิ่งโหมกระหน่ำ

เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด เซี่ยเสี่ยวหลานหาคู่หมายคนใหม่ในเซี่ยนอีจง

นักเรียนชายคนนี้คือใครกัน? ที่แท้คงมีความสามารถเหลือเกิน แต่ว่าเมื่อสักครู่ทำไมทั้งผู้อำนวยการอวี๋และยามเฝ้าประตูล้วนต้องแก้ตัวแทนเซี่ยเสี่ยวหลานกัน?

เซี่ยหงเซี๋ยติดสินใจจะทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง

ได้ เธอโยนผ้าขี้ริ้วทิ้งแล้ววิ่งออกไปสะกดรอยเซี่ยเสี่ยวหลาน

จางชุ่ยโกรธจนอึดอัดในอก เจียงเหลียนเซียงกลั้นหัวเราะเอาไว้

สามีพี่สาวเซี่ยฉางเจิงตระหนี่ถี่เหนียว อยากนำคนตระกูลเซี่ยสักคนมาเป็นหัวหลักหัวตอในร้าน

ป้องกันเธอและจางหม่านฝูทุจริต แต่หลานสาวเซี่ยหงเซี๋ยคนนี้ก็ไม่ขยันขันแข็งเอาเสียเลย

มักทำให้เซี่ยฉางเจิงเสียหน้าอยู่เสมอ

เซี่ยหงเซี๋ยวิ่งด้วยท่าทางเหมือนปลาหมูหายไปไม่เห็นเงา

จางชุ่ยคิดเอาไว้ ไม่อาจทนได้อีกแล้ว ต้องส่งเธอกลับหมู่บ้านต้าเหอให้ได้

เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจเยื้องย่างไปเรื่อยๆ

เธอชื่นชอบการใช้วิธีสานสัมพันธ์ของอนาคต มารยาทงามไร้คนถือโทษ [2] เหล่าจ้าวยามประจำประตูเซี่ยนอีจงก็เคยรับบุหรี่ของเธอ

เหล่าจ้าวเพิ่งเตือนเธอ

มีคนเรียกตนว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอเอะอะอยู่หน้าประตูโรงเรียน

ให้เธอระวังหน่อย

ทั้งยังบอกว่าลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ทำงานอยู่ที่ร้านจางจี้อาหารว่างซึ่งไม่ไกลจากประตูโรงเรียน

ร้านจางจี้อาหารว่าง?

เซี่ยเสี่ยวหลานมาเซี่ยนอีจงครั้งแรกก็เคยสังเกตแล้ว

ทำเลร้านเลือกได้ดี ธุรกิจย่อมไม่เลวเป็นธรรมดา ตอนนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานเห็นแล้วยังเสียดาย

เดิมเธอเคยคิดว่าจะเปิดร้านที่คล้ายกันสักร้าน ขายอาหารว่างโดยเฉพาะ

แล้วก็ส่งต่อให้หลิวเฟินดูแล ทำอาหารว่างนั้นเหนื่อยแน่นอน

แต่ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงใด กลับผ่อนคลายกว่าขายกากน้ำมันเก็งกำไรเสียอีก

ถ้าหลิวเฟินเปิดร้านอาหารว่าง เซี่ยเสี่ยวหลานก็จะวางมือจากธุรกิจขายกากน้ำมัน

เธอตั้งใจนำกำไรจากธุรกิจนี้มาทดแทนน้ำใจของคนตระกูลเฉิน…

น่าเสียดายที่ทำเลเยี่ยมบริเวณประตูเซี่ยนอีจงมีคนครอบครองแล้ว

เซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งความคิดนี้ไปก่อนสักพัก ในเขตอันชิ่งทำไม่ได้

อีกหน่อยเธอค่อยไปเปิดสักร้านให้หลิวเฟินในเมืองซางตูหรือไม่ก็เมืองเฟิ่งเสียน

ไม่จำเป็นต้องขายอาหารว่าง ทำเงินได้เท่าไรนั้นเป็นเรื่องรอง

ที่สำคัญคือให้หลิวเฟินได้มีสถานที่ไว้ลงแรงกายสักแห่ง

มีคนคว้าเธอไว้จากด้านหลัง

 …เซี่ยเสี่ยวหลาน ฉันจับเธอได้แล้ว! 

เชิงอรรถ

[1]哪根葱 ต้นหอมต้นไหน

เป็นคำที่ใช้ในการดูถูก หมายถึง ไม่ได้มีคุณค่าในสายตาขนาดนั้น เวลาใช้มักกล่าววา ‘อย่างคุณถือเป็นต้นหอมต้นไหนกัน?’

[2]礼多人不怪 มารยาทงามไร้คนถือโทษ

หมายถึง การมีมารยาทดีงามเป็นเรื่องสมควร ไม่มีใครมาถือโทษ

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท