บุตรอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 93 ลักพาตัว

ตอนที่ 93 ลักพาตัว

ตอนที่ 93

ลักพาตัว

 รัก? รักอะไรของเจ้า อาวุโสเทียนหมิงถามพลางมองอู๋เทียนเหวินด้วยความประหลาดใจ

 ขอโทษด้วยท่านลุง ข้าพยายามมาทั้งหมดเพราะความรักเท่านั้นจริงๆ อู๋เทียนเหวินก้มหัวลงด้วยสีหน้าลำบากใจ

 ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่เคยพบเหม่ยหลินมาก่อนหรือไง อาวุโสเทียนหมิงถอนหายใจออกมา มันหรืออุตส่าห์คิดว่าคาดเดาไว้มากมายว่าอะไรคือสิ่งที่เทียนเหวินต้องการ

 องค์ชายไม่ได้รักเหม่ยหลินไม่ใช่หรือ ไป๋จูเหวินถามพลางมองเทียนเหวินนิ่ง มันเห็นท่าทีที่มันมีต่อหญิงสาวคนอื่นๆและท่าทีที่มันมีต่อเหม่ยหลิน มันไม่เคยบอกสีกครั้งว่าจะเอาเหม่ยหลินไปตบแต่งเป็นภรรยา ตรงกันข้ามราวกับคำว่าถึงวัยออกเรือนแล้วจะเป็นเพียงคำลวงเท่านั้น

 ใช่ คนที่ข้ารักไม่ใช่พี่เหม่ยหลิน อู๋เทียนเหวินว่าพลางนำฝ่ามือมาทาบที่หน้าอกตนเอง

 หญิงเดียวที่ข้ารักคือ เหม่ยฮวาคนเดียวเท่านั้น เทียนเหวินพูดพลางยืดอกตนเองขึ้น คำพูดที่มันพูดออกมาดูหนักแน่นอย่างมากต่างจากเวลาปกติลิบลับ

 เหม่ยฮวา? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เจ้าจะพาเหม่ยหลินไปล่ะ อาวุโสเทียนหมิงถามพลางกุมขมับตนเอง นี่มันรู้หรือเปล่าว่าอาจจะทำให้เกิดสงครามภายในระหว่างวังหลวงกับหน่วยล่าอสูรเลยนะ

 นางเป็นน้องสาวของพี่เหม่ยหลินขอรับ ได้ยินเช่นนั้น อาวุโสเทียนหมิงก็ขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม

 คนละพ่อ..เป็นไปไม่ได้มารดาของเหม่ยหลินเสียไปนานแล้ว นางจะไปมีน้องสาวให้เหม่ยหลินได้อย่างไร อาวุโสเทียนหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ได้ข่าวว่ามารดาของเหม่ยหลินสิ้นใจทันทีหลังจากคลอดเหม่ยหลินออกมา…

 เรื่องนั้นเป็นเรื่องโกหกขอรับ อู๋เทียนเหวินว่าพลางกำหมัดแน่น

 วันหนึ่งขณะข้าเดินทางไปยังนครแก้วผลึก ข้าได้แวะพักผ่อนที่เมืองหนึ่งในเขตนครแก้วผลึก ที่นั่นข้าได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่ง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น นางทำให้ข้ารู้สึกราวกับเวลาหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตอนนั้นข้าเอาแต่นั่งมองนางไม่วางตาจนนางมาสะกิดข้าว่าจะรับอาหารอะไรดี อู๋เทียนเหวินเล่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ

 หลังจากเสร็จงานที่เมืองแก้วผลึกข้าก็ไปที่เมืองของนางหลายครั้ง ไปที่ร้านอาหารของนางหลายครั้งจนได้ทราบว่านางมีพ่อและแม่เป็นเจ้าของร้านอาหาร แม่ของนางเป็นหญิงสาวเร่ร่อนที่เดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ส่วนพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านแต่เดิมอยู่แล้ว.. เทียนเหวินเล่ามาถึงตรงนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเล่าต่อ

 ข้าไปหานางหลายครั้งจนข้าพูดคุยกับนางได้เป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งมารดาของนางก็ล้มป่วย ข้าส่งหมอหลวงเข้าไปรักษาโดยปิดเป็นความลับ แต่ก็ทำได้แค่ยื้ออาการเท่านั้น หมอหลวงบอกข้าว่านางเครียดมากจนทำให้ร่างกายทรุกโทรม ความเครียดและเสร้าหมองตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้อาการของนางแย่ลง ข้าไม่สามารถทนดูมารดาของคนที่รักเจ็บปวดได้ ข้าเลยสืบดูว่าความเครียดของนางเกิดจากอะไรกันแน่… เล่าได้เท่านี้เหล่าชายทั้งสามในเกี้ยวก็พอจะทราบแล้วว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเช่นไร

