เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 – เล่มที่ 4 ตอนที่ 91 จูฟ่างคลุ้มคลั่ง

เล่มที่ 4 ตอนที่ 91 จูฟ่างคลุ้มคลั่ง

จูฟ่างยังไม่ทันได้ซึมซับความจริงที่เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรัก

หัวใจทั้งดวงก็ถูกบีบเข้าด้วยกันเสียแล้ว

มารดาของเขาด่าทอเสี่ยวหลานกลางถนน?

เธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?

จูฟ่างไม่ได้ยินด้วยหูตนเอง แต่พอคาดเดาได้ว่าต้องด่าอย่างระคายหูเป็นแน่

ไม่เช่นนั้นโจวเฉิงคงไม่มาหาถึงที่

จูฟ่างเข้าใจดีว่ามารดาบังเกิดเกล้าเอาตนเองเป็นที่ตั้งขนาดไหน

แต่สิ่งที่ติงอ้ายเจินแสดงออกที่บ้านคือการสนับสนุนเขาและเสี่ยวหลานเป็นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ยังเห็นด้วยกับการจัดหางานให้เสี่ยวหลาน

ต่อมาเสี่ยวหลานบอกว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้แต่ธุรกิจปลาไหลก็จะไม่ทำแล้ว

เรื่องการจัดหางานจึงไม่มีตอนจบให้ติดตาม

จูฟ่างใบหน้าแดงก่ำ เพราะมารดาของเขากล่าวคำพูดไม่น่าฟังกับเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่

ถึงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมมาภัตตาคารหวงเหออีก? ในตอนนั้นเขารู้ว่าเสี่ยวหลานยังไม่มีคนรัก

คนรักคนนี้คงเพิ่งจะคบหาดูใจกัน ในสมองของจูฟ่างสับสนอลหม่าน

เอ่ยปากโต้แย้งไปโดยไม่รู้ตัว

 เป็นไปไม่ได้ แม่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น… เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดแน่! 

โจวเฉิงรำคาญอยู่ไม่น้อย  ผมได้ยินกับหูยังจะมีการเข้าใจผิดได้อีกหรือ

คุณจูฟ่าง ผมขอบอกคุณไว้ก่อนนะ ถ้าคุณจัดการแม่ของตัวเองไม่ได้

ผมก็ทำได้เพียงใช้วิธีของผมมาจัดการเรื่องนี้ 

เขาแค่มาเพื่อแจ้งให้ทราบ ประกาศความเป็นเจ้าของ และให้โอกาสตระกูลจูอีกครั้ง

เจ้าผู้ชายตรงหน้าคนนี้หลงใหลภรรยาของเขา สำหรับเรื่องนี้โจวเฉิงใจกว้างกว่าปลายเข็มไม่มากเท่าไร

แต่เพื่อภาพลักษณ์ของตนเองในสายตาของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขายังต้องเสแสร้งว่าใจกว้างและเคร่งขรึมอีก

ต้าถวนเจี๋ยหนึ่งปึกเป็นจำนวน 1000 หยวน

ไม่ว่าอย่างไรส่วนที่เหลือบนโต๊ะก็มีสักแปดเก้าร้อย

คังเหว่ยเดาะลิ้นสองสามหน ชี้เงินที่เหลือพลางกล่าว  แม่คุณบอกว่าพี่สะใภ้เสี่ยวหลานยั่วยวนคุณเพื่อขายปลาไหลให้แก่ภัตตาคาร

เงินแค่นี้ไม่รู้ว่าเพียงพอกับเงินที่ภัตตาคารหวงเหอจ่ายให้พี่สะใภ้หรือไม่? ธุระอย่างเงินมาของไป ถูกแม่คุณว่าร้ายจนน่าสะอิดสะเอียดนัก

เงินส่วนนี้คุณรับไว้ เป็นค่าขอบคุณที่พี่ชายผมให้ 

คังเหว่ยเจ้าหมอนี่ แทบจะพูดว่าเป็นการให้ทิปแก่จูฟ่างแล้ว

ศัตรูหัวใจมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ถึงที่ทำงาน ทั้งยังให้ ‘ทิป’ กับตน?

จูฟ่างรับการถูกหมิ่นเกียรตินี้ไม่ได้!

ทว่าโจวเฉิงใช้ความอดทนหมดแล้ว เขาและคังเหว่ยจึงลุกขึ้นยืน

ทั้งสองคนมีรูปร่างสูงใหญ่ ความกำยำล่ำสันของคนทางเหนือ

แม้แต่รูปร่างจูฟ่างยังเสียเปรียบ

 คังจื่อ ไปเถอะ 

โจวเฉิงและคังเหว่ยไม่ต้องการเสวนากับจูฟ่างอีกต่อไป ทั้งสองคนถ่อมาภัตตาคารหวงเหอเพื่อสาดเงินหนึ่งพันหยวนโดยเฉพาะ

ขนาดน้ำยังไม่ดื่มสักอึกเดียว

 ทำไมลูกค้าไปแล้ว? 

 ไม่ได้สั่งอาหารสักอย่างเลยนะ… 

 ชู่ ฉันว่ามาหาเรื่องน่ะ 

 จูฟ่างรู้จักสองคนนั้นหรือ? 

ความนิยมของจูฟ่างไม่ค่อยดีนัก ต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานเขาวางตัวไว้ต่ำ ทว่าปกติการคบค้าสมาคมกับเพื่อนร่วมงานนั้นเรียกได้ว่าหยิ่งยโสมาก

ในภัตตาคารก็มีบริกรหญิงที่มอบไมตรีให้แก่เขา แต่จูฟ่างไม่สนใจแม้แต่คนเดียว

รสนิยมสูงเทียมหลังคาของจูฟ่างทำร้ายศักดิ์ศรีในตนเองของบริกรหญิง

ทัศนคติของติงอ้ายเจินยิ่งเหลือทนกว่า

เห็นจูฟ่างเจ็บปวดจากความปราชัย ทุกคนก็รื่นเริงอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น

มีบางคนคิดว่าโจวเฉิงและคังเหว่ยถากถางเกินไปแล้ว

จึงเดินเข้าไปปลอบโยนจูฟ่าง  สหายเสี่ยวจู

คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? 

จูฟ่างอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ผลักคนที่ห่วงใยเขาให้พ้นตัว  …ผมไม่เป็นไร ผมจะลางาน ที่บ้านมีธุระเล็กน้อย !

จูฟ่างหนีไปแล้ว

ฝูงชนมองเงินที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ เงินส่วนนี้ให้กับจูฟ่าง

แต่จูฟ่างไม่น่าจะรับไว้

 คนอะไร ถ่อมาภัตตาคารเราเพื่ออวดร่ำอวดรวยเสียได้ 

 คนเขาสามารถอวดรวยแบบนี้ได้ แปลว่าเงินนี่ยังเยอะกว่าเงินเดือนทั้งปีของจูฟ่างสินะ? 

บริกรผู้รับทิปไว้ได้นับเงินในมือตั้งนานแล้ว ธนบัตรสิบหยวน 15 ใบ ก็คือ 150 หยวน ถ้าหนึ่งปึกเป็นเงินหนึ่งพันหยวน

เงินที่หลงเหลืออยู่บนโต๊ะก็เป็น 850 หยวน? เงินเดือนของจูฟ่างคือ 70 หยวน หนึ่งปียังได้เพียง 840 หยวน

มิใช่ว่าสูงกว่าเงินเดือนหนึ่งปีของจูฟ่างอีกหรือ!

จูฟ่างไม่ต้องการเงิน หากจะทิ้งไว้บนโต๊ะก็ไม่มีใครกล้าหยิบไป

ผู้จัดการเห็นแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสมนัก จึงวานให้คนเก็บเงินไว้ก่อน

 รอเสี่ยวจูกลับมาค่อยคืนให้เขา 

ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อยู่ๆ ก็มีแขกผู้สุรุ่ยสุร่ายสองรายมา ‘มอบเงิน’ ให้จูฟ่างแต่เช้าตรู่ อีกทั้งการมอบเงินนั้นทำจูฟ่างโกรธเกรี้ยวได้ถึงขนาดนี้

คนในภัตตาคารสงสัยจนแทบทนไม่ไหว

——————————————–

จูฟ่างกำลังโมโห

ที่จริงแล้วการที่เขาชอบเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ทว่าความเคยชินกับรักลูกจนเกินกว่าเหตุของมารดา

เมื่อมีเรื่องจะต้องกลับบ้านไปหามารดาร้องให้ช่วยแก้ไข ใครจะรู้ว่าติงอ้ายเจินต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง

ปากบอกว่าจะช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานจัดหางาน พอหันหลังกลับก็เหยียดหยามเสี่ยวหลาน

หัวใจของจูฟ่างเจ็บปวดที่เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรักแล้ว ทั้งยังสงสัยว่ามารดาของเขาเป็นก้างขวางคอ

ถึงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานหวั่นกลัวจนไม่มาภัตตาคารหวงเหอ แถมมีคนรักใหม่สายฟ้าแลบอีก

ตกลงแล้วมารดาเขาพูดอะไรกับเสี่ยวหลานกัน?

ทำลายบุพเพของเขาย่อยยับก็ช่าง เสี่ยวหลานถึงกับไม่พบหน้าเขาแล้ว ทำไมถึงยังพุ่งไปด่าทอเธอได้อีก!

โจวเฉิงและคังเหว่ยเดินทางมาภัตตาคารหวงเหอตั้งแต่เช้า

เพื่อระบายความขุ่นเคืองให้เซี่ยเสี่ยวหลาน จูฟ่างเป็นคนทระนงมากขนาดไหน

ถูกความหน้าใหญ่ใจโตและสูงส่งไม่ติดดินของโจวเฉิงโจมตีเข้า

ภายภาคหน้าคนในภัตตาคารจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร เขายังจะมีหน้าทำงานที่นี่อีกหรือ?

จูฟ่างผู้กำลังโมโหจึงตรงดิ่งไปยังหน่วยงานของมารดาในชั่วอึดใจเดียว

ทว่าวันนี้ติงอ้ายเจินมีการประชุมหลายครั้งที่ต้องเข้าร่วม

จูฟ่างอารมณ์สงบลงเล็กน้อยจึงไม่ได้เอะอะโวยวายในสถานที่ทำงานของติงอ้ายเจิน

เขาคอตกกลับบ้าน เมื่อติงอ้ายเจินประชุมเสร็จสิ้นได้ยินว่าลูกชายมาก็รู้สึกประหลาดใจ

เวลานี้มิใช่ต้องกำลังทำงานหรือ ดูท่าเวลาทำงานของคนจัดซื้อช่างมีอิสระทีเดียว

จูฟ่างมาที่หน่วยงานของเธอน้อยครั้ง หากมาแล้วแสดงว่าต้องมีธุระสำคัญ

มีธุระทำไมไม่ทิ้งข้อความไว้ เหตุใดจึงจากไปดื้อๆ เสียได้?

ช่วงบ่ายติงอ้ายเจินเลิกงานเร็วกว่าปกติ

เมื่อถึงบ้านก็พบว่าจูฟ่างนอนแผ่อยู่บนโซฟา มีหมอนปิดศีรษะเอาไว้

พอได้ยินเสียงฝีเท้า จูฟ่างเปิดหมอนแล้วดีดตัวขึ้นมา หน้าหูแดงก่ำ

แววตาที่มองมารดาของเขาราวกับกำลังมองศัตรู

 แม่ แม่ไปหาเรื่องเสี่ยวหลานหรือ! 

ติงอ้ายเจินหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

เมื่อวานเธออับอายขายหน้ายกใหญ่ จึงไม่คิดจะปล่อยวางโดยง่ายๆ เธอเป็นถึงผู้บริหารในหน่วยงาน

ย่อมรู้จักเพื่อนฝูงคนอื่น และต้องชำระความเรื่องเมื่อวานคืนให้ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ทำธุรกิจอิสระหรือ

แค่ไหว้วานมิตรสหายไม่กี่คนตรวจสอบเธอ

ธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ดับสิ้นก็ต้องสาหัส!

สายลมฤดูใบไม้ผลิแห่งการปฏิรูปเศรษฐกิจพัดผ่านทั่วแผ่นดินจีน

เศรษฐกิจทั้งประเทศเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

การแบ่งสรรที่ดินสู่ครัวเรือนทำให้ปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์การเกษตรชนิดต่างๆ

เพิ่มสูงขึ้น ในกระเป๋าของเกษตรกรมีเงินคงเหลืออยู่ สินค้าที่สามารถส่งเข้าตลาดได้มีหลากหลายยิ่งขึ้น

ทำลายการปฏิรูปเศรษฐกิจคือการถอยหลัง

แต่แบบแผนของการปฏิรูปเศรษฐกิจยังคงอยู่ระหว่างการแสวงหา

ความแตกต่างระหว่างธุรกิจอิสระและการเก็งกำไร [1] นั้นไม่ชัดเจน

เงินเดือนต่อเดือนไม่กี่สิบหยวน ตั๋วรถจากซางตูถึงหยางเฉิงก็ต้องจ่ายออกไปครึ่งหนึ่ง

ต้นทุนการเดินทางสูงลิบลิ่ว ถือเป็นการบีบคอ ‘การเก็งกำไร’ ให้ตายในเปล [2] เลยทีเดียว

เซี่ยเสี่ยวหลานส่งปลาไหลให้ภัตตาคาร

กล่าวได้ว่าคือสินค้าที่ผลิตและขายเองโดยเกษตรกร

ยังคงอยู่ในขอบเขตของการค้าขายผลิตภัณฑ์พลอยได้ทางการเกษตร

แต่เธอตั้งแผงลอยเปิดเผยบนถนน ในสายตาของติงอ้ายเจินก็คือ ‘การเก็งกำไร’ !

ติงอ้ายเจินยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกจูฟ่างจับไต๋ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานวิ่งโร่ไปรายงานกับจูฟ่างแล้วหรือ?

ติงอ้ายเจินนั่งลงบนโซฟา ตระเตรียมข้อโต้แย้งไว้เรียบร้อย

 แม่ไม่ได้หาเรื่องเธอ เพียงทำให้เธอรู้สถานะของตัวเองแจ่มแจ้งเสียหน่อย

เธอแค่เด็กสาวชนบทคนหนึ่ง ลูกชอบเธอก็ถือว่าเป็นเกียรติยศของตระกูลเซี่ยแล้ว

นอกจากเธอจะไม่ซาบซึ้งน้ำตาไหล ยังกล้าโลเลได้หรือ? เธอมันไม่เชื่องเหลือเกิน

ลูกโดนเธอหลอกแล้ว

ข้างกายเซี่ยเสี่ยวหลานมีผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้า ลูกสะใภ้แบบนี้แม่ไม่ยอมรับ! 

จูฟ่างรู้สึกเหมือนทั้งร่างจะระเบิด

มารดาของเขาพูดจาได้น่าฟังยิ่งนัก แต่นั่นคือการยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว

ว่าเคยไปด่าทอเซี่ยเสี่ยวหลาน ทั้งยังวางแผนก่อความวุ่นวายให้เซี่ยเสี่ยวหลานด้วย!

ความโกรธเคืองของจูฟ่างมีสาเหตุมาจากความชื่นชอบที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน

และมีสาเหตุมาจากการถูกโจวเฉิงยุแหย่ด้วย สำคัญยิ่งกว่าคือการกระทำของติงอ้ายเจิน

เธอมักหลอกลวงเขาเหมือนเด็กน้อยอยู่เสมอ จูฟ่างผู้อายุยี่สิบกว่าปีไม่สามารถทนได้ และรู้ดีว่าต้องใช้อะไรข่มขู่มารดาของเขา

 เสี่ยวหลานไม่เคยสัญญาอะไรกับผม แม่ต้อนเธอจนไม่กล้าส่งปลาไหลให้ภัตตาคาร

ตอนนี้ยังคิดจะทำลายธุรกิจเธออีก หึๆ วันนี้คนรักของเธอมาหาผมที่ร้าน

ผมว่าธุรกิจของเสี่ยวหลานคงไม่ย่ำแย่ แต่การงานของลูกชายแม่จะไม่เหลือแล้ว! ถ้าแม่จะไปตอแยเธออีก แม่ก็ไปเลย และผมจะย้ายออกไป ไม่อยู่ในบ้านนี้แล้ว! 

จูฟ่างคิดว่าตนเองคือวีรบุรุษผู้กำลังปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลาน

และต่อต้านความเผด็จการของผู้อำนวยการติงแทนตัวเขาเองด้วย

ติงอ้ายเจินเห็นเขาเหมือนกับประทัดที่ถูกจุดติดทิ้งคำขู่ไว้ก็จะพุ่งออกไปนอกบ้านทันที

เธอขุ่นเคืองจนเจ็บอกเจ็บใจ รีบรั้งเขาเอาไว้

 แม่ไม่หาเรื่องเธอแล้ว ลูกเล่าให้แม่ฟังหน่อย คนรักของเธอไปหาลูกที่ภัตตาคาร

เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกัน? 

  

เชิงอรรถ

[1]投机倒把 การเก็งกำไร ไม่ได้หมายถึงการเก็งกำไรทั่วไป

แต่เป็นกิจกรรมทางการค้าซึ่งใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องนักในการทำกำไรส่วนต่าง เช่น

ชิงขึ้นราคาสินค้าจนสูงมากในขณะที่ขาดแคลน

[2]扼杀在摇篮中 บีบคอให้ตายในเปล หมายถึง ไม่ปล่อยให้เริ่มต้นหรือกำจัดตั้งแต่เพิ่งปรากฏเป็นรูปร่าง

ในที่นี้หมายถึง

การใช้เงินจำนวนครึ่งหนึ่งของรายได้ต่อเดือนซื้อตั๋วรถไฟไปหยางเฉิง

เป็นสิ่งสิ้นเปลืองต้นทุนมาก เหมือนจบสิ้นการเก็งกำไรตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

  

 

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

เธอคือประธานเซี่ย หญิงผู้แข็งแกร่ง และยังเกิดใหม่เป็น เซี่ยเสี่ยวหลาน หญิงสาวชื่อแซ่เดียวกับเธอที่ฆ่าตัวตายท่ามกลางคำนินทาในยุค 80 เธอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทำไมต้องมาอยู่อย่างอดสูแบบนี้ด้วยเล่า?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท