ตอนที่ 334 เอาเปรียบ
ตอนที่ 334 เอาเปรียบ
เสี่ยวฉงพูดอย่างเป็นกังวล “เธอก็ต้องระวังหน่อยนะ คนแซ่เย่นั่นมีเมียแล้ว เป็นทั้งนักศึกษา แถมยังเป็นเถ้าแก่เนี้ยของเขาอีก คงมีอำนาจมากแน่ ๆ”
“ฉันกลัวว่าหล่อนจะไม่มีอำนาจมากกว่าน่ะสิ” คุณเฉิงกล่าว “ผู้ชายเกลียดผู้หญิงที่วางอำนาจมากที่สุดแล้ว โดยเฉพาะการที่ได้ผู้หญิงแข็งกร้าวแบบนี้มาเป็นเมียตัวเอง ถ้ามีผู้ชายที่มีความแข็งกร้าวน้อยกว่า แบบนั้นคงได้เกลียดเมียสุด ๆ เลยแหละ!”
เสี่ยวฉงจนปัญญา จึงทำได้เพียงแค่อวยพรให้คุณเฉิงโชคดีก็แล้วกัน
ทว่าหลังจากนั้นคุณเฉิงกลับถูกบริษัทส่งตัวไปทำบัญชีสิ้นปีที่อีกเมืองหนึ่งเป็นการชั่วคราว นี่เป็นเรื่องที่หล่อนไม่ทันได้คาดคิดเลยจริง ๆ ทว่าเพื่อให้บริษัทรับรู้ถึงความสามารถของหล่อน รวมถึงงานนี้ยังมีค่าเดินทางและที่พักให้ ซึ่งที่พักนั้นต้องมีห้องน้ำในตัวแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงยินดีที่จะจัดการเรื่องของเย่หมิงเป่ยในภายหลัง
ทางฝั่งเย่หมิงเป่ยยืนกรานบอกให้โจวหมิ่นเดินทางมาพร้อมกับเขาเพื่อคุยกับทีมตกแต่ง จึงทำให้ทราบว่าคุณเฉิงออกเดินทางไปต่างจังหวัดแล้ว สิ่งนี้ทำให้โจวหมิ่นรู้สึกเสียดายอย่างมาก หล่อนเองก็แอบอยากรู้อยากเห็นจริง ๆ จึงทำให้เกิดความเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ส่วนที่บ้านเกิด การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงได้สิ้นสุดลงแล้ว ในที่สุดก็ได้พักผ่อนหลังทำงานยุ่งตลอดทั้งปี แน่นอนว่าเป็นสำหรับบางคนเท่านั้น ส่วนคนหนุ่มสาวก็เริ่มออกไปค้าขายแล้วกันมากขึ้นแล้ว ได้เงินมากหรือน้อยก็ยังดีกว่าอยู่แต่ในบ้านเฉย ๆ ต่อให้ไม่ได้เงินแม้แต่เฟินเดียวก็ยังได้ประสบการณ์
เป็นอีกครั้งที่พวกคนแก่ไม่พอใจกับการกระทำของพวกคนหนุ่มสาวเหล่านี้
“คนเรานี่นะ พอได้ออกไปหน่อยก็เกิดความทะเยอทะยาน ไม่ได้มีความสงบจิตสงบใจที่จะลงนาทำสวนอีกแล้ว”
“นั่นสิ เธอดูอย่างจ้าวเหวินเทาสิ ออกไปข้างนอกจนต้องจ้างคนมาทำงานให้ทุกอย่าง นี่ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ ป่านนี้ชีวิตคงดีกว่านี้ไปแล้ว!”
“ก็นั่นน่ะสิ บอกให้พ่อแม่ไปช่วยดูฟาร์มกระต่ายให้ ส่วนตัวเองไปทำนา ดีจะตายไป ยังจะไปรับของมาขาย เธอดูสิรับของมาขายแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องให้คนมาทำให้ทั้งนั้น ทำให้คนอื่นรวยไปกี่คนแล้วก็ไม่รู้!”
“คนอื่นไม่รู้ แต่พ่อลูกตระกูลชุยนั่นคงรวยเละแล้ว!”
“พวกเด็ก ๆ ที่อยู่ฟาร์มกระต่ายนั่นก็ด้วย รวยเละเลย!”
“เฮ้อ จ้าวเหวินเทาคนนี้นี่นะ ฟุ่มเฟือยชะมัด โชคดีแล้วยังไง จะสามารถทนต่อความฟุ่มเฟือยนี้ได้เหรอ?”
พวกคนสูงวัยภายในหมู่บ้านบางส่วนไม่มีอะไรต้องทำตลอดทั้งวัน จึงนั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตูเพื่ออาบแสงแดด ระหว่างนั้นก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในหมู่บ้าน เรื่องซุบซิบส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดก็ถูกแพร่กระจายจากที่นี่
ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างออกรส เด็กหนุ่มในหมู่บ้านคนหนึ่งก็วิ่งผ่านมา มีผู้สูงไว้เรียกเขาไว้ “เสี่ยวจิ่วจิน จะไปไหนเหรอ?”
“ไปสร้างโรงเต้าหู้!” เด็กหนุ่มตอบด้วยความรีบร้อนอย่างมาก
“อะไรนะ โรงเต้าหู้ สร้างให้ใคร?”
“หมู่บ้านเราบ้านไหนทำเต้าหู้ก็สร้างให้คนนั้นแหละ!” เด็กหนุ่มเดินไปแล้ว
“เจ้าสามจ้าว?”
คนเฒ่าคนแก่เหล่านี้ถึงกับชะงัก เจ้าสามจ้าวจะสร้างโรงเต้าหู้?! นี่เป็นข่าวใหญ่เลยนะ
พี่สามจ้าวในตอนนี้ได้เจอกับความรู้สึกของการเป็นบุคคลสำคัญอีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านหน้าที่ดินที่เขาซื้อเอง ชี้ให้กับคนที่มาทำงานดู พูดถึงความต้องการของตนเอง สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจก็คือการใช้เงินตัวเองซื้อ
“…พี่สาม พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” จ้าวเหวินเทาก็อยู่ที่นี่ด้วย เมื่อได้ฟังพี่สามจ้าวพูดจบจึงพูดขึ้นมา
พี่สามจ้าวไม่พอใจ ตัวเขาเองรู้สึกว่าดีแล้ว ทำไมจะไม่ได้ล่ะ
“ไม่ได้ยังไง?”
จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะจัดการกับขยะยังไง พี่ทำของกิน สุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญนะ”
สิ่งสำคัญก็คือ พี่สามจ้าวซื้อที่ดินถัดจากฟาร์มกระต่ายของจ้าวเหวินเทาเพื่อสร้างโรงเต้าหู้
พี่สามจ้าวคิดไว้อย่างสวยหรูว่าหากสร้างโรงเต้าหู้ไว้ข้าง ๆ ฟาร์มกระต่าย เขาก็จะได้ส่งเต้าหู้ให้คนของฟาร์มกระต่าย ช่วยประหยัดเวลาและประหยัดแรง นอกจากนี้ เขาก็ไม่ต้องส่งคนมาดูบ่อย ๆ แค่บอกให้พ่อกับแม่มาช่วยดูให้ตอนว่าง ๆ เดินดูสักรอบ แค่นี้ก็สบายใจแถมไม่ต้องเสียเงินด้วย
อีกอย่าง สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ จ้าวเหวินเทามีความสามารถและโชคดี มีเรื่องอะไร ให้จ้าวเหวินเทาช่วยออกหน้า ช่วยพูดให้ เขาก็หมดห่วงด้วย โดยเฉพาะเรื่องโชค เขาคิดว่าขอแค่พึ่งส่วนบุญอีกฝ่ายนิดหน่อย ทุกอย่างก็จะราบรื่น!
จ้าวเหวินเทารู้ถึงแผนการของอีกฝ่ายเพียงส่วนหนึ่ง แต่เขาก็ขี้เกียจจะสืบสาวราวเรื่อง เพราะการที่โรงเต้าหู้สร้างอยู่ข้าง ๆ ฟาร์มกระต่ายแบบนี้เขาก็ได้ผลประโยชน์เช่นกัน เต้าหู้ของพี่สามจ้าวอร่อยจึงทำให้มีชื่อเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว คนที่มาซื้อเต้าหู้ก็อาจจะซื้อกระต่ายกลับไปด้วย หรืออาจจะเป็นอย่างอื่น ดูอย่างบนถนนที่อยู่ในเมืองก็มีร้านอาหารเต็มไปหมด แม้จะเป็นความสัมพันธ์ในการแข่งขัน แต่ก็เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน อีกอย่างกระต่ายกับเต้าหู้ก็ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เชิงแข่งขันกัน
จ้าวเหวินเทาพูดแบบนี้ พี่สามจ้าวก็แอบเกิดความคิดไม่เห็นด้วย “ไม่สุขอนามัยตรงไหน ก่อนหน้านี้ฉันทำเต้าหู้ก็ทำแบบนี้ตลอด ก็ยังมีคนมาซื้อเลย ถึงยังไงเต้าหู้ก็สะอาดที่สุดแล้ว!”
จ้าวเหวินเทาดึงเขามาข้าง ๆ เพื่อคุยเป็นการส่วนตัว “พี่สาม ก่อนหน้านี้พี่ทำในบ้านก็ไม่ต้องพิถีพิถันมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้พี่จะเปิดโรงเต้าหู้แล้ว งั้นก็ต้องพิถีพิถันสิ พี่ลองคิดดู ถ้าพี่ออกไปกินข้าวข้างนอก ระหว่างเห็นขยะห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ กองนึง กับเห็นพื้นที่สะอาดสะอ้านแบบไหนจะสบายใจกว่า? อีกอย่างนะ พี่เปิดโรงเต้าหู้ไม่เพียงแค่ต้องเจอหน้าคนที่มาซื้อเต้าหู้ แต่ยังมีคนของสำนักงานสาธารณสุขด้วย ถ้าสุขอนามัยไม่ถึงมาตรฐาน คงได้มาสร้างปัญหาให้พี่แน่นอน!”
พี่สามจ้าวเบิกตาโต “สำนักงานสาธารณสุข? สำนักงานใหญ่โตขนาดนั้นจะมาสนใจโรงงานเล็ก ๆ ของฉันด้วยเหรอ?”
จ้าวเหวินเทาตอบ “พี่สาม เต้าหู้ของพี่รสชาติอร่อยจะตายไป ตอนนี้เป็นโรงเต้าหู้ขนาดเล็ก อนาคตล่ะ พี่คงไม่ได้คิดจะเปิดไม่กี่วันแล้วปิดใช่ไหม?”
“ไม่มีทางอยู่แล้ว!” พี่สามจ้าวรีบส่ายหน้า “นายอย่าพูดเรื่องไม่เป็นมงคลสิ!”
“ต่อให้พูดเรื่องไม่เป็นมงคลมากกว่านี้ก็ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นก็พอแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว “ตอนที่ยังไม่เริ่มเปิดร้าน พวกเราต้องพิจารณาให้รอบด้านสักหน่อย พี่ดูสิ สถานที่ที่พี่เลือกดีมากเลยนะ ดูโดดเด่น ห่างจากรั้วกระต่ายตั้งไกล ต้นไม้ทางฝั่งนี้ปิดบังไว้แล้ว คนที่มาซื้อเต้าหู้มองไม่เห็นหรอก แถมยังไม่ได้กลิ่นเหม็นด้วย แต่ถ้าโยนขยะทิ้งเรี่ยราดไว้ที่นี่ พี่ก็คิดดูแล้วกันว่าจะทำลายบรรยากาศขนาดไหน”
พี่สามจ้าวคิดตามครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าจริงอย่างที่พูด “ตอนแรกฉันคิดไว้ว่าจะสร้างคอกหมูไว้ที่นี่ด้วย ฉันจะเอาหมูจากที่บ้านย้ายมาที่นี่ ในบ้านจะได้สะอาด ๆ ถึงเวลานั้นกากเต้าหู้ก็ค่อยเอาไปเป็นอาหารให้หมู คงดีมากเลย พอนายพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แล้ว”
จ้าวเหวินเทาถึงกับหน้าดำอึมครึม เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าโรงเต้าหู้เลี้ยงหมูด้วย แบบนั้นกลิ่นจะแรงขนาดไหนเนี่ย!
“พี่สาม พี่เลี้ยงหมูไว้ที่นี่ไม่ได้แน่นอน! ที่นี่พี่ต้องเก็บกวาดให้ดีสักหน่อย ปลูกดอกไม้หน่อยแล้วกัน เพราะถ้าจะปลูกพืชผักก็ต้องใส่ปุ๋ย กลิ่นก็คงไม่ดีเท่าไร ส่วนหญ้าก็ไม่ต้องหรอก หญ้าบนเขาลูกนี้ถึงเวลานั้นค่อยไปขุดมาไว้ที่นี่ก็ได้ จัดให้ดีก็เขียวชอุ่มเหมือนในเมืองแล้ว ดอกไม้หอม ๆ คู่กับเสียงนกร้อง ได้กินเต้าหู้ของพี่สาม จะสมบูรณ์แบบขนาดไหน!” จ้าวเหวินเทาวาดภูมิทัศน์ที่งดงามให้พี่สามจ้าว
แต่น่าเสียดายที่พี่สามจ้าวไม่ได้นึกถึงภูมิทัศน์ที่งดงามอะไร แต่กลับเป็นเรื่องของการเอาเปรียบ
“นายเองก็เลี้ยงหมูเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? งั้นให้ฉันเอาหมูไปเลี้ยงกับหมูของนายสิ ถึงเวลานั้นฉันจะให้พี่สะใภ้สามของนายไปให้อาหาร แลกกับการยืมที่ของนาย” พี่สามจ้าวกล่าว
“ไม่ได้” จ้าวเหวินเทาปฏิเสธ
ให้พี่สะใภ้สามจ้าวมาให้อาหาร พูดง่ายสิ ถ้าทำงานในนายุ่งจนไม่มีเวลามาให้อาหาร หรือลืมขึ้นมาล่ะ ถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร หมูไม่สนใจหรอกว่าใครจะให้อาหาร ถ้ามันหิวก็ส่งเสียงร้องแล้ว แถมยังวุ่นวายไปทั่ว อีกอย่างหมูของเขาก็เลี้ยงแบบปล่อย ตอนกลางคืนก็กลับเข้าไปนอนในคอกหมู มีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลโดยเฉพาะ หมูของพี่สามจ้าวไปอยู่ด้วย ไม่ต้องจ่ายแม้แต่เฟินเดียวแต่กลับได้สำเริงสำราญกับอาหารที่ผู้เชี่ยวชาญป้อนให้ พอมันโตจับไปขาย พี่สามจ้าวก็ไม่ให้เงินเขาอยู่แล้ว ถ้าเกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมาสักตัว ก็คงมาบ่นว่าเขาดูแลไม่ทั่วถึงอีก ทำไมเขาต้องหาปัญหาแบบนี้ให้ตัวเองด้วยล่ะ!
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โหพี่สามเอาเปรียบเกินไปไหมคะ ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแล้วก็ต้องเกรงใจเขาบ้างสิ
ไหหม่า(海馬)