 นางคือมารดาของเหม่ยหลิน…. ไป๋จูเหวินว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา

 ใช่ ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรจะใช้นางเพื่อคลอดบุตรออกมาเท่านั้น หญิงสาวที่ถูกนำตัวมาอุ้มท้องลูกของมันนับสิบคนหลังจากคลอดเสร็จก็ถูกขับไล่ไปทันที พวกนางไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าเด็กที่พวกนางคลอดอกมาเสียด้วยซ้ำ

 ช่างโหดร้ายจริงๆ อู๋หมิงที่นั่งฟังอยู่นานรู้สึกสงสารทั้งเหล่าหญิงสาวที่ถูกพามาอุ้มท้องของหวงหลงและตัวเด็กๆที่เกิดมา

 เป็นเช่นนี้เอง มิน่าล่ะเจ้าถึงต้องการตัวเหม่ยหลินขนาดนั้น อาวุโสเทียนหมิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ความจริงมันก็ไม่ได้อยากต่อว่าหวงหลงนัก เพราะสิ่งที่มันทำก็ไม่ต่างจากที่วังหลวงทำนัก คัดสรรค์หญิงสาวที่เพียบพร้อมจากทั่วเขตแดนเพื่อมาเป็นภรรยาขององค์จักรพรรดิ เมื่อมหดประโยชน์พวกนางก็จะถูกไล่ออกไป แม้จะไม่ดูโหดร้ายเช่นเดียวกับที่หวงหลงทำก็ตาม

 องค์ชาย ข้าคงต้องขอตัว ไป๋จูเหวินพูดจบก็เปิดประตูเกี้ยวออกไปอย่างรวดเร็วไม่ปล่อยให้คนอื่นๆทักท้วงแต่อย่างไร

วี๊ดดด!! ไป๋จูเหวินผิวปากครั้งหนึ่งเพื่อส่งสัญญาณไปให้พวกหลินหลินและหงเยว่ที่รอมันอยู่ที่เขต 7 ก่อนจะตรงไปยังวังมังกรของหวงหลงในทันที

ฟุบ! ไป๋จูเหวินทะยานขึ้นไปบนกำแพงสูงของวังมังกรพร้อมพยายามเก็บซ่อนพลังของตนให้ได้มากที่สุด

 เจ้า หยุดนะ ไม่ทันได้ทำอะไร อยู่ๆที่ด้านหลังของไป๋จูเหวินก็ปรากฏร่างของอสูรอินทรีตนหนึ่งเข้ามาขวาง

 ขอโทษด้วย แต่ช่วยปล่อยข้าไปเถอะ ไป๋จูเหวินพูดพลางหันไปจ้องอสูรอินทรีตรงหน้า

 อะ…เอ่อ….ได้ อสูรอินทรีอ้ำอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบตกลง มันหันกลับไปบินราดตระเวนเช่นเดียวกับที่เคยทำก่อนหน้านี้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตุบ….ไป๋จูเหวินเล็ดลอดเข้ามาในวังมังกรอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถเนตรจิตของมันทำให้มันรู้ได้ทุกมุมว่ามีคนอยู่หรือไม่ อย่างเดียวที่มันต้องระวังคือคนที่มีอำนาจตรวจจับระยะไกลนั่นเอง

ฟุบ…ภายในวังมังกรมีทั้งเหล่าอาวุโสและรองหัวหน้า รวมถึงตัวหวงหลงเองอีกด้วย แต่จะว่าโชคดีหรือไม่ก็ไม่ทราบที่เหล่าอาวุโสและรองหัวหน้าต่างอยู่ในห้องประชุมกันเช่นเดิม ส่วนเหม่ยหลินนั้นออกจากห้องประชุมมาแล้วและพักอยู่ในห้องหนึ่งของวังมังกรแห่งนี้

 …. ไป๋จูเหวินหยุดอยู่ตรงมุมทางเดินที่ทอดยาวไปถึงห้องของเหม่ยหลิน ที่หน้าห้องของนางมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนเฝ้ายามอยู่ ท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปง่ายๆเป็นแน่

ก๊อกๆ ขณะเหม่ยหลินนั่งอยู่ในห้องของตน อยู่ๆนางก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง บิดาของนางพึ่งสั่งห้ามใครมารบกวนนาง ทำเอานางคิดว่าจะไม่มีใครเข้ามาแล้วเสียอีก

 คุณหนู… หยวนหยวนที่นอนอยู่ในห้องพูดพลางกลายร่างเป็นมนุษย์ในทันที นางหันมาทางเหม่ยหลินราวกับจะถามว่าควรเปิดประตูหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเหม่ยหลินพยักหน้าช้าๆหยวนหยวนจึงเดินไปเปิดประตูออก

 คุณหนูเหม่ยหลิน ที่หน้าประตูปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ควรจะทำหน้าที่เฝ้าประตูของเหม่ยหลินเอาไว้

 พี่จูเชวี่ย.. เหม่ยหลินกระพริบตาถี่ๆอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าพี่จูเชวี่ยเฝ้าอยู่หน้าประตูหรือ ทำไมนางต้องเคาะประตูล่ะ?

 มีแขกมาหาเจ้าค่ะ จูเชวี่ย 1 ในอสุรทั้ง 4 ของหวงหลงว่าพลางถอยให้ไป๋จูเหวินเดินเข้ามาอย่างง่ายดาย

 พี่ไป๋… เหม่ยหลินสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นคนที่เข้ามา อย่าว่าแต่ไป๋จูเหวินเลยเขตนี้เป็นที่พักของเหม่ยหลิน แม้แต่อาวุโสทั้ง 10 ยังไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ ไม่มีทางที่ไป๋จูเหวินจะเข้ามาด้วยวิธีธรรมดาอย่างแน่นอน

 มากับข้า ไป๋จูเหวินว่าพลางจับมือของเหม่ยหลินเอาไว้

 เดี๋ยวสิ นี่มันอะไรกันคะ เหม่ยหลินเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด อยู่ๆไป๋จูเหวินก็มาโผล่ที่ห้องของนาง แถมกำลังจะพาตัวนางออกไปอีกต่างหาก

 ข้ามาลักพาตัวเจ้า ไป๋จูเหวินว่าพลางกุมมือของเหม่ยหลินแน่น ทำเอาใบหน้าของเหม่ยหลินแดงระเรื่อขึ้นมา

 แหมๆ คุณชายไป๋รับไม่ได้ที่คุณหนูถูกหมั้นหมายกับคนอื่นจนต้องมาชิงตัวเลยงั้นเหรอ หยวนหยวนกลับเป็นร่างแมวพลางขึ้นไปขี่บนไหล่ของไป๋จูเหวินราวกับแสดงความยินยอมสุดๆ

 ….. แม้ไป๋จูเหวินจะไม่ตอบ แต่ได้ยินสิ่งที่พี่หยวนหยวนพูดออกมา เหม่ยหลินก็แอบคิดตามไม่ได้

ฟุบๆ… ร่างของเหม่ยหลินและไป๋จูเหวินกระโจนออกจากวังมังกรอย่างรวดเร็วจนแม้แต่เหม่ยหลินยังประหลาดใจ เมืองร้อยแปดอสูรเป็นเมืองที่มีความปรอดภัยเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะนอกจากระบบเฝ้ายามบนอากาศแล้วยังมีหน่วยตามกลิ่นอย่างพวกอสูรสุนัขและหน่วยม้าเร็วที่คอยตรวจตรารอบๆเมืองอีกต่างหาก การพาตัวเหม่ยหลินออกมาจากวังมังกรแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหม่ยหลินขมวดคิ้วพลางมองเหล่าอสูรปักษาที่บินอยู่เหนือเมือง พวกมันบินไปรอบๆราวกับไม่เห็นว่านางอยู่ตรงนี้เลย

 บินไปๆ คุณชายบอกว่าให้ปล่อยเข้าไปแนะ เหล่าอสูรปักษาว่าพลางบินไปรอบๆตามปกติ แม้แต่อสูรสุนัขเองยังทำเพียงกระดิกหางเมื่อไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินผ่านไปเท่านั้น

 ไป๋จูเหวิน… อาวุโสเทียนหมิงพุ่งขึ้นมาจากหลังคาบ้านหลังหนึ่งหลังจากเอะใจท่าทีของไป๋จูเหวิน อยู่ๆมันก็ลงจากเกี้ยวไปทำให้มันกังวลไม่น้อย แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กนี่กลับพาตัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหวงหลงออกมาจากวังมังกรได้ง่ายดายเช่นนี้ แถมระบบป้องกันอสูรยังล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกต่างหาก

 ท่านอาวุโส เกี้ยวขององค์ชายอยู่ที่ไหน ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปรอบๆ

 เกือบจะออกนอกเมืองแล้ว ตามไปเถอะ อาวุโสเทียนหมิงตอบพลางขยับตัวนำออกไป มันได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้วจึงทราบดีว่าไป๋จูเหวินจะทำอะไร

 ไปกันเถอะ ไป๋จูเหวินหันมายิ้มให้เหม่ยหลิน ก่อนจะดึงนางให้ออกวิ่งตามตนเองไป แม้จะไม่เข้าใจว่าไป๋จูเหวินจะทำอะไรแต่เหม่ยหลินกลับยอมตามไปง่ายๆเสียอย่างนั้น

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 93 ลักพาตัว

 

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล

Status: Ongoing

ตุบ! เสียงบางอย่างตกลงมาจากที่สูงทำเอาภายใต้ช่องเขาแห่งนี้เกิดเสียงสะท้อนเลื่อนลั่นไปรอบบริเวณ แต่ถึงจะสร้างเสียงดังเพียงใดก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น

วูบ… ร่างสีขาวหมดจดร่างหนึ่งปรากฏยังตำแหน่งที่เสียงดังนั้นปรากฏ แม้จะไม่มีมนุษย์แต่สถานที่แห่งนี้กลับเป็นถิ่นที่อยู่ของอสูรตนหนึ่ง มันมีเรือนร่างแปลกพิสดาร ทั่วร่างเป็นสีขาวหม่นหมองทั้งร่าง รูปร่างของมันจะว่าเหมือนแมงมุมหรือก็ไม่ใช่ จะบอกว่าเหมือนมังกรหรือก็ไม่ชัดเจน ทุกคนต่างเรียกขานมันว่าฝันร้ายสีขาว มันเป็นตัวตนที่สร้างความหวาดกลัวให้ทั้งมนุษย์และอสูรด้วยกัน

แกร๊ก ทันทีที่ขาหนึ่งของมันก้าวมาถึงตำแหน่งเสียง ดวงตาทั้ง 8 ของมันก็จดจ้องไปยังร่างของเด็กชายที่ตกลงมาจากหน้าผาด้วยท่าทีประหลาดใจ เหตุใดมนุษย์ถึงไม่ตายหลังจากตกลงมาลึกขนาดนี้ ที่ๆมันอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าผาไร้ก้น เพราะหากมองจากด้านบนจะไม่สามารถเห็นก้นเหวได้เลย แม้แต่มองจากก้นผาก็แทบจะเห็นท้องฟ้าเป็นเส้นด้ายเส้นบางๆเท่านั้น เพราะก้นผาแห่งนี้อยู่ลึกอย่างมาก

ขณะสงสัยอยู่ๆอสูรที่มีร่างกายสีขาวก็เริ่มอ้าปากของมันออกช้าๆ เขี้ยวราวกับแมงมุมของมันอ้าออกเผยให้เห็นปากอันกว้างใหญ่ที่หากจะกินเด็กชายตรงหน้าคงกระทำได้ด้วยการกลืนมันทั้งตัวในคำเดียวเท่านั้น แต่ขณะจะกินเด็กชายลงไปทั้งตัว ปากของมันพลันหยุดชะงัก ก่อนจะค่อยๆหุบกลับเช่นเดิม ดวงตาของมันเพ่งมองเด็กชายที่นอนสลบอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ร่างของมันแตกหักยับเยินราวกับตุ๊กตาดินที่ถูกบี้เละเทะ แขนขางองุ้ม ลำตัวแดงบ้างม่วงบ้าง แต่มันกลับยังหายใจอยู่ ด้วยร่างกายที่ยับเยินเช่นนี้มันกลับสามารถประคองชีวิตของมันเอาไว้ได้

 หรือจะเป็นโชคชะตากัน.. อสูรแมงมุมพูดออกมาพลางมองใบหน้าของเด็กชาย ทำไมมันถึงตกลงมาในที่แห่งนี้ได้ ทำไมมันถึงไม่ตาย แล้วทำไมมันถึงไม่คิดจะกินมันกัน…..

แม้แต่ตัวมันยังไม่สามารถหาคำตอบออกมาได้ . . . .

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท